xs
xsm
sm
md
lg

การรักษา “รอยตีนกา” และ “ร่องแก้ม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online








บทความโดย แพทย์หญิง วารีรัตน์ โขมศิริ
ผู้บริหาร นีโอเลเซอร์ คลินิก และผู้บริหาร บริษัท อินโนเวทีฟ เฮลท์ จำกัด


หลังจากที่หมอเขียนบทความเรื่องการเลเซอร์รูขุมขนไปแล้วเมื่อคราวก่อน ก็มีผู้อ่านเขียนมาถามอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรื่อง “ขน” ที่เกิดบนใบหน้า รวมทั้ง “ขนรักแร้” ว่าสามารถกำจัดได้หรือไม่ และที่สำคัญ จะใช้เลเซอร์ช่วยได้หรือไม่
แม้จะยอมรับและเข้าใจว่ามันเป็นไปตามวันเวลาและอายุ รวมถึงแรงโน้มถ่วงของโลก แต่เชื่อแน่ว่า หลายๆ คน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่รักสวยรักงาม ล้วนเป็นกังวลกับเรื่อง “รอยตีนกา” และ “ร่องแก้ม” ที่เป็นหนึ่งในตัวการบดบังความเป๊ะปังของใบหน้า

คนไข้หลายคนที่มาหาหมอ ก็ด้วยสาเหตุนี้ พร้อมทั้งถามว่า คุณหมอมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง ขณะที่บางคนก็ถามว่า จะเลเซอร์เลยได้มั้ย?

เมื่อเจอเคสแบบนี้ หมอก็จะบอกกับคนไข้ว่า เรื่องรอยตีนกา ถ้าเป็นน้อยๆ ก็ลองทำเลเซอร์และกระตุ้นคอลลาเจนหรือผลักวิตามินดูก่อน แต่อาจเห็นผลน้อยและต้องทำต้องทำหลายรอบ เช่น ND Yag Laser Finescan Ematirx แต่ถ้ารีบหรืออยากให้หายเร็ว และไม่กลัวเรื่องโบท็อกซ์ ก็สามารถฉีดโบท็อกซ์ได้เลย เพราะเพียงแค่สัปดาห์เดียว ใบหน้าก็จะเต่งตึงขึ้นมาอย่างเด่นชัด และที่สำคัญ การฉีดโบท็อกซ์ ราคาไม่แพงและเห็นผลเร็ว อย่างเช่น ฉีดวันนี้ อาทิตย์หน้าจะรู้สึกได้เลยว่า ริ้วรอยน้อยลง

อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ พอครบ 4 เดือน หรือ 6 เดือน มันก็จะหมดฤทธิ์ ทำให้ต้องมาฉีดอีก แต่ข้อดีก็คือ มันจะไม่สะสมอยู่ในร่างกาย

และที่สำคัญ ตามทฤษฎีของโบท็อกซ์ ถ้าเรามาฉีดซ้ำอีกรอบ ก่อนครบ 4 เดือน หรือ 6 เดือน หมายถึง ก่อนที่ยาจะหมดฤทธิ์ และฉีดแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 5 ปี มันจะอยู่ได้นาน และเมื่อเราอายุมากขึ้น มากขึ้น เราก็สามารถฉีดแค่ปีละหนึ่งรอบได้

สำหรับร่องแก้ม หมอจะบอกกับคนไข้ว่า มันเกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลกด้วยส่วนหนึ่ง และก็เกิดจากว่า พอเราอายุมากขึ้น มันก็จะคล้อยไปเรื่อยๆ และคอลลาเจนของผิวเราน้อยลง ปกติ ถ้าเป็นไม่เยอะ เราก็จะทำตัวกระตุ้นคอลลาเจนไปก่อน เช่น การทำเครื่อง RF หรือ Hifu ไปก่อน ทำให้หน้ายกกระชับ ต่อไป พอยกแล้ว ร่องแก้มน้อยลง ถ้าเราไม่อยากฉีดก็ไม่ต้องฉีด แต่ถ้ายกแล้ว เรารู้สึกว่า อยากจะให้มันไม่มีร่องแก้มเลย เราก็ค่อยเติมฟิลเลอร์เข้าไป

ข้อดีของฟิลเลอร์ก็คือ พอฉีดปุ๊บ จะเห็นผลเลยว่า มันเต็มขึ้น ร่องแก้มจะเต็มขึ้น และเดี๋ยวนี้ ฟิลเลอร์มีตัวที่อยู่ได้นานถึง 2 ปีด้วยค่ะ

อย่างไรก็ดี เรื่องรอยตีนกาและร่องแก้ม ก่อนจะไปถึงจุดที่ต้องรักษาด้วยโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ เราสามารถเริ่มต้นดูแลตนเองเพื่อไม่ให้มันเป็นได้ หลักง่ายๆ ก็คือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และถ้าเป็นไปได้ เรื่องอาหารการกิน ก็ควรจะทานอะไรที่ช่วยเติมคอลลาเจนให้กับเรา เพราะคอลลาเจนคือส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับผิวพรรณและริ้วรอยต่างๆ รวมทั้งรอยตีนกาและร่องแก้ม


กำลังโหลดความคิดเห็น