xs
xsm
sm
md
lg

“ควินัว” ซูเปอร์ฟู้ดเติมเต็มพัฒนาการของลูกน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บทความโดย แพทย์หญิง วารีรัตน์ โขมศิริ
ผู้บริหาร นีโอเลเซอร์ คลินิก และผู้บริหาร บริษัท อินโนเวทีฟ เฮลท์ จำกัด

โดยพื้นฐาน ซูเปอร์ฟู้ด เป็นคำกว้างๆ ซึ่งบ่งบอกถึงอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน โปรตีน แร่ธาตุ ครบ 5 หมู่ และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์

คำถามที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ แล้ว “ซูเปอร์ฟู้ด” เหมาะกับคนทุกวัยหรือเปล่า? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อย มักจะถามหมออยู่บ่อยๆ ว่า ลูกน้อยสามารถทานซูเปอร์ฟู้ดได้หรือไม่ ซูเปอร์ฟู้ดนั้นจำเป็นต่อเด็กมากน้อยเพียงใด รวมทั้งซูเปอร์ฟู้ดชนิดไหนที่เหมาะสมกับลูกน้อย

ต้องบอกว่า เด็กๆ ที่อยู่ในวัยกำลังโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงอายุ 2 ขวบนั้น เด็กๆ กำลังมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย สมอง และจิตใจ พ่อแม่จึงพยายามสรรหาสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้ลูกทาน สมัยก่อนนั้น พอเด็กอายุได้ประมาณ 8 เดือนขึ้นไป พ่อแม่ก็จะให้ลูกน้อยทานข้าวบด กล้วยบด แต่สำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ที่ใส่ใจต่อพัฒนาการของลูกมากขึ้น นอกจากกล้วยบดข้าวบด ก็มีอย่างอื่นๆ มาเสริมเพิ่มบำรุงเพื่อการเติบโตของลูก โดยหนึ่งในนั้นที่พ่อแม่หลายท่านนิยมให้ลูกทานก็คือ “ควินัว” ซูเปอร์ฟู้ดอันดับต้นๆ

“ควินัว” เป็นหนึ่งในเมล็ดพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติว่าสามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย ดังนั้น ควินัวจึงอยู่ในรายชื่ออาหารที่ลูกน้อยของคุณสามารถทานได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เมล็ดธัญพืชควินัวสามารถทำให้ทารกเปิดรับความรู้สึกถึงรสสัมผัสของอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อพัฒนาการทางช่องปากของพวกเขา นั่นหมายความว่า เด็กๆ จะไม่ใช่แค่เพียงต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากแต่ยังต้องการความหลากหลายทางรสชาติเพื่อพัฒนาการด้านรสสัมผัสด้วย และควินัวก็ตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างดี

ถามว่า แล้วอายุของลูกน้อยต้องประมาณเท่าไร ถึงจะทานซูเปอร์ฟู้ดอย่างควินัวได้?
คำตอบก็คือ เมื่อลูกน้อยอายุได้ 8 - 10 เดือนขึ้นไป หรือเมื่อเด็กมีความพร้อมในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งประการหลังนี้ ถ้าจะให้ชัวร์แท้แน่ใจ ก็อาจจะขอคำแนะนำจากกุมารแพทย์ก่อน

เปิด...6 ข้อดีของ “ควินัว”
สำหรับทารก

1. มีโปรตีนจากกรดอะมิโนครบถ้วน

ในขณะที่ธัญพืชบางชนิดมีโปรตีนจากกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ครบ แต่ควินัวนั้นมีครบทั้ง 9 ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดอะมิโนชนิด “ลิวซีน” (Leucine) ซึ่งร่างกายเราไม่สามารถผลิตได้เอง ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบว่า ใน “ควินัว” ยังมีกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่พบได้ในน้ำนม โดยเมื่อทารกได้รับกรดอะมิโนเหล่านี้เข้าไป ร่างกายก็จะนำไปใช้ในการสร้างโปรตีน เพื่อซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. เต็มรูปแบบของวิตามิน

ลูกน้อยของคุณต้องการวิตามินสำหรับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งในควินัวนั้น ประกอบไปด้วยกลุ่มของวิตามินบี เช่น Ribloflavin, Niacin และ Thiamine เป็นต้น ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตและปลดปล่อยพลังงานที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโต

3. เป็นแหล่งแร่ธาตุที่ดี

- มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเติบโตของกระดูก
- มีธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการผลิตเฮโมโกลบินที่ช่วยในการใช้ออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น
- มีกรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 ซึ่งเหมาะสำหรับการพัฒนาสมองและสายตา

4. มีสารต้านอนุมูลอิสระ

การที่เด็กทานอาหารก็เพื่อการเติบโต และในการเติบโต ก็ย่อมมีการเผาผลาญพลังงานที่มาก ซึ่งอาจนำไปสู่การผลิตอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยที่อนุมูลอิสระ เราก็รู้กันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย ในขณะที่ควินัวจะมีความสามารถในการขจัดอนุมูลอิสระเหล่านั้น รวมทั้งป้องกันความเสียหายของ DNA (2)

5. รองรับการย่อยอาหาร

ในควินัว มีปริมาณไฟเบอร์ที่สูง เป็นยาระบายที่ดี การเพิ่มควินัวเข้าไปในอาหารของลูก สามารถช่วยในการรักษาระบบทางเดินอาหารให้แข็งแรง ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยท้องอืดท้องผูก

6. เป็นคาร์โบไฮเดรตที่สมบูรณ์

ควินัวเป็นคาร์โบไฮเดรตที่สมบูรณ์และมีดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ ช่วยเสริมพลังสำหรับเด็กในการเล่นและเรียนรู้

** ข้อควรคำนึง **

แม้ว่าควินัวจะเป็นอาหารที่ดีเยี่ยม แต่ก็เป็นอาหารที่อาจจะทำให้แพ้ได้ ดังนั้น แนะนำให้ลองรับประทานทีละนิด เพื่อให้คุณทราบได้ว่า บุตรหลานของคุณมีอาการแพ้หรือไม่

อันที่จริง ก็ไม่ใช่แค่เพียงควินัว แต่หมายถึงของกินทุกชนิดที่พ่อแม่จะให้ลูกทาน ก็ต้องทดสอบด้วยการให้ทานแต่เพียงน้อยๆ ในตอนแรก เพื่อเช็กดูว่า ลูกมีอาการแพ้อาหารชนิดนั้นๆ หรือไม่ เช่น อาจจะมีการท้องเสีย ถ้าอย่างนี้ก็ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเหมือนกันทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
กำลังโหลดความคิดเห็น