xs
xsm
sm
md
lg

บีบจมูก เม้มปาก เสี่ยง “ลมเข้าสมอง” ภัยร้ายของการจาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การจามของคนแพร่เชื้อ 1 ครั้ง ภายใน 5 นาที สามารถทำให้ผู้ร่วมรถโดยสารติดเชื้อได้ถึง 150 คน และถ้าเชื้อไม่กระเด็นไปโดนผู้คนรอบข้าง มันก็จะตกลงบนพื้นรถหรือติดอยู่ตามราวจับ คนที่ใช้รถโดยสารอย่างน้อย 10 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคนั้น หากมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เราจึงหลีกเลี่ยงการจามหรือกลั้นจามโดยการบีบจมูกและเม้มปาก ทว่าการกระทำเช่นนั้นส่งผลให้  ปอดรั่ว, แก้วหูทะลุ, ผนังช่องคอทะลุ หรือ เส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย นอกจากนี้ยังเสี่ยงภาวะ “ลมเข้าสมอง” ที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้นแล้วที่ประเทศไทยบ้านเราเป็นแห่งแรกของโลก

โดยเพจเฟซุบ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าประจำห้องไอซียูและหัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจและปอด โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์เรื่องราวและกรณีที่เกิดขึ้นกับคนไข้หญิงไทยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง อายุ 82 ปี มีอาการพูดไม่ชัด นึกคำพูดไม่ออกไป 3 วัน อย่างไม่รู้สาเหตุ ทำให้ต้องตรวจวัดด้วยคลื่นแม่เหล็ก (MRI) เพื่อเช็คดูสภาพภายในสมอง ปรากฏพบว่ามี “ลม” หรือ “air pocket” อยู่ในเนื้อสมองข้างซ้ายขนาด7x4x3.2 เซ็นติเมตร จึงได้เฝ้าติดตามดูอาการและพบว่าดีขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งภายจากการศึกษาหาสาเหตุพบว่า เหตุที่ทำให้ลมเข้าไปอยู่ในเนื้อสมองได้เกิดจากการบังคับไม่ให้จามออกทางปากและจมูก ใช้มือบีบจมูกหรือเม้มปากตอนจาม เนื่องลมและอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งที่สูงถึง150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่เมื่อผ่านช่องปากและจมูกไม่ได้ย้อนกลับผ่านจากท่อในปากเข้าหูชั้นกลางด้านซ้ายแล้วทะลุผ่านกระโหลกใต้สมองเข้าสมองด้านซ้าย

วิธีจามที่ถูกต้อง

ไม่ควรกลั้นจาม เพียงแต่แค่ป้อง เพราะจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เนื่องจากอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การกลั้นจามจะทำให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้

พกกระดาษชำระหรือผ้าเช็ดหน้าป้องปากเวลาจาม เพราะหลังจากนั้นก็ไปหยิบจับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ คนที่จับตามหลัง หากไม่ล้างมือ ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ ซึ่งจะทำให้เชื้อไวรัสที่อยู่ในหยดเมือกที่ออกมากับการจาม แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นนั้นเอง



กำลังโหลดความคิดเห็น