แม้ว่าพืชสมุนไพรอย่าง “สะเดา” นั้นจะขึ้นชื่อในเรื่องของความขม จนใครหลายคนมักหลีกเลี่ยงที่จะกินพืชดังกล่าว แต่แท้ที่จริงแล้วพืชชนิดนี้มีสรรพคุณต่างๆ มากมายซ่อนอยู่ภายในรสชาติอันแสนขม และคงเป็นเรื่องที่เสียดายหากต้องปล่อยให้แห้งคาต้นไปอย่างที่ไม่คิดจะลองรับประทานด้วยซ้ำ
ราก : ช่วยขับเสมหะในจมูกและลำคอ
เปลือก : นำมาทำเป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้บิดมูกเลือด แก้ท่องร่วง และนำมาต้มเพื่อช่วยล้างแผล
แก่น : แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ลม แก้ไข้ตัวร้อน ไข้จับสั่น
ใบ : ช่วยขับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร แก้ไข้ แก้พยาธิ บำรุงโลหิต และแก้ร้อนในกระหายน้ำ
ดอก : ช่วยแก้โรคริดสีดวงในลำคอ และบำรุงธาตุต่างๆ ในร่างกาย
ผลอ่อน : ช่วยแก้ริดสีดวง ฆ่าพยาธิ แก้อาการปัสสาวะผิดปกติ และช่วยเจริญอาหาร
ผล : เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องบิดมูกเลือด เป็นยาระบาย แก้โรคหัวใจเต้นผิดปกติ
ยาง : ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
น้ำมันจากเมล็ด หรือ margosa oil : ช่วยแก้โรคผิวหนัง
แม้ว่าสะเดาจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้ารับประทานมากไปก็ไม่เป็นผลดีเช่นเดียวกัน ฉะนั้น หากรับประทานไปแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ดีกว่า แล้วถ้าเป็นหญิงมีครรภ์ หรือมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน กระเพาะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานด้วย เพื่อไม่ให้อาการของโรคแย่ลงกว่าเดิม
ราก : ช่วยขับเสมหะในจมูกและลำคอ
เปลือก : นำมาทำเป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร แก้ไข้บิดมูกเลือด แก้ท่องร่วง และนำมาต้มเพื่อช่วยล้างแผล
แก่น : แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ลม แก้ไข้ตัวร้อน ไข้จับสั่น
ใบ : ช่วยขับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร แก้ไข้ แก้พยาธิ บำรุงโลหิต และแก้ร้อนในกระหายน้ำ
ดอก : ช่วยแก้โรคริดสีดวงในลำคอ และบำรุงธาตุต่างๆ ในร่างกาย
ผลอ่อน : ช่วยแก้ริดสีดวง ฆ่าพยาธิ แก้อาการปัสสาวะผิดปกติ และช่วยเจริญอาหาร
ผล : เป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องบิดมูกเลือด เป็นยาระบาย แก้โรคหัวใจเต้นผิดปกติ
ยาง : ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้
น้ำมันจากเมล็ด หรือ margosa oil : ช่วยแก้โรคผิวหนัง
แม้ว่าสะเดาจะมีประโยชน์มาก แต่ถ้ารับประทานมากไปก็ไม่เป็นผลดีเช่นเดียวกัน ฉะนั้น หากรับประทานไปแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์ดีกว่า แล้วถ้าเป็นหญิงมีครรภ์ หรือมีโรคประจำตัว เช่น ความดัน กระเพาะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานด้วย เพื่อไม่ให้อาการของโรคแย่ลงกว่าเดิม