xs
xsm
sm
md
lg

ความเสี่ยงของการ “ฟอกฟันขาว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

แน่นอนว่า “การฟอกสีฟัน” นั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งของคนรักษาฟันที่จะทำให้ชุดฟันของตนเองดูดีขึ้นมา แต่นั่นก็อาจจะไม่ใช่วิธีการที่ดีสำหรับบางคน เพราะสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ แจงว่า การฟอกสีฟันเป็นการรักษาเพื่อแก้ไขสีของฟันให้ขาวขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคน แนะนำว่าปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเข้ารับบริการดีกว่า

นายแพทย์ ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การฟอกสีฟัน หรือฟอกสีฟันขาว เพื่อเป็นการรักษาสีของฟันที่มีอาการสีต่างๆ ให้มีความขาวขึ้นนั้น เกิดจากการที่มีอายุมากขึ้น อาหาร คราบบุหรี่ ชา กาแฟ หรือยาบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแก้ไขด้วยการสีฟันได้ เพราะว่ามีข้อจำกัด เช่น ฟันตกกระที่เกิดจากผลข้างเคียงของยา ภาวะเหงือกร่น ฟันที่เปลี่ยนสีจากอุบัติเหตุหรือตามอายุการใช้งาน ฉะนั้น ก่อนจะทำการฟอกฟันควรมีการปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ และไม่แนะนำให้ทำการฟอกฟันด้วยตนเอง

ขณะที่ ทันตแพทย์ บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การฟอกสีฟันนั้นสิ่งแรกที่ควรต้องทำ คือ การมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุของสีฟันเพื่อวางแผนการรักษา ตรวจสุขภาพฟันให้แน่ชัดว่าไม่มีฟันผุ อาการเสียวฟัน เนื่องจากภาวะเหงือกร่น หลังจากนั้นจะขุดหินปูน หรือขัดคราบสีออกแล้วจึงพิมพ์ปากคนไข้เพื่อสร้างแบบจำลองฟัน นำมาทำถาดฟอกสีฟัน โดยทำการบันทึกสีของฟันก่อน จากนั้นจึงทำการรักษาต่อไป

โดยการฟอกสีฟันจะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงร่วมกับการกระตุ้นด้วยแสง เพื่อเร่งปฏิกิริยาในการฟอกสีฟัน โดยการทำปฏิกิริยากับสารที่มีในฟันทำให้สีเหลืองหรือดำคล้ำที่สะสมอยู่ในเนื้อฟันสีอ่อนลงโดยไม่มีผลต่อโครงสร้างของฟัน แต่ในบางรายอาจจะมีอาการเสียวฟันในขณะทำหรือหลังทำได้ และจะหายไปเองภายใน 1-2 วันหลังการฟอกสีฟัน ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดคราบสีบนฟัน รวมทั้งงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง รวมถึงบ้วนปากด้วยน้ำยาผสมฟลูออไรด์ก่อนนอนทุกวัน และควรพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยทุก 6 เดือน



กำลังโหลดความคิดเห็น