หากคุณทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ แน่นอนว่า “กาแฟ” ย่อมที่จะเป็นของคู่กันเสมอ เชื่อได้เลยว่าถ้าวันไหนไม่มีกาแฟมาช่วยในระหว่างทำงานด้วยแล้ว หลายๆ คนอาจจะมีความง่วงเข้ามาทดแทนในระหว่างวัน จนต้องให้กาแฟ หรือกาเฟอีน มาเป็นตัวช่วยระหว่างวันจนได้ แต่อาการดังกล่าวนี้อาจจะทำให้คุณมีการติดกาเฟอีนโดยไม่รู้ตัวก็เป้นได้

“กาเฟอีน” ทำให้ห่ายง่วงเพราะอะไร
เนื่องจากกาเฟอีนในชา กาแฟ รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆ ทั้งโกโก้ และน้ำอัดลม มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง และกาเฟอีนยังสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 45 นาที ดังนั้นถ้าอยากหายง่วง กระปรี้กระเปร่า ก็อาจทำให้ติดกาแฟไปโดยปริยาย
อาการเริ่มของคนติดกาเฟอีน
หากเป็นการติดเริ่มต้นจะมีการติดที่มากขึ้น เช่น จากวันละแก้วก็เพิ่มมาเป็น 2 แก้ว หรือถึงขั้นไปถึง 3-4 แก้ว เพราะเริ่มมีความรู้สึกว่าจากที่เคยดื่มนั้นเริ่มที่เอาไม่อยู่ และดื่มแล้วยังง่วง ไม่สดชื่น จึงพยายามเพิ่มปริมาณของกาแฟในแต่ละวันมากขึ้นเรื่อยๆ ภาวะนี้จะเรียกว่า ‘ภาวะดื้อกาเฟอีน’
ในขณะเดียวกัน หากมีอาการผิดปกติในวันใดวันหนึ่งที่ไม่ได้ดื่มกาเฟอีน เช่น ปวดศีรษะ ง่วงนอนมาก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และมีความต้องการดื่มชาหรือกาเฟอีนมากขึ้นกว่าเดิม จะเรียกอาการนี้ว่า ‘ภาวะถอนกาเฟอีน’ โดยอาการของแต่ละคนจะมีความรุนแรงมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณกาเฟอีนที่ได้รับในแต่ละช่วงเวลาปกติ
อันตรายจากการติดกาเฟอีน
หากช่วงเวลาใดมีการดื่มกาเฟอีนเข้าไปมากกว่าปกติ จะเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ พูดไม่รู้เรื่อง มีความสับสน หน้าแดง ปัสสาวะมากผิดปกติ หัวใจเต้นแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย ภาวะนี้จะเรียกว่า ภาวะพิษจากกาเฟอีน
รักษาอาการติด กาเฟอีน อย่างไร
สำหรับการรักษาการติดกาเฟอีนนั้นสามารถทำได้โดยค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มที่มีกาเฟอีนลงเรื่อยๆ จากวันละ 3-4 แก้ว ค่อยๆ ลดลงเหลือวันละ 2 แก้ว จนเหลือ 1 แก้วต่อวัน จากนั้นค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวจนสามารถหยุดดื่มในวันใดวันหนึ่งได้โดยไม่มีอาการข้างเคียง แต่ไม่ควรหยุดดื่มกาเฟอีนโดยทันที เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ใครที่ยังชอบกลิ่นและรสของกาแฟก็สามารถเลือกกาแฟดีแคฟ (Decaf) หรือกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีนได้
ดื่มกาแฟอย่างไรไม่ให้ติดเกินไป
หากมีการชอบกาเฟอีนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่อยากติดกาเฟอีนมากแล้วละก็ แนะนำว่าให้บังคับตัวเองให้ดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว หรือมากสุดไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และหากวันไหนไม่ได้มีอาการง่วงนอนมากก็สามารถข้ามวันนั้นไปได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม การพักผ่อนให้เพียงพอถือว่าเป็นการดีที่สุด
“กาเฟอีน” ทำให้ห่ายง่วงเพราะอะไร
เนื่องจากกาเฟอีนในชา กาแฟ รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆ ทั้งโกโก้ และน้ำอัดลม มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง และกาเฟอีนยังสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 45 นาที ดังนั้นถ้าอยากหายง่วง กระปรี้กระเปร่า ก็อาจทำให้ติดกาแฟไปโดยปริยาย
อาการเริ่มของคนติดกาเฟอีน
หากเป็นการติดเริ่มต้นจะมีการติดที่มากขึ้น เช่น จากวันละแก้วก็เพิ่มมาเป็น 2 แก้ว หรือถึงขั้นไปถึง 3-4 แก้ว เพราะเริ่มมีความรู้สึกว่าจากที่เคยดื่มนั้นเริ่มที่เอาไม่อยู่ และดื่มแล้วยังง่วง ไม่สดชื่น จึงพยายามเพิ่มปริมาณของกาแฟในแต่ละวันมากขึ้นเรื่อยๆ ภาวะนี้จะเรียกว่า ‘ภาวะดื้อกาเฟอีน’
ในขณะเดียวกัน หากมีอาการผิดปกติในวันใดวันหนึ่งที่ไม่ได้ดื่มกาเฟอีน เช่น ปวดศีรษะ ง่วงนอนมาก อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และมีความต้องการดื่มชาหรือกาเฟอีนมากขึ้นกว่าเดิม จะเรียกอาการนี้ว่า ‘ภาวะถอนกาเฟอีน’ โดยอาการของแต่ละคนจะมีความรุนแรงมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณกาเฟอีนที่ได้รับในแต่ละช่วงเวลาปกติ
อันตรายจากการติดกาเฟอีน
หากช่วงเวลาใดมีการดื่มกาเฟอีนเข้าไปมากกว่าปกติ จะเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย นอนไม่หลับ พูดไม่รู้เรื่อง มีความสับสน หน้าแดง ปัสสาวะมากผิดปกติ หัวใจเต้นแรง หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย ภาวะนี้จะเรียกว่า ภาวะพิษจากกาเฟอีน
รักษาอาการติด กาเฟอีน อย่างไร
สำหรับการรักษาการติดกาเฟอีนนั้นสามารถทำได้โดยค่อยๆ ลดปริมาณการดื่มที่มีกาเฟอีนลงเรื่อยๆ จากวันละ 3-4 แก้ว ค่อยๆ ลดลงเหลือวันละ 2 แก้ว จนเหลือ 1 แก้วต่อวัน จากนั้นค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวจนสามารถหยุดดื่มในวันใดวันหนึ่งได้โดยไม่มีอาการข้างเคียง แต่ไม่ควรหยุดดื่มกาเฟอีนโดยทันที เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงจนเกินไป อย่างไรก็ตาม ใครที่ยังชอบกลิ่นและรสของกาแฟก็สามารถเลือกกาแฟดีแคฟ (Decaf) หรือกาแฟที่ไม่มีกาเฟอีนได้
ดื่มกาแฟอย่างไรไม่ให้ติดเกินไป
หากมีการชอบกาเฟอีนเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่อยากติดกาเฟอีนมากแล้วละก็ แนะนำว่าให้บังคับตัวเองให้ดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว หรือมากสุดไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน และหากวันไหนไม่ได้มีอาการง่วงนอนมากก็สามารถข้ามวันนั้นไปได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม การพักผ่อนให้เพียงพอถือว่าเป็นการดีที่สุด