xs
xsm
sm
md
lg

เปลี่ยนแปลงตัวเองง่ายมาก ทำได้สนุก การงานดี / ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เคยรู้สึกไหมครับ...การใช้ชีวิตยุคนี้เสมือนโลก เราหมุนเร็วขึ้นและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีเทคโนโลยี ดิจิทัลเป็นตัวเร่งให้เกิดผลลัพธ์ที่อาจเป็นโอกาสหรือเป็นภัยคุกคามที่เกิดผลกระทบกันทั่วหน้า

ขณะนี้ วันเวลาก็ผ่านการอวยพรต้อนรักศกใหม่ทั้งแบบฝรั่งและแบบจีน จนเข้าสู่ปีใหม่ไทยในเดือนเมษายนรวมแล้วได้ 120 วัน นับว่าผ่านไป 1 ใน 3 ของปี 2562 แล้ว

คนที่มีจุดหมายของชีวิตที่ดี ก็ยังต้องทบทวนและปรับแผนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมด้านต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสมใจ

แต่ที่น่าเห็นใจคือ คนที่ไม่รู้ตัวว่าต้องปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลง รวมทั้งคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ต้องประสบกับชะตากรรมจากการถูกผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง

จังหวะนี้จึงขอนำสาระสำคัญของหนังสือ Positive Change ที่พิมพ์ในภาคภาษาไทยว่า “แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต” มาแบ่งปัน

นี่เป็นผลงานเขียนของนักอ่านใจไดโกะ (Mentalist Dai Go) นักจิตวิทยาชื่อดังเจ้าของหนังสือขายดีกว่าล้านเล่มที่ญี่ปุ่น

หนังสือเล่มนี้ ไดโกะชี้แนะวิธีการเปลี่ยนแปลงตัวเองในเชิงบวกและเป็นแนวทางที่ทำได้อย่างสนุกไม่เครียด 3 ขั้นตอน ได้แก่

เอาละ เรามาดูรายละเอียดกัน ขอเริ่มที่ประเด็นว่า คนส่วนใหญ่ที่มีความฝัน ทำนองใฝ่ดี เช่นอยากทำให้ดีกว่านี้... อยากเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ... แต่ทำไมเปลี่ยนตัวเองไม่ได้

ทั้งๆ ที่หลายคนใช้ความพยายามและอดทนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อทำให้ชีวิตและการทำงานดีขึ้น แต่ก็ก้าวข้ามปัญหาไปไม่พ้น หนังสือเล่มนี้จึงเสนอแนะวิธีการใหม่ ที่ดูง่ายๆ และท้าทายให้พิสูจน์

ขั้นตอนที่ 1 ถือเป็นกฎเหล็กที่ต้องยึดมั่น เป็นก้าวแรกในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเชิงบวก (Positive Change) ด้วยกฎ 3 ข้อ

1.ไม่ต้องใช้สมอง

กฎข้อ 1 ไม่ต้องใช้สมอง
ไม่จำเป็นต้องคิดมากว่า ควรทำอย่างไร เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะจะเป็นตัวฉุดให้การเริ่มลงมือทำช้าออกไป แล้วก็เลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น จึงควรเริ่มลงมือทำทันที

ก็อย่างที่สตีฟ จ็อบส์ เคยกล่าวในสุนทรพจน์ก้องโลก ในพิธีสำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่พูดถึงการ “ลากเส้นต่อจุด” ว่า “เราไม่อาจมองอนาคตล่วงหน้า ในการเชื่อมจุดเข้าด้วยกันได้ สิ่งที่ทำได้ก็แค่จับมาเชื่อมโยงกันทีหลัง”

จ็อบส์ไม่ได้แอบไปเรียนวิชาออกแบบตัวอักษร เพื่อมาใช้ออกแบบคอมพิวเตอร์แมคอินทอช และไม่เคยคิดว่าวิชานี้จะเป็นประโยชน์ในอนาคต เขาแค่ทำในสิ่งที่สนใจ

สรุปก็คือ ถ้าไม่เริ่มลงมือทำ ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่จำเป็นเพิ่มเติมคืออะไร

กฎข้อ 2 ไม่ต้องหาข้ออ้าง
เพราะการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรม จึงต้องเริ่มทันที แม้ทีละอย่างก็ยังดี

อัลเฟรด แอดเลอร์ นักจิตวิทยา ซึ่งได้รับยกย่องเทียบชั้นกับ ซิกมุนด์ ฟรอย และคาร์ล จุง ได้เสนอ “ทฤษฎีเป้าหมาย” ซึ่งเป็นหลักจิตวิทยาการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ที่ไม่สนใจอดีต แต่มุ่งปัจจุบันและอนาคต

ท่านอธิบายว่า ที่คนไม่เริ่มลงมือทำ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง อาจไม่อยากเปลี่ยนแปลง จึงใช้ความกลัวหรือกังวลเป็นข้ออ้าง ดังนั้น เมื่อคิดตามทฤษฎีนี้ ที่มุ่งบรรลุเป้าหมายและใช้สิ่งที่มีอยู่โดยไม่มองจุดอ่อนแต่มองในแง่ดี ใช้จุดแข็งหรือจุดเด่นเฉพาะตัวให้เป็นประโยชน์นำพาไปสู่ความสำเร็จได้

กฎข้อ 3 ไม่ต้องมีความหวัง
เพราะการได้ลงเริ่มลงมือทำ ก็คือ ความหวังการคิดบวก ทำให้มองตัวเองมีจุดเด่นจึงมีความกลัวที่จะติดต่อเจรจาและกระทำ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

ด้วยหลักคิดที่ว่า “ไม่ใช่มีกำลังใจ” แล้วจึงมีลงมือทำ แต่เมื่อเริ่มลงมือทำแล้ว “จึงมีกำลังใจ”

ขณะที่ “กฎของความตื่นเต้นในการทำงาน” การลงมือทำ สมองก็หลั่งสารโดทามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความหวัง

ขั้นตอนที่ 2
การเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ผล ต้อง “เปลี่ยนพฤติกรรม” ซึ่งควรเปลี่ยนใน 7 หัวข้อ เหมือนการเปิดสวิตช์ 7 ด้าน

สวิตช์ 1 เวลา
การใช้เวลา คือ การใช้ชีวิตในแต่ละวัน ควรเขียนรายงานกิจวัตรที่ทำตั้งแต่ตื่นถึงเข้านอน เพื่อดูให้รู้สัดส่วนการใช้เวลาและเปลี่ยนแปลงให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ตัวอย่างเช่น :

เรื่องที่เปลี่ยนง่ายที่สุดคือ เวลาตื่นนอน ถ้าตื่นเช้าขึ้น 2 ชั่วโมง ก็ได้ช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการคิดหรือทำสิ่งใหม่ๆ เชิงบวก ขณะที่ชดเชยการนอนที่หายไป โดยการนอนเร็วขึ้น

เปลี่ยนแปลงทีละ 10% เช่น การตื่นนอนเช้าขึ้น อาจทำแบบค่อยเป็นค่อยไป 2-3 วันแรก เปลี่ยนเวลาตื่นเร็วจึ้น 10% (12 นาที) แล้วค่อยเพิ่มจนครบเดือนก็ได้เร็วขึ้น 2 ชั่วโมง

สวิตช์ 2 คำพูด
ก่อให้เกิดการกระทำและการกระทำจะกำหนดนิสัย
ระวังคำพูด จึงเป็นวิธีที่ทรงพลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

สวิตช์ที่ 3 เพื่อน
เพื่อนที่อยู่รอบตัวมีอิทธิพลค่อนข้างมาก หากต้องการเปลี่ยนตัวเองจริงๆ ต้องทบทวนเพื่อนที่มีอยู่และควรหาเพื่อนใหม่ด้วยการเปลี่ยนจังหวะชีวิตที่ก้าวหน้าขึ้น

สวิตช์ที่ 4 สิ่งของใกล้ตัว
เพราะนิสัยจะเปลี่ยนไป สิ่งของที่คุณสัมผัส ควรใส่ใจกับสิ่งที่ใช้ประโยชน์เฉพาะตัวได้ดี และลดสิ่งของที่รกรุงรังหรือไม่ได้ใช้

สวิตช์ที่ 5 สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม จึงต้องปรับเปลี่ยนให้สะดวกเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง

สวิตช์ที่ 6 รูปลักษณ์ภายนอก
คนที่เกี่ยวข้องและคนรอบข้างจะปฏิบัติต่อเราต่างออกไปตามการเปลี่ยนแปลง เช่น สีเสื้อ การแต่งหน้า ทรงผม แว่นตา และการแต่งกาย ที่ดูน่าเชื่อถือ น่าคบหา

สวิตช์ที่ 7 อาหาร
ควรสนใจเปลี่ยนแปลงการกินอาหารทั้งรายการอาหารและวิธีการกินที่เสริมสร้างสุขภาพและพลังงาน โดยเฉพาะรักษาสัดส่วนมื้อเย็นที่ 20%

ท้ายที่สุดของกระบวนการเปลี่ยนแปลง เป็นขั้นตอนที่ 3 ด้วยการฝึกฝนภาคปฏิบัติต่อเนื่อง 5 สัปดาห์ โดยมีการเขียนบันทึกวิธีการอย่างชัดเจน
ข้อมูลจากหนังสือ : แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดชีวิต
ผู้เขียน Mentalist DaiGo
ผู้แปล ธนัญ พลแสน
สำนักพิมพ์ Amarin


แนะนำหนังสือ



กฎ 20 ชั่วโมงแรก
ผู้เขียน : จอช คอฟแมน
ผู้แปล : วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
ราคา 220 บาท
อยากเก่งอะไร... ไม่ว่ายากแค่ไหน คุณก็สามารถทำได้ในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิม 100 เท่า!



สำเร็จได้ไม่ต้องรอให้สมบูรณ์แบบ
ผู้เขียน : สตีเฟ่น ไกส์
ผู้แปล : ชนิกานต์ แตงน้อย
สำนักพิมพ์ : Shortcut
ราคา 245 บาท
ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง! ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ต้องยอมพลาดและยอมรับความเป็นตัวเอง ชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ไม่ต้องรีรอ



เคล็ดลับอายุยืนจากลำไส้ที่หมอไม่เคยบอกคุณ
ผู้เขียน : Giulia Enders
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
ราคา 295 บาท
ถ้าอยากมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว คนส่วนใหญ่มักใส่ใจกับอวัยวะอย่างหัวใจ ปอด หรือสมอง น้อยคนนักที่จะใส่ใจหรือแม้แต่เข้าใจ "ลำไส้" ทั้งที่มันเป็นอวัยวะที่ชี้เป็นชี้ตายชีวิตเราได้เลยทีเดียว



ทำธุรกิจ เริ่มจาก 10 ให้ได้ 100
ผู้เขียน : แพททริค เจ. แมคกินนิส
ผู้แปล : สุวิดา นวมเจริญ
สำนักพิมพ์ : จุฬาลงกรณ์
ราคา 245 บาท
เรียนรู้วิธีทำธุรกิจควบคู่ไปกับการทำงานประจำ ด้วยคำแนะนำที่จะทำให้คุณได้สำรวจความชอบและจุดแข็งของตัวเอง เพื่อหาธุรกิจที่เหมาะกับคุณมากที่สุด พร้อมตัวอย่างของผู้ประกอบการ 10% ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย




กำลังโหลดความคิดเห็น