เคล็ดลับความเป๊ะปัง สวยสง่าจับด้วยออร่าสุขภาพดี ฉบับสาวน้อยศิลปินนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป Sweat16 ที่นอกจากความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ความสวยงามหรือรูปร่างที่ดีก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย คุณพ่อคุณแม่สวยหล่อส่งต่อมาทั้งหมด หากแต่เกิดจากวินัยและระเบียบที่สะสม บวกกับความตั้งใจทำให้เดินทางมาถึงจุดนี้ ตรงหน้าแสงสปอตไลต์
“พิม-พิม ขจรเวคิน” หนึ่งในต้นแบบดีๆ ของการดูแลสุขภาพที่สามารถนำมาปรับใช้กับเราได้ทุกคนให้ชีวิตผาสุกทั้งภายนอกและภายใน
สวยสั่งได้...อยู่ที่ใจของเรา
ฉากเริ่มต้นไอดอลหวานต่อใจ
“จุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนัก เริ่มต้นจากแรงกดดันค่ะ เริ่มตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้วที่โดนคนรอบข้างกดดัน โดนเพื่อนล้อเพื่อนว่า “ขาใหญ่” - ดูสิ นั่งแล้วขาใหญ่ เผละมาก... แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็กินไปเรื่อยๆ ตามใจปากมาก กินทุกอย่างที่มีที่ขวางหน้า จนน้ำหนักพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 70 กิโลกรัม แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ พรางๆ เอา เพราะความที่เราสูง 171 เซนติเมตรด้วยในตอนนั้น ทำให้หมดเงินไปกับการซื้อเสื้อผ้าเยอะมาก เพราะเราใส่ได้แต่ชุดกระโปรงยาวๆ เพื่อที่จะได้พรางต้นขาพรางสะโพก รู้ตัวอีกทีก็เลยกลายเป็นคนตัวใหญ่ไปเลย
“จริงๆ เราก็รู้ว่าตัวเองอ้วน แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะลด และคิดว่าไม่น่าลดได้มากกว่า จนวันหนึ่งเราได้เข้ามาเป็นสมาชิกวง sweat16 ตรงนี้คือจุดเปลี่ยน แต่ตอนนั้นก็แอบคิดว่ามันจะลดได้จริงๆ หรือ แต่เหตุการณ์ที่เราได้ยินคนถามว่าใครคือ “พิม” แล้วก็มีเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นมาว่า “คนที่อ้วนที่สุด ที่น้ำหนักตัวเยอะที่สุดไง” ตอนนั้นคือกดดันมากเพราะเพื่อนๆ ในวง ผอมหุ่นดีกันทั้งนั้น ตอนนั้นเรามีความรู้สึกว่ายังไม่อยากให้วงเดบิวต์เลยเพราะเราลดน้ำหนักไม่ทัน แต่เราจะเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ เลยตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก
“แต่จะทำยังไง? เป็นปัญหาโลกแตกมาก ตอนแรกมีความคิดที่ว่า ‘อยากจะไปดูดไขมัน’ แต่โดนคุณแม่กับพี่ทีมงานห้ามไว้ ตอนนี้พิมยังรู้สึกขอบคุณที่โดนเตือนโดนห้ามอยู่เลย เพราะมันค่อนข้างอันตราย แต่จริงๆ ก็ลองทำมาทุกวิธีแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการกินยาลดน้ำหนัก เข้าคอร์สสถาบันเสริมความงาม อดอาหาร แต่เราก็รู้สึกว่าไม่มีวิธีการไหนที่มันจะยั่งยืนแล้วรู้สึกดีเลย เพราะฉะนั้น พิมเลยกลับมาวิธีที่พื้นฐานที่สุดค่ะ คือ การออกกำลังกาย และ การควบคุมอาหาร”
ใจต้องนิ่ง จิตต้องแกร่ง
จึงสวยได้เป๊ะเวอร์
“อย่างที่บอกตอนแรกไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพหรือเรื่องการลดน้ำหนักมาก่อนเลย เราเป็นคนที่มีความสุขกับเรื่องการกินมาก แต่พอเรามาอยู่วงการนี้เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลที่จะรักตัวเองมากขึ้นค่ะ เราเลยพยายามควบคุมดูแลตัวเองมากขึ้น ควบคุมจิตใจของเราให้อยู่ในกฎในระเบียบของการควบคุมน้ำหนัก แบ่งเวลาออกกำลังกาย เรียนรู้ว่าวิธีการควบคุมน้ำหนักให้ถูกต้อง ให้ดีต่อสุขภาพ ทำอย่างไรให้ลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน ไม่โยโย่ เราควรกินอาหารอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพแล้วไม่เกินจำนวนแคลอรี ออกกำลังกายอย่างไรให้ได้ผล ไม่บาดเจ็บ เพราะร่างกายคนเราแต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน ถ้าเราอยากได้ความแข็งแรงของร่างกายหรือหุ่นที่ดี เราก็ต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง ทำมาประมาณ 1 ปีเต็ม เราก็สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 17 กิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 50-52 กิโลกรัม
“วิธีดูแลสุขภาพเรื่องออกกำลังกายแบ่งเวลาอย่างไร คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่บางทีเราก็หาข้ออ้างให้ตัวเองในการออกกำลังกายว่าเราไม่มีเวลา ต้องเรียน ต้องทำงาน ต้องซ้อม กลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้วยังต้องออกกำลังกายอีก เมื่อก่อนพิมก็เป็นแบบนั้น แต่พอลองเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว วันหนึ่งๆ เรามีเวลามากมายพอที่จะให้กับการออกกำลังกาย เราอาจจะลองตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาวิ่งมาคาร์ดิโอสัก 1 ชั่วโมงแล้วก็เวตเทรนนิ่ง เวตเทรนนิ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย บางทีก็จะไปเล่นโยคะต่อ โยคะให้การสมดุลของร่างกาย ให้การยืดหยุ่น ใจเย็นมีสมาธิ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย ออกกำลังกายดีทุกแบบสามารถเล่นควบคู่กันได้
“แต่ถ้ามีเวลาน้อยจริงๆ พิมก็จะเปิดคลิปใน youtube เป็นการออกกำลังกายแบบ HIIT ย่อมาจาก High Intensity Interval Training เป็นการออกกำลังกายแบบหนักและเบาสลับกัน ใช้เวลาไม่นานมากแต่เบิร์นได้เยอะมาก หรือบางคนถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ ก็ลองเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวันดู อย่างเช่น การลองขยับร่างกายให้มากขึ้น ถ้าเป็นที่ใกล้ๆ ก็ลองเปลี่ยนจากการนั่งมอเตอร์ไซค์มาเป็นการเดินดูค่ะ แต่ที่สำคัญของการออกกำลังกาย คือ เราต้องทำเป็นประจำและสม่ำเสมอจนเป็นวินัย”
ไม่หักดิบ-แบ่งมื้อ
หุ่นงาม สุขภาพดีแน่...แท้ทรู
“ท้ายที่สุดเป็นเรื่องของอาหาร พิมเป็นคนที่รักในการรับประทานอาหารมาก เรียกได้ว่า enjoy eating สุดๆ วันหนึ่งคือ 5-6 มื้อเลย มีมื้อของหวานอีก ของทอด ของมัน ขนม น้ำหวาน อิ่มแล้วก็ยังมีกระเพาะสำรองอีก เพื่อนชวนไปกินไปหมด แต่พอเราเริ่มดูแลสุขภาพแล้ว เราจะตามใจปากเราแบบนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องควบคุมการกินของตัวเอง การปรับอาหารที่ทานอย่างจริงจัง แต่พิมจะไม่อดเลย ไม่หักดิบโดยการที่ไม่รับประทานอะไรเลย เพราะ “การลดน้ำหนัก” ไม่ใช่ “การอดอาหาร” ไม่มีใครอดอาหารได้ตลอดไป สุดท้ายถ้ากลับมากิน มันก็โยโย่อยู่ดี
“เราต้องหาวิธีที่จะทำให้เราลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน เราต้องปรับวิธีการคิดโดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่ดีต่อร่างกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือต้องรับประทานอาหารมื้อเช้า ห้ามอด มื้อเช้าจะช่วยเติมพลังงานให้แก่ร่างกายและสมอง ทำให้ไม่เครียด ถ้าอดมื้อเช้าจะทำให้กินอาหารมื้ออื่นเยอะขึ้นด้วยค่ะ ในแต่ละมื้อของวัน พิมจะใช้วิธีการจดว่าเรากินอะไรไปแล้วบ้าง เกินกว่าแคลอรีที่เรากำหนดหรือเปล่า
“จากคนกินเยอะ เราก็เริ่มแบ่งสัดส่วนว่าเมื่อก่อนเราจะกินข้าวหมดจานเลย เดี๋ยวนี้เราก็กินประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ค่อยๆ ลดไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละมื้อเราก็จะกินผักเยอะหน่อย ลดของมันของทอด เปลี่ยนมาเป็นการใช้วิธีอบ หรือนึ่งแทน อย่างเวลาไปทานก๋วยเตี๋ยว พิมก็จะไม่ค่อยใส่น้ำตาลหรือปรุงเพิ่ม เพราะตัวน้ำก๋วยเตี๋ยวเขาก็ปรุงก็ใส่น้ำตาลเยอะอยู่แล้ว อีกอย่างคือก่อนกินข้าวจะดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนประมาณ 15 นาที เพราะจะช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย นี่ก็เป็นทั้งหมดของเคล็ดลับ ไม่มีอะไรที่เราตั้งใจแล้วเราทำไม่ได้ ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องความงาม กระทั่งการทำงานค่ะ”
“พิม-พิม ขจรเวคิน” หนึ่งในต้นแบบดีๆ ของการดูแลสุขภาพที่สามารถนำมาปรับใช้กับเราได้ทุกคนให้ชีวิตผาสุกทั้งภายนอกและภายใน
สวยสั่งได้...อยู่ที่ใจของเรา
ฉากเริ่มต้นไอดอลหวานต่อใจ
“จุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนัก เริ่มต้นจากแรงกดดันค่ะ เริ่มตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้วที่โดนคนรอบข้างกดดัน โดนเพื่อนล้อเพื่อนว่า “ขาใหญ่” - ดูสิ นั่งแล้วขาใหญ่ เผละมาก... แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดอะไรมาก เราก็กินไปเรื่อยๆ ตามใจปากมาก กินทุกอย่างที่มีที่ขวางหน้า จนน้ำหนักพุ่งขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 70 กิโลกรัม แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ พรางๆ เอา เพราะความที่เราสูง 171 เซนติเมตรด้วยในตอนนั้น ทำให้หมดเงินไปกับการซื้อเสื้อผ้าเยอะมาก เพราะเราใส่ได้แต่ชุดกระโปรงยาวๆ เพื่อที่จะได้พรางต้นขาพรางสะโพก รู้ตัวอีกทีก็เลยกลายเป็นคนตัวใหญ่ไปเลย
“จริงๆ เราก็รู้ว่าตัวเองอ้วน แต่ก็ยังไม่คิดว่าจะลด และคิดว่าไม่น่าลดได้มากกว่า จนวันหนึ่งเราได้เข้ามาเป็นสมาชิกวง sweat16 ตรงนี้คือจุดเปลี่ยน แต่ตอนนั้นก็แอบคิดว่ามันจะลดได้จริงๆ หรือ แต่เหตุการณ์ที่เราได้ยินคนถามว่าใครคือ “พิม” แล้วก็มีเสียงหนึ่งที่พูดขึ้นมาว่า “คนที่อ้วนที่สุด ที่น้ำหนักตัวเยอะที่สุดไง” ตอนนั้นคือกดดันมากเพราะเพื่อนๆ ในวง ผอมหุ่นดีกันทั้งนั้น ตอนนั้นเรามีความรู้สึกว่ายังไม่อยากให้วงเดบิวต์เลยเพราะเราลดน้ำหนักไม่ทัน แต่เราจะเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ เลยตัดสินใจที่จะลดน้ำหนัก
“แต่จะทำยังไง? เป็นปัญหาโลกแตกมาก ตอนแรกมีความคิดที่ว่า ‘อยากจะไปดูดไขมัน’ แต่โดนคุณแม่กับพี่ทีมงานห้ามไว้ ตอนนี้พิมยังรู้สึกขอบคุณที่โดนเตือนโดนห้ามอยู่เลย เพราะมันค่อนข้างอันตราย แต่จริงๆ ก็ลองทำมาทุกวิธีแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการกินยาลดน้ำหนัก เข้าคอร์สสถาบันเสริมความงาม อดอาหาร แต่เราก็รู้สึกว่าไม่มีวิธีการไหนที่มันจะยั่งยืนแล้วรู้สึกดีเลย เพราะฉะนั้น พิมเลยกลับมาวิธีที่พื้นฐานที่สุดค่ะ คือ การออกกำลังกาย และ การควบคุมอาหาร”
ใจต้องนิ่ง จิตต้องแกร่ง
จึงสวยได้เป๊ะเวอร์
“อย่างที่บอกตอนแรกไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพหรือเรื่องการลดน้ำหนักมาก่อนเลย เราเป็นคนที่มีความสุขกับเรื่องการกินมาก แต่พอเรามาอยู่วงการนี้เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลที่จะรักตัวเองมากขึ้นค่ะ เราเลยพยายามควบคุมดูแลตัวเองมากขึ้น ควบคุมจิตใจของเราให้อยู่ในกฎในระเบียบของการควบคุมน้ำหนัก แบ่งเวลาออกกำลังกาย เรียนรู้ว่าวิธีการควบคุมน้ำหนักให้ถูกต้อง ให้ดีต่อสุขภาพ ทำอย่างไรให้ลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน ไม่โยโย่ เราควรกินอาหารอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพแล้วไม่เกินจำนวนแคลอรี ออกกำลังกายอย่างไรให้ได้ผล ไม่บาดเจ็บ เพราะร่างกายคนเราแต่ละคนเกิดมาไม่เหมือนกัน ถ้าเราอยากได้ความแข็งแรงของร่างกายหรือหุ่นที่ดี เราก็ต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวของเราเอง ทำมาประมาณ 1 ปีเต็ม เราก็สามารถลดน้ำหนักได้ประมาณ 17 กิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 50-52 กิโลกรัม
“วิธีดูแลสุขภาพเรื่องออกกำลังกายแบ่งเวลาอย่างไร คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่บางทีเราก็หาข้ออ้างให้ตัวเองในการออกกำลังกายว่าเราไม่มีเวลา ต้องเรียน ต้องทำงาน ต้องซ้อม กลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้วยังต้องออกกำลังกายอีก เมื่อก่อนพิมก็เป็นแบบนั้น แต่พอลองเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว วันหนึ่งๆ เรามีเวลามากมายพอที่จะให้กับการออกกำลังกาย เราอาจจะลองตื่นเช้าขึ้นเพื่อมาวิ่งมาคาร์ดิโอสัก 1 ชั่วโมงแล้วก็เวตเทรนนิ่ง เวตเทรนนิ่งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย บางทีก็จะไปเล่นโยคะต่อ โยคะให้การสมดุลของร่างกาย ให้การยืดหยุ่น ใจเย็นมีสมาธิ สร้างความสมดุลให้ร่างกาย ออกกำลังกายดีทุกแบบสามารถเล่นควบคู่กันได้
“แต่ถ้ามีเวลาน้อยจริงๆ พิมก็จะเปิดคลิปใน youtube เป็นการออกกำลังกายแบบ HIIT ย่อมาจาก High Intensity Interval Training เป็นการออกกำลังกายแบบหนักและเบาสลับกัน ใช้เวลาไม่นานมากแต่เบิร์นได้เยอะมาก หรือบางคนถ้าไม่มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ ก็ลองเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวันดู อย่างเช่น การลองขยับร่างกายให้มากขึ้น ถ้าเป็นที่ใกล้ๆ ก็ลองเปลี่ยนจากการนั่งมอเตอร์ไซค์มาเป็นการเดินดูค่ะ แต่ที่สำคัญของการออกกำลังกาย คือ เราต้องทำเป็นประจำและสม่ำเสมอจนเป็นวินัย”
ไม่หักดิบ-แบ่งมื้อ
หุ่นงาม สุขภาพดีแน่...แท้ทรู
“ท้ายที่สุดเป็นเรื่องของอาหาร พิมเป็นคนที่รักในการรับประทานอาหารมาก เรียกได้ว่า enjoy eating สุดๆ วันหนึ่งคือ 5-6 มื้อเลย มีมื้อของหวานอีก ของทอด ของมัน ขนม น้ำหวาน อิ่มแล้วก็ยังมีกระเพาะสำรองอีก เพื่อนชวนไปกินไปหมด แต่พอเราเริ่มดูแลสุขภาพแล้ว เราจะตามใจปากเราแบบนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องควบคุมการกินของตัวเอง การปรับอาหารที่ทานอย่างจริงจัง แต่พิมจะไม่อดเลย ไม่หักดิบโดยการที่ไม่รับประทานอะไรเลย เพราะ “การลดน้ำหนัก” ไม่ใช่ “การอดอาหาร” ไม่มีใครอดอาหารได้ตลอดไป สุดท้ายถ้ากลับมากิน มันก็โยโย่อยู่ดี
“เราต้องหาวิธีที่จะทำให้เราลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน เราต้องปรับวิธีการคิดโดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่ดีต่อร่างกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างคือต้องรับประทานอาหารมื้อเช้า ห้ามอด มื้อเช้าจะช่วยเติมพลังงานให้แก่ร่างกายและสมอง ทำให้ไม่เครียด ถ้าอดมื้อเช้าจะทำให้กินอาหารมื้ออื่นเยอะขึ้นด้วยค่ะ ในแต่ละมื้อของวัน พิมจะใช้วิธีการจดว่าเรากินอะไรไปแล้วบ้าง เกินกว่าแคลอรีที่เรากำหนดหรือเปล่า
“จากคนกินเยอะ เราก็เริ่มแบ่งสัดส่วนว่าเมื่อก่อนเราจะกินข้าวหมดจานเลย เดี๋ยวนี้เราก็กินประมาณ 3 ใน 4 ส่วน ค่อยๆ ลดไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละมื้อเราก็จะกินผักเยอะหน่อย ลดของมันของทอด เปลี่ยนมาเป็นการใช้วิธีอบ หรือนึ่งแทน อย่างเวลาไปทานก๋วยเตี๋ยว พิมก็จะไม่ค่อยใส่น้ำตาลหรือปรุงเพิ่ม เพราะตัวน้ำก๋วยเตี๋ยวเขาก็ปรุงก็ใส่น้ำตาลเยอะอยู่แล้ว อีกอย่างคือก่อนกินข้าวจะดื่มน้ำเปล่า 1 แก้วก่อนประมาณ 15 นาที เพราะจะช่วยทำให้อิ่มเร็วขึ้นด้วย นี่ก็เป็นทั้งหมดของเคล็ดลับ ไม่มีอะไรที่เราตั้งใจแล้วเราทำไม่ได้ ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องความงาม กระทั่งการทำงานค่ะ”