อาจจะดูเป็นเพียง “สิ่งเล็กๆ”
แต่ทว่า “การเล่นจ๊ะเอ๋” และ “การอ่านนิทาน”
เป็นตัวช่วยที่ดีเลิศ ในการส่งเสริมพัฒนาการของลูก
รู้หรือไม่ว่า การเล่น “จ๊ะเอ๋” กับเด็กที่อยู่ในช่วง 2 ขวบปีแรก นอกจากจะช่วยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับหนูน้อยได้ดีเสมอๆ แล้ว ยังแฝงแรงกระตุ้นมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กเติบโตในหลายด้านอย่างที่เราคาดไม่ถึง

อย่างแรกสุด คือฝึกเรื่องของการจดจำข้อมูล เพราะเด็กๆ จะจำว่า พ่อแม่นั้นจะโผล่มาจากทางไหน และคาดเดาว่าครั้งต่อไปจะเป็นทางใด
อันดับต่อมา คือฝึกเรื่องของการรู้จักอดทนรอคอย เนื่องจากเวลาที่พ่อแม่ปิดหน้า หรือซ่อนหลังผ้า เด็กก็ต้องรอว่าเมื่อไหร่แม่จะเปิด หรือโผล่มา
และที่สำคัญเหนืออื่นใด การเล่นจ๊ะเอ๋นั้น เป็นช่วงเวลาที่มีลูกเป็นศูนย์กลาง การสบตา ทำเสียงสูงต่ำให้เร้าใจ ทุกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ล้วนถักทอสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวให้แน่นแฟ้น เกิดความผูกพันในหัวใจของลูก

นอกจากนั้น “การอ่าน - เล่านิทาน” ให้ลูกฟัง คืออีกหนึ่งสุดยอดกิจกรรมที่ดีต่อเด็กในหลากหลายด้าน ไล่ตั้งแต่
1. ได้ความรัก ความอบอุ่น ความสุข จากการดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้สร้างสายใยความผูกพัน ทำให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงในจิตใจและมีความสุขในชีวิต
2. ได้พัฒนาการทักษะด้านภาษา พัฒนาสมอง พัฒนาการด้านอารมณ์ สังคม รวมถึงประสบการณ์ ทักษะชีวิตต่างๆ จากเรื่องเล่าและภาพที่งดงามในหนังสือ ทำให้เติบโตขึ้นเป็นคนดี มีความเมตตา ความเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์และสังคมรอบข้าง
3. ได้สมาธิ ทำให้เป็นคนอดทนอดกลั้น รู้จักยั้งคิด ติดตัวไปจนโต
4. ได้บ่มเพาะพลังแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นฐานสำคัญต่อการพัฒนาความคิดและการเรียนรู้
5. เด็กจะคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน จะมีผลทางบวกต่อทักษะการอ่าน การเรียนรู้ เช่น ภาษา การคำนวณ การคิด และมีแนวโน้มต่อเรื่องผลการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่มีใครอ่านหนังสือให้ฟัง
และนี่คือ สองตัวอย่าง จากโครงการ "สิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูก" ของ สสส. กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย ที่ทำให้เห็นว่า พัฒนาการที่ดีของเด็ก เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ นี่เอง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเงินทองมากมาย และไม่ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกำลัง เพราะคนสำคัญต่อการส่งเสริมเสริมพัฒนาการ นั้นคือ พ่อแม่ ผ่านการใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกกิจกรรมธรรมดาในชีวิตประจำวัน จากการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก และมีลูกเป็นศูนย์กลางของช่วงเวลานั้น ...ขอเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ รวมกันทุกวันก็มีความหมาย...
นอกจากการเล่นจ๊ะเอ๋ และการอ่านนิทานแล้ว ก็ยังมีวิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็กอีกมากมายที่พ่อแม่สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ จากเครื่องมือตัวช่วยสำหรับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็น

คู่มือสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก : คู่มือที่จะชวนให้คุณพ่อคุณแม่นั้นเปลี่ยนสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้อย่างง่าย ๆ ผ่านการอ่านกับลูก เล่นกับลูก ชวนลูกคุย ชวนลูกทำ พาลูกเที่ยว

"หนังสือนิทาน จ๊ะเอ๋" : หนังสือภาพสำหรับเด็ก ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เข้าใจพัฒนาการเด็กมากขึ้นผ่านการเล่น จ๊ะเอ๋ ที่สร้างทั้งความสนุก ความผูกพัน และส่งเสริมพัฒนาการหลาย ๆ ด้านอีกด้วย

คู่มือและโปสเตอร์เฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย : มีตารางการตรวจเช็กพัฒนาการลูกและแนวทางการส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการสมวัยอีกด้วย

แอปพลิเคชัน คุณลูก : ผู้ช่วยฉบับมือถือที่ช่วยในการดูแล ประเมิน และติดตามการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพของเด็กปฐมวัย (แรกเกิดถึงก่อน 6ขวบ)
ทั้งหมดนี้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรี ที่ https://www.khunlook.com/ และสามารถติดตามรับชมสื่อโครงการ พร้อมข้อมูลเรื่องพัฒนาการเด็กได้ที่ Facebook Fanpage : สิ่งเล็กๆที่สร้างลูก
แต่ทว่า “การเล่นจ๊ะเอ๋” และ “การอ่านนิทาน”
เป็นตัวช่วยที่ดีเลิศ ในการส่งเสริมพัฒนาการของลูก
รู้หรือไม่ว่า การเล่น “จ๊ะเอ๋” กับเด็กที่อยู่ในช่วง 2 ขวบปีแรก นอกจากจะช่วยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับหนูน้อยได้ดีเสมอๆ แล้ว ยังแฝงแรงกระตุ้นมหัศจรรย์ที่ช่วยให้สมองและพัฒนาการของเด็กเติบโตในหลายด้านอย่างที่เราคาดไม่ถึง
อย่างแรกสุด คือฝึกเรื่องของการจดจำข้อมูล เพราะเด็กๆ จะจำว่า พ่อแม่นั้นจะโผล่มาจากทางไหน และคาดเดาว่าครั้งต่อไปจะเป็นทางใด
อันดับต่อมา คือฝึกเรื่องของการรู้จักอดทนรอคอย เนื่องจากเวลาที่พ่อแม่ปิดหน้า หรือซ่อนหลังผ้า เด็กก็ต้องรอว่าเมื่อไหร่แม่จะเปิด หรือโผล่มา
และที่สำคัญเหนืออื่นใด การเล่นจ๊ะเอ๋นั้น เป็นช่วงเวลาที่มีลูกเป็นศูนย์กลาง การสบตา ทำเสียงสูงต่ำให้เร้าใจ ทุกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ล้วนถักทอสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวให้แน่นแฟ้น เกิดความผูกพันในหัวใจของลูก
นอกจากนั้น “การอ่าน - เล่านิทาน” ให้ลูกฟัง คืออีกหนึ่งสุดยอดกิจกรรมที่ดีต่อเด็กในหลากหลายด้าน ไล่ตั้งแต่
1. ได้ความรัก ความอบอุ่น ความสุข จากการดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้สร้างสายใยความผูกพัน ทำให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงในจิตใจและมีความสุขในชีวิต
2. ได้พัฒนาการทักษะด้านภาษา พัฒนาสมอง พัฒนาการด้านอารมณ์ สังคม รวมถึงประสบการณ์ ทักษะชีวิตต่างๆ จากเรื่องเล่าและภาพที่งดงามในหนังสือ ทำให้เติบโตขึ้นเป็นคนดี มีความเมตตา ความเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์และสังคมรอบข้าง
3. ได้สมาธิ ทำให้เป็นคนอดทนอดกลั้น รู้จักยั้งคิด ติดตัวไปจนโต
4. ได้บ่มเพาะพลังแห่งจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นฐานสำคัญต่อการพัฒนาความคิดและการเรียนรู้
5. เด็กจะคุ้นเคยกับสัญลักษณ์ เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียน จะมีผลทางบวกต่อทักษะการอ่าน การเรียนรู้ เช่น ภาษา การคำนวณ การคิด และมีแนวโน้มต่อเรื่องผลการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่มีใครอ่านหนังสือให้ฟัง
และนี่คือ สองตัวอย่าง จากโครงการ "สิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูก" ของ สสส. กระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย ที่ทำให้เห็นว่า พัฒนาการที่ดีของเด็ก เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ นี่เอง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเงินทองมากมาย และไม่ต้องทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เกินกำลัง เพราะคนสำคัญต่อการส่งเสริมเสริมพัฒนาการ นั้นคือ พ่อแม่ ผ่านการใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และทุกกิจกรรมธรรมดาในชีวิตประจำวัน จากการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวก และมีลูกเป็นศูนย์กลางของช่วงเวลานั้น ...ขอเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ รวมกันทุกวันก็มีความหมาย...
นอกจากการเล่นจ๊ะเอ๋ และการอ่านนิทานแล้ว ก็ยังมีวิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็กอีกมากมายที่พ่อแม่สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ จากเครื่องมือตัวช่วยสำหรับพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็น
คู่มือสิ่งเล็กๆ ที่สร้างลูก : คู่มือที่จะชวนให้คุณพ่อคุณแม่นั้นเปลี่ยนสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันให้เป็นกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้อย่างง่าย ๆ ผ่านการอ่านกับลูก เล่นกับลูก ชวนลูกคุย ชวนลูกทำ พาลูกเที่ยว
"หนังสือนิทาน จ๊ะเอ๋" : หนังสือภาพสำหรับเด็ก ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เข้าใจพัฒนาการเด็กมากขึ้นผ่านการเล่น จ๊ะเอ๋ ที่สร้างทั้งความสนุก ความผูกพัน และส่งเสริมพัฒนาการหลาย ๆ ด้านอีกด้วย
คู่มือและโปสเตอร์เฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย : มีตารางการตรวจเช็กพัฒนาการลูกและแนวทางการส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการสมวัยอีกด้วย
แอปพลิเคชัน คุณลูก : ผู้ช่วยฉบับมือถือที่ช่วยในการดูแล ประเมิน และติดตามการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพของเด็กปฐมวัย (แรกเกิดถึงก่อน 6ขวบ)
ทั้งหมดนี้เปิดให้ดาวน์โหลดได้ฟรี ที่ https://www.khunlook.com/ และสามารถติดตามรับชมสื่อโครงการ พร้อมข้อมูลเรื่องพัฒนาการเด็กได้ที่ Facebook Fanpage : สิ่งเล็กๆที่สร้างลูก