4 เหรียญทอง 2 เจ้าสถิติทุ่มน้ำหนักและวิ่ง 100 เมตรชาย แห่งเมืองรูเกา ประเทศจีน ในรายการกีฬาผู้สูงอายุไทยชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 20 โดยที่ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำลายลงได้เท่า

“สว่าง พรมจันทร์” คือใครคนนั้นที่เรากล่าวถึง ซึ่ง ณ ห้วงเวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเฒ่าชราวัย 98 ที่เราเรียกติดปากน้อมรับเป็นญาติผู้ใหญ่อันเครารพว่า “ลุงหว่าง” หรือ “ลุงสว่าง” เมืองแกลง จังหวัดระยอง
จากผู้สูงอายุไม้ใกล้ฝั่ง ว่างเว้นการงาน สู่การท้าทายตัวตนความสามารถจากการชักชวนของลูกสาว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ก่อนจะกลายเป็นเจ้าแห่งสถิติวิ่งและทุ่มน้ำหนักทวีปเอเชีย

(1)
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
อายุผลไม่เกินกว่ากำลังใจ บทเริ่มเจ้าสถิติวัยเก๋า
“เราเป็นคนชอบออกกำลังกาย แต่ว่าในยุคนั้น ช่วงราวๆ ปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเป็นปีผมเกิด เรื่องพวกนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายหรือรู้จักในบ้านเรา การออกกำลังกายที่ดีก็คือการทำงาน ผมก็ทำทั้งการเป็นครูและทำสวนควบคู่กัน ทุกเย็นหลังเลิกเรียนก็จะต้องกลับไปดูแลสวน วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ก็เช่นกัน”
ยอดคุณปู่นักกีฬาจอมทำลายสถิติกล่าวเริ่มต้นบทสนทนาถึงเส้นทางที่มาของความแข็งแกร่ง
“ก็ทำอย่างนั้นจนเกษียณอายุราชการ ทีนี้หลังจากอายุประมาณ 70-80 ปี ก็ออกเดิน เพราะว่าทำสวนอย่างเดียวแล้ว ไม่ต้องไปดูแลบริหารโรงเรียน เราเห็นลูกสาวเขาเล่นกีฬากระทั่งเป็นนักกีฬาไปวิ่งในรายการต่างๆ พวกมาราธอน เราก็อยากไปกับเขาด้วย”
คุณปู่วัยเก๋า บอกเล่าด้วยร้อยยิ้มเต็มดวงหน้า
“แรกๆ ก็อยากเหรียญได้อะไรมา และก็อยากลองแรงเก่าๆ ของตัวเอง เราผู้ชายอ่ะนะ พูดง่ายๆ ความเก๋าของเรา แต่ทีนี้มันไม่ใช่แค่นั้น พอมาออกวิ่งก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงสดชื่นขึ้น เราก็อยากให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนลูกเขา ไม่อยากเป็นเหมือนเพื่อนๆ ที่นอนป่วยนอนติดเตียง ยิ่งได้พบกับเพื่อนฝูงมากมาย ก็ยิ่งเป็นยาชูกำลังใจเราเพิ่มอีก ไอ้สังขารความเหนื่อยยากที่แรกๆ ออกมาเดินกับลูกสาว 2-3 กิโลเมตรก็เหนื่อยแล้ว ก็ค่อยๆ หายไป
“ค่อยๆ เดินแล้วก็วิ่งเหยาะๆ รอบๆ บ้าน ชมนกชมไม้ชมสวนที่เราทำและดูแลทุกวันไปในตัวกับที่ชายหาดแม่พิมพ์ช่วงเช้า จากนั้นก็ไปเดินรอบเย็นอีกครั้งกับลูกสาวช่วงเย็นที่สนามกีฬาประจำจังหวัดเมืองแกลง นานเข้าก็เริ่มวิ่งเยาะๆ ทั้งเช้าและเย็น”
นับจากปี 2551 จนกระทั่งถึงตอนนี้ปี 2561 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี โรคเลือดจางที่เคยเป็น คุณหมอเรียกตรวจทุก 6 เดือน ผลเลือดก็เข้มข้นขึ้น ไร้โรคเบาหวาน ความดัน โรคคนแก่ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดเริ่มจากสองเท้าที่ก้าวเดินรอบบ้าน เปลี่ยนชายชราธรรมดาให้กลายเป็นนักกีฬาวัยเก๋าผู้ทำลายสถิติเมื่อปีที่แล้ว 2560 ของการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งที่ 22 ที่ จังหวัดจันทบุรี
“แรกๆ ลูกสาวเขาก็ไม่ได้คิดว่าพ่อจะทำตรงนี้ไหว หรือคิดจะชอบมาทางนี้ แต่พอหลังๆ เขารู้ว่าเราก็อยากไป แต่เนื่องจากบางทีไปไกลถึงภาคเหนือ ภาคอีสานหรือภาคใต้ เขาก็เป็นห่วงว่าไปนั่งรถไกลๆ กลัวว่าจะไม่สบาย แต่บังเอิญปีที่แล้วที่แข่งที่จันทบุรี มันใกล้ๆ บ้าน เขาก็เลยชักชวนและบอกให้ซ้อมแล้วก็ไปแข่งขันด้วยกัน ผมก็ไปลงแข่งขัน 3 รายการ มีวิ่ง 100 เมตร วิ่ง 200 เมตร แล้วก็ทุ่มน้ำหนัก (ยิ้ม)

“หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราจะไหวไหม อายุขนาดนี้สำหรับคนที่รู้อายุจริงๆ ของผม แต่ตลอดระยะเวลานั้นก็มีแต่คนพูดว่าเราอายุไม่น่าจะถึง 98 เดากันว่าคงราวๆ 70 กว่าๆ มากสุดก็ที่ 80 ปี เพราะหลังไม่งอ เดินตัวตรง ลูกสาวก็ยังแซวว่ามีแต่คนชมว่าหน้าใสกว่าเขาอีก
“และผลการแข่งขันก็ปรากฏว่าการแข่งขันทุ่มน้ำหนัก ผมทำลายสถิติของทวีปเอเชีย คือทุ่มน้ำหนักได้ 5.09 เมตร จากเดิมที่ 4.59 เมตร ทีนี้ก็เลยมีการติดพันกัน ทางสมาคมทราบเรื่องก็ชักชวนให้ไปเป็นตัวแทนประเทศไทยของผู้สูงอายุ”
แข่งขันในรายการกีฬาผู้สูงอายุไทยชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 20 ที่เมืองรูเกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งหมด 4 รายการ ก็คือ วิ่ง 100 เมตร, กระโดดสูง, พุ่งแหลน, ทุ่มน้ำหนัก ผลการแข่งขันที่ออกมาคือกวาดเหรียญทองเรียบทุกรายการ นอกจากนี้ยังรั้งตำแหน่งเจ้าสถิติเพิ่มจากทุ่มน้ำหนักเป็นเจ้าสถิติวิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลาที่ 25.100 วินาที

(2)
ค้าขายหวังกำไร หัวใจหวังสุขภาพ
ไม่มีอะไรยาก...หากเราเป็นมิตรกับสรรพสิ่ง
ทุกวันนี้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เรื่องของความคิดจิตใจล้วนต้องเป็นหนึ่งเดียว ชายวัย 98 ผู้นามกรว่า “สว่าง พรมจันทร์” ก็เช่นเดียวกัน
“ท่านจะมองโลกในแง่ดี เป็นคนที่ไม่โกรธใคร อยู่กับท่านมาไม่เคยเห็นท่านโกรธ เวลามีปัญหาไม่สบอารมณ์จะเฉย นั้นคือกิริยาสุดๆ ที่แสดงออกว่าไม่พอใจ” ศิริพรรณ พรมจันทร์ หรือ “ป้าติ้ม” บุตรสาว เปิดเผยเคล็ดลับหนึ่งในตัวเสริมความแข็งแกร่ง
“ท่านมีคติของท่านประจำใจเลยว่า ทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน ไปโกรธไปเกลียด มันก็ขาดอะไรไป เป็นพี่น้องถ้าไปโกรธเกลียดด้วยอารมณ์ ไม่ว่าเราจะถูก เขาจะผิด หรือเราจะผิด เขาจะถูก มันก็เป็นการเสียกันเปล่าๆ ทั้งความรู้สึก ทุกๆ อย่างเลย ท่านก็จะเป็นคนมองโลกแบบนั้น ทำให้ท่านมีจิตใจที่ผ่องใสและแข็งแรง
“นอกจากนี้ ทุกๆ คืน ท่านก็จะสวดมนต์ก่อนนอน ไม่มีขาด”
ลูกสาวเผย ก่อนจะเสริมบอกเรื่องตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจปลงในเรื่องราวต่างๆ ด้วยอายุ ประสบการณ์ต่างๆ ด้วยสภาพแวดล้อมด้วยเพราะบ้านอยู่ใกล้หาดแม่พิมพ์ชายทะเล ไม่เป็นแหล่งรถติด ใช้ชีวิตไม่เครียด สบายๆ

“หลายคนอาจจะนึกว่าคนเป็นครูจะซีเรียสเครียดทำให้บุคคลติดตัวมา คือถ้าสมัยนี้อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ในยุคนั้นสมัยนั้นที่ท่านเป็นเด็กๆ สมัยก่อนน่ารัก นักเรียนไม่ค่อยดื้อ สอนแล้วมีความรู้สึกความสุข และสิ่งที่ดึงดูดเร้าอย่างพวกเกมกด หรืออะไรไม่ดีต่างๆ ก็ไม่ค่อยมี เด็กเขาก็จะตั้งใจเรียนและเชื่อฟังพ่อแม่ ครู คือสิ่งแวดล้อมมันดี พอเด็กได้ดี คนเป็นครูก็พลอยดีมีกำลังใจดีๆ ไปด้วยชูกันไป
“และโดยตารางกิจกรรมในหนึ่งวัน นอกจากออกกำลังกายเช้า-เย็น ระหว่างวันท่านก็จะอ่านหนังสือ จะเน้นหนักในการอ่านหนังสือพิมพ์ ทำให้แม้ว่าอายุขนาดนี้แล้ว แต่ไม่มีอาการหลง เพราะสมองยังได้รับการกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอาการลืม ตรงนี้ก็เป็นส่วนที่ทำให้ท่านออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมจิตใจให้ผ่องใส ไม่มีขาดตกบกพร่อง ก็เสริมและสร้างร่างกายให้แข็งแรงอย่างวันนี้”

(3)
แกร่งอยู่ เพราะอยู่เป็น
บทสรุปส่งท้ายคนพันธุ์เก๋า
“เน้นปลา เน้นผัก” คุณปู่วัยเก๋าเปิดเผยเมนูอาหารลดอายุ อันเป็นเคล็ดลับส่วนสำคัญสุดท้ายในการกลายเป็นคนสูงวัยอย่างแข็งแกร่ง
“เนื้อหมู เนื้อไก่ นานๆ ทานที เน้นปลา เน้นผักและผลไม้กับอาหารพื้นบ้านพวกแกงเลี่ยง แกงส้ม ต้มจืด หรือไม่ก็ต้มส้มปลา”
ท่านบอกแกมหัวเราะ เพราะใครหลายคนอาจจะคิดว่าอาหารพื้นบ้านธรรมดาจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างไร แต่ทว่าสำหรับคนที่มีความรู้เรื่องโภชนาการอาหารแล้วนั้นย่อมประจักษ์ชัดดีถึงสรรพคุณของพืชใบเขียวเรี่ยดินโดยไม่ต้องสงสัย
“ผักมีวิตามิน แคลเซียม และอื่นๆ อีกสารพัด อย่างพวกผักน้ำพริกติดสำรับตลอดทุกมื้อเป็นขาดไม่ได้ ส่วนหนึ่งอร่อยชอบทาน (ยิ้ม) อีกส่วนหนึ่งเป็นยาทั้งนั้น อ่านเจอในหนังสือพิมพ์เขาว่าแกงเลี่ยงป้องกันมะเร็งอีกด้วย ก็จะเน้นกินพวกนี้ในมื้อเช้า มื้อกลางวัน เพราะลูกเขาทำเช้ากินก็จะเหลือมาถึงมือกลางวัน (หัวเราะ)

“ส่วนมื้อเย็นก็จะมีเสริมเป็นพวกผัดๆ อย่างผัดผัก หนักผลไม้ กล้วยนี่ขาดไม่ได้ ผลไม้ระยองเราดีอยู่แล้วมีกันทั้งปีในจังหวัด เขาจะไม่ค่อยทำของทอดให้ทาน กินกับข้าวต้ม 1 ถ้วย ข้าวสวยอีกนิด”
และที่สำคัญเรื่องรสชาติต้องไม่จัด แทบจะรับประทานแบบธรรมดา จืดๆ ถือเป็นเคล็ดลับฉบับตระกูลพรมจันทร์ทำติดต่อสืบเนื่องกันมากระทั่งวันนี้ในวัย 98 ปี โดยช่วยให้ไม่มีโรคภัยหรืออาการของผู้สูงวัยส่วนใหญ่ต้องประสบเจอแม้แต่น้อยนิด
“แก่แต่เก๋า เราทำได้กันทุกคน ก็อยากจะให้ทุกๆ ตระหนักเรื่องออกกำลังกาย มันทำให้ร่างกายเราแข็งแรงและสดชื่น แล้วเวลาไปแข่งขันก็ได้พบกับเพื่อนฝูงมากมาย ยิ่งเป็นยาชูกำลังใจเรา หรือในเรื่องของอาหารการทำจิตใจให้แจ่มใส ทำให้เราแข็งแรงและทำให้เราสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งพาลูกหลาน ไม่ต้องให้ลูกหลานเป็นกังวล เราก็จะรู้สึกมีคุณค่า ใจเราก็เป็นสุข อายุเราก็ยิ่งยืนอย่างมีคุณภาพ คือกีฬาเป็นยาวิเศษจริงๆ”





เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : ศิริพรรณ พรมจันทร์
“สว่าง พรมจันทร์” คือใครคนนั้นที่เรากล่าวถึง ซึ่ง ณ ห้วงเวลานี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักเฒ่าชราวัย 98 ที่เราเรียกติดปากน้อมรับเป็นญาติผู้ใหญ่อันเครารพว่า “ลุงหว่าง” หรือ “ลุงสว่าง” เมืองแกลง จังหวัดระยอง
จากผู้สูงอายุไม้ใกล้ฝั่ง ว่างเว้นการงาน สู่การท้าทายตัวตนความสามารถจากการชักชวนของลูกสาว จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ก่อนจะกลายเป็นเจ้าแห่งสถิติวิ่งและทุ่มน้ำหนักทวีปเอเชีย
(1)
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
อายุผลไม่เกินกว่ากำลังใจ บทเริ่มเจ้าสถิติวัยเก๋า
“เราเป็นคนชอบออกกำลังกาย แต่ว่าในยุคนั้น ช่วงราวๆ ปี พ.ศ. 2463 ซึ่งเป็นปีผมเกิด เรื่องพวกนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายหรือรู้จักในบ้านเรา การออกกำลังกายที่ดีก็คือการทำงาน ผมก็ทำทั้งการเป็นครูและทำสวนควบคู่กัน ทุกเย็นหลังเลิกเรียนก็จะต้องกลับไปดูแลสวน วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ก็เช่นกัน”
ยอดคุณปู่นักกีฬาจอมทำลายสถิติกล่าวเริ่มต้นบทสนทนาถึงเส้นทางที่มาของความแข็งแกร่ง
“ก็ทำอย่างนั้นจนเกษียณอายุราชการ ทีนี้หลังจากอายุประมาณ 70-80 ปี ก็ออกเดิน เพราะว่าทำสวนอย่างเดียวแล้ว ไม่ต้องไปดูแลบริหารโรงเรียน เราเห็นลูกสาวเขาเล่นกีฬากระทั่งเป็นนักกีฬาไปวิ่งในรายการต่างๆ พวกมาราธอน เราก็อยากไปกับเขาด้วย”
คุณปู่วัยเก๋า บอกเล่าด้วยร้อยยิ้มเต็มดวงหน้า
“แรกๆ ก็อยากเหรียญได้อะไรมา และก็อยากลองแรงเก่าๆ ของตัวเอง เราผู้ชายอ่ะนะ พูดง่ายๆ ความเก๋าของเรา แต่ทีนี้มันไม่ใช่แค่นั้น พอมาออกวิ่งก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงสดชื่นขึ้น เราก็อยากให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนลูกเขา ไม่อยากเป็นเหมือนเพื่อนๆ ที่นอนป่วยนอนติดเตียง ยิ่งได้พบกับเพื่อนฝูงมากมาย ก็ยิ่งเป็นยาชูกำลังใจเราเพิ่มอีก ไอ้สังขารความเหนื่อยยากที่แรกๆ ออกมาเดินกับลูกสาว 2-3 กิโลเมตรก็เหนื่อยแล้ว ก็ค่อยๆ หายไป
“ค่อยๆ เดินแล้วก็วิ่งเหยาะๆ รอบๆ บ้าน ชมนกชมไม้ชมสวนที่เราทำและดูแลทุกวันไปในตัวกับที่ชายหาดแม่พิมพ์ช่วงเช้า จากนั้นก็ไปเดินรอบเย็นอีกครั้งกับลูกสาวช่วงเย็นที่สนามกีฬาประจำจังหวัดเมืองแกลง นานเข้าก็เริ่มวิ่งเยาะๆ ทั้งเช้าและเย็น”
นับจากปี 2551 จนกระทั่งถึงตอนนี้ปี 2561 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี โรคเลือดจางที่เคยเป็น คุณหมอเรียกตรวจทุก 6 เดือน ผลเลือดก็เข้มข้นขึ้น ไร้โรคเบาหวาน ความดัน โรคคนแก่ ทั้งหมดทั้งมวลเกิดเริ่มจากสองเท้าที่ก้าวเดินรอบบ้าน เปลี่ยนชายชราธรรมดาให้กลายเป็นนักกีฬาวัยเก๋าผู้ทำลายสถิติเมื่อปีที่แล้ว 2560 ของการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งที่ 22 ที่ จังหวัดจันทบุรี
“แรกๆ ลูกสาวเขาก็ไม่ได้คิดว่าพ่อจะทำตรงนี้ไหว หรือคิดจะชอบมาทางนี้ แต่พอหลังๆ เขารู้ว่าเราก็อยากไป แต่เนื่องจากบางทีไปไกลถึงภาคเหนือ ภาคอีสานหรือภาคใต้ เขาก็เป็นห่วงว่าไปนั่งรถไกลๆ กลัวว่าจะไม่สบาย แต่บังเอิญปีที่แล้วที่แข่งที่จันทบุรี มันใกล้ๆ บ้าน เขาก็เลยชักชวนและบอกให้ซ้อมแล้วก็ไปแข่งขันด้วยกัน ผมก็ไปลงแข่งขัน 3 รายการ มีวิ่ง 100 เมตร วิ่ง 200 เมตร แล้วก็ทุ่มน้ำหนัก (ยิ้ม)
“หลายคนอาจจะสงสัยว่าเราจะไหวไหม อายุขนาดนี้สำหรับคนที่รู้อายุจริงๆ ของผม แต่ตลอดระยะเวลานั้นก็มีแต่คนพูดว่าเราอายุไม่น่าจะถึง 98 เดากันว่าคงราวๆ 70 กว่าๆ มากสุดก็ที่ 80 ปี เพราะหลังไม่งอ เดินตัวตรง ลูกสาวก็ยังแซวว่ามีแต่คนชมว่าหน้าใสกว่าเขาอีก
“และผลการแข่งขันก็ปรากฏว่าการแข่งขันทุ่มน้ำหนัก ผมทำลายสถิติของทวีปเอเชีย คือทุ่มน้ำหนักได้ 5.09 เมตร จากเดิมที่ 4.59 เมตร ทีนี้ก็เลยมีการติดพันกัน ทางสมาคมทราบเรื่องก็ชักชวนให้ไปเป็นตัวแทนประเทศไทยของผู้สูงอายุ”
แข่งขันในรายการกีฬาผู้สูงอายุไทยชิงแชมป์เอเชียครั้งที่ 20 ที่เมืองรูเกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งหมด 4 รายการ ก็คือ วิ่ง 100 เมตร, กระโดดสูง, พุ่งแหลน, ทุ่มน้ำหนัก ผลการแข่งขันที่ออกมาคือกวาดเหรียญทองเรียบทุกรายการ นอกจากนี้ยังรั้งตำแหน่งเจ้าสถิติเพิ่มจากทุ่มน้ำหนักเป็นเจ้าสถิติวิ่ง 100 เมตร ด้วยเวลาที่ 25.100 วินาที
(2)
ค้าขายหวังกำไร หัวใจหวังสุขภาพ
ไม่มีอะไรยาก...หากเราเป็นมิตรกับสรรพสิ่ง
ทุกวันนี้ นอกจากการออกกำลังกายแล้ว เรื่องของความคิดจิตใจล้วนต้องเป็นหนึ่งเดียว ชายวัย 98 ผู้นามกรว่า “สว่าง พรมจันทร์” ก็เช่นเดียวกัน
“ท่านจะมองโลกในแง่ดี เป็นคนที่ไม่โกรธใคร อยู่กับท่านมาไม่เคยเห็นท่านโกรธ เวลามีปัญหาไม่สบอารมณ์จะเฉย นั้นคือกิริยาสุดๆ ที่แสดงออกว่าไม่พอใจ” ศิริพรรณ พรมจันทร์ หรือ “ป้าติ้ม” บุตรสาว เปิดเผยเคล็ดลับหนึ่งในตัวเสริมความแข็งแกร่ง
“ท่านมีคติของท่านประจำใจเลยว่า ทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน ไปโกรธไปเกลียด มันก็ขาดอะไรไป เป็นพี่น้องถ้าไปโกรธเกลียดด้วยอารมณ์ ไม่ว่าเราจะถูก เขาจะผิด หรือเราจะผิด เขาจะถูก มันก็เป็นการเสียกันเปล่าๆ ทั้งความรู้สึก ทุกๆ อย่างเลย ท่านก็จะเป็นคนมองโลกแบบนั้น ทำให้ท่านมีจิตใจที่ผ่องใสและแข็งแรง
“นอกจากนี้ ทุกๆ คืน ท่านก็จะสวดมนต์ก่อนนอน ไม่มีขาด”
ลูกสาวเผย ก่อนจะเสริมบอกเรื่องตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจปลงในเรื่องราวต่างๆ ด้วยอายุ ประสบการณ์ต่างๆ ด้วยสภาพแวดล้อมด้วยเพราะบ้านอยู่ใกล้หาดแม่พิมพ์ชายทะเล ไม่เป็นแหล่งรถติด ใช้ชีวิตไม่เครียด สบายๆ
“หลายคนอาจจะนึกว่าคนเป็นครูจะซีเรียสเครียดทำให้บุคคลติดตัวมา คือถ้าสมัยนี้อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ในยุคนั้นสมัยนั้นที่ท่านเป็นเด็กๆ สมัยก่อนน่ารัก นักเรียนไม่ค่อยดื้อ สอนแล้วมีความรู้สึกความสุข และสิ่งที่ดึงดูดเร้าอย่างพวกเกมกด หรืออะไรไม่ดีต่างๆ ก็ไม่ค่อยมี เด็กเขาก็จะตั้งใจเรียนและเชื่อฟังพ่อแม่ ครู คือสิ่งแวดล้อมมันดี พอเด็กได้ดี คนเป็นครูก็พลอยดีมีกำลังใจดีๆ ไปด้วยชูกันไป
“และโดยตารางกิจกรรมในหนึ่งวัน นอกจากออกกำลังกายเช้า-เย็น ระหว่างวันท่านก็จะอ่านหนังสือ จะเน้นหนักในการอ่านหนังสือพิมพ์ ทำให้แม้ว่าอายุขนาดนี้แล้ว แต่ไม่มีอาการหลง เพราะสมองยังได้รับการกระตุ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอาการลืม ตรงนี้ก็เป็นส่วนที่ทำให้ท่านออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมจิตใจให้ผ่องใส ไม่มีขาดตกบกพร่อง ก็เสริมและสร้างร่างกายให้แข็งแรงอย่างวันนี้”
(3)
แกร่งอยู่ เพราะอยู่เป็น
บทสรุปส่งท้ายคนพันธุ์เก๋า
“เน้นปลา เน้นผัก” คุณปู่วัยเก๋าเปิดเผยเมนูอาหารลดอายุ อันเป็นเคล็ดลับส่วนสำคัญสุดท้ายในการกลายเป็นคนสูงวัยอย่างแข็งแกร่ง
“เนื้อหมู เนื้อไก่ นานๆ ทานที เน้นปลา เน้นผักและผลไม้กับอาหารพื้นบ้านพวกแกงเลี่ยง แกงส้ม ต้มจืด หรือไม่ก็ต้มส้มปลา”
ท่านบอกแกมหัวเราะ เพราะใครหลายคนอาจจะคิดว่าอาหารพื้นบ้านธรรมดาจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้อย่างไร แต่ทว่าสำหรับคนที่มีความรู้เรื่องโภชนาการอาหารแล้วนั้นย่อมประจักษ์ชัดดีถึงสรรพคุณของพืชใบเขียวเรี่ยดินโดยไม่ต้องสงสัย
“ผักมีวิตามิน แคลเซียม และอื่นๆ อีกสารพัด อย่างพวกผักน้ำพริกติดสำรับตลอดทุกมื้อเป็นขาดไม่ได้ ส่วนหนึ่งอร่อยชอบทาน (ยิ้ม) อีกส่วนหนึ่งเป็นยาทั้งนั้น อ่านเจอในหนังสือพิมพ์เขาว่าแกงเลี่ยงป้องกันมะเร็งอีกด้วย ก็จะเน้นกินพวกนี้ในมื้อเช้า มื้อกลางวัน เพราะลูกเขาทำเช้ากินก็จะเหลือมาถึงมือกลางวัน (หัวเราะ)
“ส่วนมื้อเย็นก็จะมีเสริมเป็นพวกผัดๆ อย่างผัดผัก หนักผลไม้ กล้วยนี่ขาดไม่ได้ ผลไม้ระยองเราดีอยู่แล้วมีกันทั้งปีในจังหวัด เขาจะไม่ค่อยทำของทอดให้ทาน กินกับข้าวต้ม 1 ถ้วย ข้าวสวยอีกนิด”
และที่สำคัญเรื่องรสชาติต้องไม่จัด แทบจะรับประทานแบบธรรมดา จืดๆ ถือเป็นเคล็ดลับฉบับตระกูลพรมจันทร์ทำติดต่อสืบเนื่องกันมากระทั่งวันนี้ในวัย 98 ปี โดยช่วยให้ไม่มีโรคภัยหรืออาการของผู้สูงวัยส่วนใหญ่ต้องประสบเจอแม้แต่น้อยนิด
“แก่แต่เก๋า เราทำได้กันทุกคน ก็อยากจะให้ทุกๆ ตระหนักเรื่องออกกำลังกาย มันทำให้ร่างกายเราแข็งแรงและสดชื่น แล้วเวลาไปแข่งขันก็ได้พบกับเพื่อนฝูงมากมาย ยิ่งเป็นยาชูกำลังใจเรา หรือในเรื่องของอาหารการทำจิตใจให้แจ่มใส ทำให้เราแข็งแรงและทำให้เราสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปพึ่งพาลูกหลาน ไม่ต้องให้ลูกหลานเป็นกังวล เราก็จะรู้สึกมีคุณค่า ใจเราก็เป็นสุข อายุเราก็ยิ่งยืนอย่างมีคุณภาพ คือกีฬาเป็นยาวิเศษจริงๆ”
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : ศิริพรรณ พรมจันทร์