xs
xsm
sm
md
lg

รู้เท่าทัน “ออทิสติกเทียม” ภัยเงียบจากโลกออนไลน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ออทิสติกเทียม” หรือ “พฤติกรรมคล้ายออทิสติก” คือ อาการภาวะเด็กขาดการกระตุ้น” ในการสื่อสารสองทาง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางการสื่อสารกับผู้อื่น เนื่องจากพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูขาดการมีปฏิสัมพันธ์กิจกรรมร่วมกับบุตร โดยพบมากในเด็กวัยเตรียมอนุบาลและวัยอนุบาล

ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากวิธีการเลี้ยงดูที่ละเลยปล่อยให้เด็กอยู่กับโทรทัศน์ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน อันเป็นการสื่อสารแบบ One-way Communication หรือการรับสารเพียงทางเดียว จึงส่งผลให้เด็กเกิดความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสังคม คือ เด็กจะไม่ยอมสบตา ไม่ชอบมองหน้าคนอื่น ไม่สนใจมองตามเมื่อเราเรียกชื่อ ไม่สนใจผู้อื่น ไม่ชี้นิ้วสั่งหรือบอกเมื่อต้องการของที่อยากได้ มีความผิดปกติทางด้านภาษา คือ เริ่มพูดได้ช้ากว่าเด็กปกติ หรือพูดได้แต่ไม่เป็นภาษา ฟังไม่รู้เรื่อง ชอบพูดคำเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทั้งวัน และท้ายที่สุดมีความผิดปกติด้านพฤติกรรม คือ ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว มีพฤติกรรมซ้ำ ๆ นอกจากนี้ยังมีผลต่อพัฒนาการล่าช่า สมาธิสั้นเกิดจากความผิดปกติทางสมอและมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ นั่นคือ อยู่ไม่นิ่ง ไม่มีสมาธิทำกิจกรรมนั้น ๆ ให้สำเร็จ นั่งทำอะไรนาน ๆ ไม่ได้

วิธีการป้องกันให้ลูกน้อยห่างไกลออทิสติกเทียม
 
1.พูดคุยกับลูกบ่อยๆ
ในกรณีสำหรับเด็กเล็กต้องพูดช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้ลูกเรียนรู้การออกเสียงและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้เลี้ยงดู อย่างน้อยควรคุยกับเด็กวันละ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้เกิดการสื่อสารแบบ Two-way Communication โต้ตอบระหว่างกัน และให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์ที่ช่วยในการสื่อสาร ตลอดจนเรียนรู้การมีปฏิสัมพันธ์และควรเปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับเด็กด้วยกันเองบ้าง
 
2.หลีกห่างสมาร์ทโฟน
ในการเลี้ยงลูกช่วง 1.5 ขวบปีแรก ไม่ควรนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมาให้เด็กเล่น ในเด็กหลัง 1.5 ขวบหากให้เล่นต้องไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน โดยหลีกเลี่ยงการให้เด็กเล่นเพียงลำพัง ขณะเดียวกันต้องมอบความรักความอบอุ่น รวมถึงเสริมสร้างทักษะด้วยการเล่นเพื่อเสริมพัฒนาการสมองและร่างกาย เช่น การต่อบล็อก ร้อยเชือก ระบายสี ปั่นแป้ง เตะบอล ขี่จักรยาน เพราะการเจริญวัยของลูกน้อยในวัยนี้เป็นดั่งช่วงขุมทรัพย์สมองเด็กที่จะเจริญเติบโตมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และเป็นวัยแห่งการเลียนแบบ ดังนั้นของเล่นที่ดีตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือพ่อกับแม่
ข้อมูลบางส่วนจากโรงพยาบาลกรุงเทพ (www.bangkokhospital.com)



กำลังโหลดความคิดเห็น