น้ำเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องดื่มทุกวัน หลายคนอาจจะเลือกดื่มน้ำเปล่าธรรมดา เพราะเชื่อว่าเป็นน้ำที่บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปน หลายคนก็อาจจะเลือกน้ำแร่เพราะเชื่อว่าเป็นน้ำที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด แต่เคยหาคำตอบให้กับตัวเองกันหรือไม่ว่าน้ำเปล่าธรรมดาและน้ำแร่ที่ดื่มกันทุกวันนั้นต่างกันอย่างไร?
‘น้ำแร่’ คือ น้ำที่อยู่บริเวณชั้นใต้ดินซึ่งจะประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย แต่แร่ธาตุจะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดทางธรณีวิทยา เช่น ถ้าเกิดในบริเวณชั้นหินที่มีอายุเยอะจะมีความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุดีมาก ซึ่งน้ำแร่ยังสามารถแบ่งได้อีกหลายชนิด ดังนี้
1.น้ำแร่ไบคาร์บอเนต ช่วยปรับให้สารคัดหลั่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดกลายเป็นกลาง, กระตุ้นการเคลื่อนของอาหารจากกระเพาะไปยังลำไส้เล็กให้เร็วขึ้น, กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนในกระเพาะอาหาร, ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเหลือแร่ให้แก่ร่างกาย
2.น้ำแร่ซัลเฟต ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ โดยเฉพาะในคนที่ท้องผูกเรื้อรัง
3.น้ำแร่ซัลเฟอร์, เกลือ-ไอโอดีน, เกลือ-โบรมีน-ไอโอดีน ส่วนใหญ่จะใช้กับอวัยวะภายนอกร่างกาย เช่น การอาบ หรืออาจใช้สูดพ่นทางเดินหายใจ บรรเทาอาการอักเสบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และบรรเทาอาการทางผิวหนังบางชนิด
4.น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนต ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน เพราะจะช่วยลดระดับน้ำตาล อาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย และช่วยลดความต้องการอินซูลิน นอกจากนี้น้ำแร่ไบคาร์บอเนต ยังช่วยลดภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย
5.น้ำแร่คลอรีน (น้ำเกลือ) ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และการหลั่งสารที่เกี่ยวข้องกับน้ำและอิเล็กโตรไลท์ ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี และยังบรรเทาอาการท้องผูก
6.น้ำแร่แคลเซียม น้ำแร่ที่มีแคลเซียมในปริมาณมากซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการแคลเซียมในปริมาณมากกว่าคนปกติ เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ สตรีใกล้หมดประจำเดือน ผู้สูงอายุ เป็นต้น
‘น้ำเปล่าธรรมดา’ เป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นโมเลกุลที่มีขั้ว ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอมยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไฮโดรเจน น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีมากๆ และร่างกายสามารถดูดซึมได้รวดเร็วและดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำชนิดอื่นๆ น้ำเปล่าธรรมดาไม่ใช่ไม่มีแร่ธาตุเพียงแต่มีแร่ธาตุน้อยกว่าน้ำแร่เท่านั้นเอง แต่ถึงแม้ว่าน้ำแร่จะมีแร่ธาตุมากกว่าดื่มแล้วดีกับร่างกายมากกว่าแต่น้ำแร่ก็มีข้อจำกัดของผู้ดื่มเช่นกัน และผู้ที่ไม่ควรดื่มน้ำแร่ ได้แก่
1.คนที่มีความดันโลหิตสูง เพราะในน้ำแร่มีธาตุโซเดียมมาก จะทำให้ความดันโลหิตยิ่งสูงขึ้น
2.ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไตหรือทางเดินปัสสาวะไม่ดี เพราะน้ำแร่อาจไปตกตะกอน ทำให้เกิดนิ่วอุดท่อปัสสาวะได้
3.ผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะในน้ำแร่มีโพแทสเซียมสูง อาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
สรุปแล้วว่าน้ำเปล่าธรรมดาและน้ำแร่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก เพียงแต่น้ำแร่มีแร่ธาตุมากกว่าน้ำเปล่าธรรมดาก็เท่านั้น แต่ทางที่ดีที่สุดควรดื่มสลับกันบ้างเพราะร่างกายจะได้สมดุลตลอดเวลา เพราะหากว่าเราดื่มน้ำแร่เพียงอย่างเดียวทุกวันจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเลือกดื่มน้ำที่สะอาด ได้มาตรฐานรับรองความปลอดภัยจะดีที่สุด
ข้อมูลประกอบบางส่วนจาก www.finance.rabbit.co.th, www.todayhealth.org
‘น้ำแร่’ คือ น้ำที่อยู่บริเวณชั้นใต้ดินซึ่งจะประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย แต่แร่ธาตุจะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดทางธรณีวิทยา เช่น ถ้าเกิดในบริเวณชั้นหินที่มีอายุเยอะจะมีความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุดีมาก ซึ่งน้ำแร่ยังสามารถแบ่งได้อีกหลายชนิด ดังนี้
1.น้ำแร่ไบคาร์บอเนต ช่วยปรับให้สารคัดหลั่งที่มีฤทธิ์เป็นกรดกลายเป็นกลาง, กระตุ้นการเคลื่อนของอาหารจากกระเพาะไปยังลำไส้เล็กให้เร็วขึ้น, กระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนในกระเพาะอาหาร, ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเหลือแร่ให้แก่ร่างกาย
2.น้ำแร่ซัลเฟต ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ โดยเฉพาะในคนที่ท้องผูกเรื้อรัง
3.น้ำแร่ซัลเฟอร์, เกลือ-ไอโอดีน, เกลือ-โบรมีน-ไอโอดีน ส่วนใหญ่จะใช้กับอวัยวะภายนอกร่างกาย เช่น การอาบ หรืออาจใช้สูดพ่นทางเดินหายใจ บรรเทาอาการอักเสบของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และบรรเทาอาการทางผิวหนังบางชนิด
4.น้ำแร่ซัลเฟอร์และไบคาร์บอเนต ใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน เพราะจะช่วยลดระดับน้ำตาล อาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย และช่วยลดความต้องการอินซูลิน นอกจากนี้น้ำแร่ไบคาร์บอเนต ยังช่วยลดภาวะเลือดเป็นกรดในผู้ป่วยเบาหวานได้อีกด้วย
5.น้ำแร่คลอรีน (น้ำเกลือ) ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และการหลั่งสารที่เกี่ยวข้องกับน้ำและอิเล็กโตรไลท์ ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำดี และยังบรรเทาอาการท้องผูก
6.น้ำแร่แคลเซียม น้ำแร่ที่มีแคลเซียมในปริมาณมากซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการแคลเซียมในปริมาณมากกว่าคนปกติ เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ สตรีใกล้หมดประจำเดือน ผู้สูงอายุ เป็นต้น
‘น้ำเปล่าธรรมดา’ เป็นน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นโมเลกุลที่มีขั้ว ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซิเจน 1 อะตอมยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไฮโดรเจน น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีมากๆ และร่างกายสามารถดูดซึมได้รวดเร็วและดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำชนิดอื่นๆ น้ำเปล่าธรรมดาไม่ใช่ไม่มีแร่ธาตุเพียงแต่มีแร่ธาตุน้อยกว่าน้ำแร่เท่านั้นเอง แต่ถึงแม้ว่าน้ำแร่จะมีแร่ธาตุมากกว่าดื่มแล้วดีกับร่างกายมากกว่าแต่น้ำแร่ก็มีข้อจำกัดของผู้ดื่มเช่นกัน และผู้ที่ไม่ควรดื่มน้ำแร่ ได้แก่
1.คนที่มีความดันโลหิตสูง เพราะในน้ำแร่มีธาตุโซเดียมมาก จะทำให้ความดันโลหิตยิ่งสูงขึ้น
2.ผู้ที่มีปัญหาเรื่องไตหรือทางเดินปัสสาวะไม่ดี เพราะน้ำแร่อาจไปตกตะกอน ทำให้เกิดนิ่วอุดท่อปัสสาวะได้
3.ผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะในน้ำแร่มีโพแทสเซียมสูง อาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
สรุปแล้วว่าน้ำเปล่าธรรมดาและน้ำแร่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก เพียงแต่น้ำแร่มีแร่ธาตุมากกว่าน้ำเปล่าธรรมดาก็เท่านั้น แต่ทางที่ดีที่สุดควรดื่มสลับกันบ้างเพราะร่างกายจะได้สมดุลตลอดเวลา เพราะหากว่าเราดื่มน้ำแร่เพียงอย่างเดียวทุกวันจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเลือกดื่มน้ำที่สะอาด ได้มาตรฐานรับรองความปลอดภัยจะดีที่สุด
ข้อมูลประกอบบางส่วนจาก www.finance.rabbit.co.th, www.todayhealth.org