ชื่อชั้นที่รู้จักกันทั่วดีถึงความอันตรายสำหรับ “ปรอท” ที่ผ่านมาไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย ก็มักจะเจอส่วนผสมที่ใส่ “สารปรอท” เข้าไปในผลิตภัณฑ์ความสวยความงามอย่าง ครีมหรือเครื่องสำอางที่โฆษณาสรรพคุณให้ผิวขาวผ่องใสในเวลาอันสั้นชั่วข้ามคืนทุกชนิดต้องแลกมาด้วยชีวิตโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบหมดสิ้น
วันนี้เราจึงหยิบนำพิษร้ายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและชีวิตมาย้ำให้ตระหนักอีกครั้ง

“ปรอท” จัดเป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน โดยเป็นได้ทั้งสถานะของแข็งและของเหลว รวมไปถึงสามารถระเหยกลายเป็นไอได้อีกด้วย โดยสารปรอทที่ใช้ในการออกฤทธิ์ให้ผิวขาวอยู่ในรูปของไดวาเลนซ์แคทไอออนจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดลง จึงช่วยให้สีผิวขาวขึ้น โดยพิษของปรอทจะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ปัจจัย และปริมาณจากทางผิวหนัง ทางระบบหายใจหรือทางระบบย่อยอาหาร ก่อให้เกิดผลทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่อันตรายถึงแก่ชีวิตหากได้รับสารปรอทโดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม
อาการเกิดจากสารปรอท ได้แก่ อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ มีเลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือดก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด

วิธีสังเกตผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทเจือปน
1.ทาครีมลงบนท้องแขน จากนั้นนำพลาสเตอร์ปิดแผล ปิดทับครีมที่ต้องการทดสอบ จากนั้น เอาพลาสเตอร์ปิดแผล อีกชิ้นแปะลงบนผิว ในบริเวณใกล้เคียงกัน รอเวลา ให้ผ่านไป 5 ชั่วโมง ลอกเอาพลาสเตอร์ออกค่ะ สังเกตดูว่า หากตรงบริเวณที่ทาครีม ขาวซีด ผิดปกติกว่าอีกอัน แสดงว่ามีการแอบใส่ส่วนผสมของปรอทลงไปนั้นเอง
2.หากใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอาการผิวหนังไวต่อแสง ผิวบาง เจอสภาพอากาศแดดที่ร้อนจะรู้สึกแสบบริเวณผิวหนัง เกิดผื่นแดง เกิดฝ้า มีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีอาการวิงเวียงหน้ามืดบ่อยทั้งที่พักผ่อนร่างกายเป็นอย่างดี ก็ควรรีบตรวจเช็คและพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลบางส่วนจาก : คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฝ่ายเภสัชกรรม
วันนี้เราจึงหยิบนำพิษร้ายที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและชีวิตมาย้ำให้ตระหนักอีกครั้ง
“ปรอท” จัดเป็นโลหะสีขาวคล้ายเงิน โดยเป็นได้ทั้งสถานะของแข็งและของเหลว รวมไปถึงสามารถระเหยกลายเป็นไอได้อีกด้วย โดยสารปรอทที่ใช้ในการออกฤทธิ์ให้ผิวขาวอยู่ในรูปของไดวาเลนซ์แคทไอออนจะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดลง จึงช่วยให้สีผิวขาวขึ้น โดยพิษของปรอทจะทำอันตรายต่อร่างกายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ ปัจจัย และปริมาณจากทางผิวหนัง ทางระบบหายใจหรือทางระบบย่อยอาหาร ก่อให้เกิดผลทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรังที่อันตรายถึงแก่ชีวิตหากได้รับสารปรอทโดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม
อาการเกิดจากสารปรอท ได้แก่ อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ มีเลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร ท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือดก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด
วิธีสังเกตผลิตภัณฑ์ที่มีสารปรอทเจือปน
1.ทาครีมลงบนท้องแขน จากนั้นนำพลาสเตอร์ปิดแผล ปิดทับครีมที่ต้องการทดสอบ จากนั้น เอาพลาสเตอร์ปิดแผล อีกชิ้นแปะลงบนผิว ในบริเวณใกล้เคียงกัน รอเวลา ให้ผ่านไป 5 ชั่วโมง ลอกเอาพลาสเตอร์ออกค่ะ สังเกตดูว่า หากตรงบริเวณที่ทาครีม ขาวซีด ผิดปกติกว่าอีกอัน แสดงว่ามีการแอบใส่ส่วนผสมของปรอทลงไปนั้นเอง
2.หากใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเกิดอาการผิวหนังไวต่อแสง ผิวบาง เจอสภาพอากาศแดดที่ร้อนจะรู้สึกแสบบริเวณผิวหนัง เกิดผื่นแดง เกิดฝ้า มีอาการหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีอาการวิงเวียงหน้ามืดบ่อยทั้งที่พักผ่อนร่างกายเป็นอย่างดี ก็ควรรีบตรวจเช็คและพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลบางส่วนจาก : คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฝ่ายเภสัชกรรม