ต้องบอกว่า เป็นธัญพืชมหัศจรรย์ที่มีประโยชน์อนันต์อีกชนิดหนึ่งเลยล่ะค่ะ สำหรับ “โฮลเกรน” ซึ่งมีสรรพคุณดีงามถึงขั้นได้รับการนำมาผลิตเป็นของกิน หรือนำมาผสมเป็นส่วนประกอบในของรับประทานอย่างหลากหลาย

หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า มันคืออะไรกันนะ?
วันนี้คุณหมอจะพาไปทำความรู้จักกับเจ้าธัญพืชชนิดนี้ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพ
โฮลเกรน (Whole Grain) อธิบายง่ายๆ ก็คือ “ธัญพืชเต็มเมล็ด” หรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด ทำให้สามารถรักษาส่วนประกอบสำคัญซึ่งเป็นสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน
ส่วนประกอบของโฮลเกรนมีอะไรบ้าง ก็ไล่ไปตั้งแต่...
1. เยื่อหุ้มเมล็ด (Bran) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่นอกสุด โดยเยื่อหุ้มเมล็ดนี้มีเส้นใยอาหารมากมาย เช่นเดียวกับที่มีวิตามินบีซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในร่างกายให้เป็นน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ได้ และช่วยในกระบวนการเมตาโบลิซึมของไขมันและโปรตีน รวมถึงการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้เยื่อหุ้มเมล็ดยังมีแร่ธาตุ โปรตีน และธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อร่างกาย
2. เนื้อเมล็ด (Endosperm) ถือว่าเป็นส่วนหลักและเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน รวมไปจนถึงโปรตีนและวิตามินบีอีกจำนวนหนึ่ง
3. จมูกข้าว (Germ) แม้จะเป็นส่วนที่เล็กที่สุด แต่ทว่าในแง่ของคุณค่าสารอาหารนั้น จมูกข้าวก็มีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินอี แร่ธาตุ ตลอดจนไฟโตนิวเทรียนท์ หรือสารพฤกษเคมีที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระและเสริมภูมิต้านทาน
ทำความรู้จักกับโฮลเกรนกันไปแล้ว เรามาฟังข่าวดีอีกอย่างสำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามกันต่อเลยดีกว่า นั่นก็คือว่า มีงานศึกษาจาก The Harvard Nurses Health Study ที่เขาไปทำการศึกษากลุ่มผู้หญิงซึ่งมีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป แล้วได้พบค่ะว่า ผู้หญิงที่ทานโฮลเกรนเป็นประจำนั้น น้ำหนักจะน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่แตะโฮลเกรนเลย แถมคนที่ทานโฮลเกรนเป็นประจำ ยังลดความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้มากถึง 49% เลยทีเดียว!
งานนี้ไม่ใช่เล่นๆ นะคะ เพราะเขาวิจัยผู้หญิงจำนวนมากถึง 7 หมื่น 5 พันคน! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ!

นอกจากนี้แล้ว ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า คนทั่วไปที่ทานโฮลเกรนอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึงร้อยละ 21 ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้มากถึงร้อยละ 26 ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งในทางเดินอาหาร อีกทั้งช่วยป้องกันการท้องผูกได้อีกด้วย เพราะโฮลเกรนถือว่าเป็นธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยและขับถ่าย
คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วเจ้าโฮลเกรนที่ว่านี้ ทานได้เฉพาะผู้ใหญ่หรือเปล่า?
เปล่าเลยค่ะ เพราะจริงๆ แล้ว เด็กๆ ก็ทานได้ โดยเฉพาะเด็กๆ น้องๆ ในวัยเรียน นักโภชนาการแนะนำว่า ถ้าทานโฮเกรนเป็นมื้อเช้า ร่างกายจะย่อยอย่างช้าๆ และค่อยๆ ปลดปล่อยพลังงานออกมา ส่งผลให้มีพลังงานอย่างต่อเนื่องไปจนถึงมื้อกลางวัน มีสมาธิในการเรียน และเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนผู้ใหญ่ การทานโฮลเกรนจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ไม่กินจุบกินจิบ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
เอาเป็นว่า เราได้รู้จักกับธัญพืชที่มีประโยชน์กันไปแล้ว ซึ่งหมอก็จะบอกว่า เดี๋ยวนี้ โฮลเกรนหาทานได้ไม่ยาก สำหรับคนที่รักสุขภาพ นี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ
บทความโดย พญ.วารีรัตน์ โขมศิริ (หมอรี) เจ้าของนีโอเลเซอร์คลินิก และผู้บริหาร บ.อินโนเวทีฟ เฮลท์ จำกัด |
หลายคนอาจจะนึกสงสัยว่า มันคืออะไรกันนะ?
วันนี้คุณหมอจะพาไปทำความรู้จักกับเจ้าธัญพืชชนิดนี้ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพ
โฮลเกรน (Whole Grain) อธิบายง่ายๆ ก็คือ “ธัญพืชเต็มเมล็ด” หรือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือขัดสีน้อยที่สุด ทำให้สามารถรักษาส่วนประกอบสำคัญซึ่งเป็นสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน
ส่วนประกอบของโฮลเกรนมีอะไรบ้าง ก็ไล่ไปตั้งแต่...
1. เยื่อหุ้มเมล็ด (Bran) ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่นอกสุด โดยเยื่อหุ้มเมล็ดนี้มีเส้นใยอาหารมากมาย เช่นเดียวกับที่มีวิตามินบีซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตในร่างกายให้เป็นน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานไปใช้ได้ และช่วยในกระบวนการเมตาโบลิซึมของไขมันและโปรตีน รวมถึงการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้เยื่อหุ้มเมล็ดยังมีแร่ธาตุ โปรตีน และธาตุเหล็ก ซึ่งล้วนแล้วแต่จำเป็นต่อร่างกาย
2. เนื้อเมล็ด (Endosperm) ถือว่าเป็นส่วนหลักและเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ ทั้งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน รวมไปจนถึงโปรตีนและวิตามินบีอีกจำนวนหนึ่ง
3. จมูกข้าว (Germ) แม้จะเป็นส่วนที่เล็กที่สุด แต่ทว่าในแง่ของคุณค่าสารอาหารนั้น จมูกข้าวก็มีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี วิตามินอี แร่ธาตุ ตลอดจนไฟโตนิวเทรียนท์ หรือสารพฤกษเคมีที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระและเสริมภูมิต้านทาน
ทำความรู้จักกับโฮลเกรนกันไปแล้ว เรามาฟังข่าวดีอีกอย่างสำหรับคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงามกันต่อเลยดีกว่า นั่นก็คือว่า มีงานศึกษาจาก The Harvard Nurses Health Study ที่เขาไปทำการศึกษากลุ่มผู้หญิงซึ่งมีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป แล้วได้พบค่ะว่า ผู้หญิงที่ทานโฮลเกรนเป็นประจำนั้น น้ำหนักจะน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่แตะโฮลเกรนเลย แถมคนที่ทานโฮลเกรนเป็นประจำ ยังลดความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้มากถึง 49% เลยทีเดียว!
งานนี้ไม่ใช่เล่นๆ นะคะ เพราะเขาวิจัยผู้หญิงจำนวนมากถึง 7 หมื่น 5 พันคน! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ!
นอกจากนี้แล้ว ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า คนทั่วไปที่ทานโฮลเกรนอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ถึงร้อยละ 21 ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้มากถึงร้อยละ 26 ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งในทางเดินอาหาร อีกทั้งช่วยป้องกันการท้องผูกได้อีกด้วย เพราะโฮลเกรนถือว่าเป็นธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยและขับถ่าย
คำถามต่อมาก็คือว่า แล้วเจ้าโฮลเกรนที่ว่านี้ ทานได้เฉพาะผู้ใหญ่หรือเปล่า?
เปล่าเลยค่ะ เพราะจริงๆ แล้ว เด็กๆ ก็ทานได้ โดยเฉพาะเด็กๆ น้องๆ ในวัยเรียน นักโภชนาการแนะนำว่า ถ้าทานโฮเกรนเป็นมื้อเช้า ร่างกายจะย่อยอย่างช้าๆ และค่อยๆ ปลดปล่อยพลังงานออกมา ส่งผลให้มีพลังงานอย่างต่อเนื่องไปจนถึงมื้อกลางวัน มีสมาธิในการเรียน และเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนผู้ใหญ่ การทานโฮลเกรนจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ไม่กินจุบกินจิบ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
เอาเป็นว่า เราได้รู้จักกับธัญพืชที่มีประโยชน์กันไปแล้ว ซึ่งหมอก็จะบอกว่า เดี๋ยวนี้ โฮลเกรนหาทานได้ไม่ยาก สำหรับคนที่รักสุขภาพ นี่คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ