เรียกว่าเป็นอีกเทรนด์ที่หลายๆ คนกำลังทำตามกันเพื่อสุขภาพ จริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เป็นเพื่อสุขภาพของเราเอง อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะออกกำลังกายแล้วเห็นผลทีเดียว อาจจะต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง เรามาดูกันว่าข้อดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง

1.ไม่รับประทานอาหารที่ให้พลังงานก่อนออกกำลังกาย
หลายคนชอบออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างและน้ำหนักเล็กลง จึงพยายามควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป และไปออกกำลังกายให้หนักขึ้น ด้วยเพราะเข้าใจว่าจะเบิร์นเอาพลังงานที่เข้าไปออกให้หมด แต่ทราบมั้ยว่าหากไม่รับประทานอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายเลย แล้วไปออกกำลังกายหนักๆ ซึ่งนอกจากจะมีอาการวูบแล้ว ยังอาจเสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารในระยะยาวด้วย
2.ออกกำลังกายท่าเดียว
หากเคยเห็นคนที่ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส แล้วเห็นคนเอาแต่ออกกำลังกายอยู่แค่ส่วนเดียวหรือเปล่า ถ้าเห็นแล้วควรเข้าไปเตือนเขาแล้ว เพราะการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงนั้นต้องออกกำลังกายให้ได้ทุกส่วน ทั้งแขน ขา หน้าท้อง สะโพก หรือส่วนอื่นๆ ไปด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ร่างกายนั่นเอง
3.คาร์ดิโอที่มากเกินไป
เช่นเดียวกัน บางจำพวกก็เอาแต่วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยหอบและหัวใจเต้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเล่นแต่คาดิโอเพื่อเบิร์นหนักๆ ร่างกายก็จะมีการปรับตัวคุ้นชินกับการเบิร์นในแบบนั้น แต่หากร่างกายเรามีการปรับตัวเมื่อไหร่ เราอาจจะออกกำลังกายได้นานขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง ขณะที่การเผาผลาญพลังงานเท่าเดิม ดังนั้นก็ควรออกกำลังกายแบบอื่นๆ สลับกันไปเรื่อยๆ อย่าให้ร่างกายคุ้นชินกับคาร์ดิโอมากเกินไป
4.ไม่วอล์มอัพ-คูลดาวน์
หลายคนไม่เห็นความสำคัญในการวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย และลืมคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย แต่ทราบหรือไม่ว่า การทำทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ เพราะการวอร์มอัพและคูลดาวน์เป็นการช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดี นอกจากนี้เป็นการวอร์มกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะ ไม่เร่งเร้าการสูบฉีดโลหิตมากเกินไป ลดอาการเหนื่อยหอบอย่างเฉียบพลัน หรือหน้ามืดจากการออกกำลังกายได้มากขึ้นด้วย
5.นับแคลอรีอย่างจริงจัง
การรับประทานอาหารที่นับแคลอรีนั้น อาจจะส่งผลทั้งในเรื่องการเคร่งครัดหรือเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ในภายหลัง ทางที่ดีควรจะรับประทานให้พออิ่ม เลือกรับประทานประเภทอาหารที่รับประทาน มีสติว่าวันนี้ได้รับประทานอะไรไปบ้าง ควรหรือไม่ควรรับประทานต่อ และออกกำลังกายตามปกติ เท่านี้ก็ไม่ต้องนับแคลอรีให้วุ่นวายแล้ว ถ้าเน้นกินตอนกลางวันและเลี่ยงมื้อเย็นก็อาจจะเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะในอนาคตด้วย
1.ไม่รับประทานอาหารที่ให้พลังงานก่อนออกกำลังกาย
หลายคนชอบออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างและน้ำหนักเล็กลง จึงพยายามควบคุมปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไป และไปออกกำลังกายให้หนักขึ้น ด้วยเพราะเข้าใจว่าจะเบิร์นเอาพลังงานที่เข้าไปออกให้หมด แต่ทราบมั้ยว่าหากไม่รับประทานอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกายเลย แล้วไปออกกำลังกายหนักๆ ซึ่งนอกจากจะมีอาการวูบแล้ว ยังอาจเสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารในระยะยาวด้วย
2.ออกกำลังกายท่าเดียว
หากเคยเห็นคนที่ไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส แล้วเห็นคนเอาแต่ออกกำลังกายอยู่แค่ส่วนเดียวหรือเปล่า ถ้าเห็นแล้วควรเข้าไปเตือนเขาแล้ว เพราะการออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรงนั้นต้องออกกำลังกายให้ได้ทุกส่วน ทั้งแขน ขา หน้าท้อง สะโพก หรือส่วนอื่นๆ ไปด้วย เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีแก่ร่างกายนั่นเอง
3.คาร์ดิโอที่มากเกินไป
เช่นเดียวกัน บางจำพวกก็เอาแต่วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน เพื่อให้ร่างกายเหนื่อยหอบและหัวใจเต้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าเล่นแต่คาดิโอเพื่อเบิร์นหนักๆ ร่างกายก็จะมีการปรับตัวคุ้นชินกับการเบิร์นในแบบนั้น แต่หากร่างกายเรามีการปรับตัวเมื่อไหร่ เราอาจจะออกกำลังกายได้นานขึ้นแต่เหนื่อยน้อยลง ขณะที่การเผาผลาญพลังงานเท่าเดิม ดังนั้นก็ควรออกกำลังกายแบบอื่นๆ สลับกันไปเรื่อยๆ อย่าให้ร่างกายคุ้นชินกับคาร์ดิโอมากเกินไป
4.ไม่วอล์มอัพ-คูลดาวน์
หลายคนไม่เห็นความสำคัญในการวอร์มร่างกายก่อนออกกำลังกาย และลืมคูลดาวน์หลังออกกำลังกาย แต่ทราบหรือไม่ว่า การทำทั้งสองอย่างนี้มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ เพราะการวอร์มอัพและคูลดาวน์เป็นการช่วยลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดี นอกจากนี้เป็นการวอร์มกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นเป็นจังหวะ ไม่เร่งเร้าการสูบฉีดโลหิตมากเกินไป ลดอาการเหนื่อยหอบอย่างเฉียบพลัน หรือหน้ามืดจากการออกกำลังกายได้มากขึ้นด้วย
5.นับแคลอรีอย่างจริงจัง
การรับประทานอาหารที่นับแคลอรีนั้น อาจจะส่งผลทั้งในเรื่องการเคร่งครัดหรือเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตได้ในภายหลัง ทางที่ดีควรจะรับประทานให้พออิ่ม เลือกรับประทานประเภทอาหารที่รับประทาน มีสติว่าวันนี้ได้รับประทานอะไรไปบ้าง ควรหรือไม่ควรรับประทานต่อ และออกกำลังกายตามปกติ เท่านี้ก็ไม่ต้องนับแคลอรีให้วุ่นวายแล้ว ถ้าเน้นกินตอนกลางวันและเลี่ยงมื้อเย็นก็อาจจะเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะในอนาคตด้วย