จากคอลัมน์ Inspiration
โดย ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล (suwatmgr@gmail.com)
เซกชั่น Good Health & Well Being
นิตยสารผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 8 ตุลาคม 2560
ถ้าถามนักบริหารธุรกิจถึงเป้าหมายที่สำคัญ ก็มักจะได้คำตอบว่า “ต้องการสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยม และมีผลกำไรดีมาก” แต่ในส่วนลึกจริงๆ แล้วก็พบว่าเป้าหมายหลักคือ “การได้มีชีวิตที่ยอดเยี่ยม”
เพราะเขาคิดว่าต้องดำเนินการซ่อมสร้าง “ชีวิต” ตัวเองให้แข็งแรงก่อน จึงจะมีพลังไปสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยมได้อย่างมีประสิทธิผล
ขณะที่ปัจจุบันนี้นับว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายบริบททั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือเปลี่ยนธุรกรรมของโลก
นี่จึงเป็นโอกาสเอื้อต่อการเพิ่มความเป็นไปได้ จนมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น ทั้งการดำเนินธุรกิจและการดำเนินชีวิต
ดังนั้น คุณก็สามารถตั้งเป้าหมายการสร้าง “ชีวิตที่ยอดเยี่ยม” ได้ เพื่อให้เป็นคนหนึ่งในจำนวนผู้สมหวังจำนวนมากเหล่านั้น
หากมีความฝันและตัดสินใจให้แน่ชัดว่า “ชีวิตที่ยอดเยี่ยม” ที่ต้องการนั้นมีลักษณะอย่างไร
คุณสมบัติสำคัญที่ต้องมีก็คือ “ภาวะผู้นำ” ไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กร ผู้นำครอบครัว หรือแม้แต่นำตนเอง
แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำคุณต้องมีองค์ประกอบ 2 ประการที่ผสมผสานในตัว คือ
1.ลักษณะนิสัย
มีความจริงใจและเป็นคนไว้ใจได้ จนมีคนพร้อมจะเดินตาม มีความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยเฉพาะต้องเชื่อว่าสิ่งที่ทำเพื่อคนอื่นหรือขายสินค้า และบริการเป็นของที่ยอดเยี่ยมในทุกด้านที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริงๆ แก่ผู้ได้รับอีกทั้งยังเป็นบุคคลตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องที่ได้รับผลอันยอดเยี่ยม
2.มีความสามารถในการทำหน้าที่ผู้นำได้ยอดเยี่ยม แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตน และเตือนตัวเองอยู่เสมอในการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหมือนอย่างที่ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งธุรกิจอะเมซอนบอกย้ำว่า “ผมไม่เคยหยุดพัฒนาบริษัทและตัวเองเลย”
หลัก 3P ของความเป็นผู้นำ
ไบรอัน เทรซี่ ที่ปรึกษาด้านการจัดการชื่อดัง และมาร์ก ทอมป์สัน นักธุรกิจระดับโลกที่ร่วมกันเขียนหนังสือ “Now , Build A Great Business” ได้บอกหลักสำคัญในการทำความเข้าใจตัวเอง และผู้ร่วมทีมงานที่เป็นองค์ประกอบในการนำไปสู่ผลงานสุดยอดได้แก่
1.จุดมุ่งหมาย (Purpose) เป็นเหตุผลว่า “ทำไมสิ่งที่คุณทำจึงสำคัญสำหรับผู้อื่นอย่างไร” หรือเป็นตัวกำหนดว่า อยากช่วยปรับปรุงชีวิต และการทำงานของลูกค้าให้ดีขึ้นอย่างไร
2.แรงปรารถนา (Passion) อะไรดึงดูดความสนใจของคุณ คำถามนี้เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก ต่อสิ่งที่สำคัญต่อตัวคุณเอง ที่อยากทำในสิ่งที่คุณรัก ถนัดและทำได้ดี คุณจึงชอบทำ
3.ผลงาน (performance) นี่คือบริเวณที่ “จุดมุ่งหมาย” (สิ่งที่ทำให้โลก) กับ “แรงปรารถนา” (สิ่งที่คุณรัก) มาบรรจบกันก็ได้เวลากำหนดเป็น “เป้าหมาย” และสร้าง “ผลงาน” ที่ต้องการบรรลุ
ความชัดเจนคือพลัง
เพื่อให้เป้าหมายเกิดผลงานที่สำเร็จสมใจ ต้องให้ความสำคัญกับ “ความชัดเจน” และ “ความมุ่งมั่น”
เพราะไม่ว่าการจัดการธุรกิจหรือการดำเนินชีวิต มีสถิติพบว่า 80% ของความสำเร็จเป็นผลมาจากระดับของความชัดเจน ในแต่ละด้านของผู้เกี่ยวข้อง
ถ้าเป็นผู้นำก็ต้อง “ชัดเจนว่ากำลังทำสิ่งใด” เพื่อเป้าหมายอะไร เพื่อให้สำเร็จ ส่วนลูกน้องเมื่อรู้เป้าหมายและแนววิธีการ รวมทั้งรู้ชัดว่า ตนเองถูกคาดหวังให้ทำสิ่งใดก็ต้องมุ่งทำให้บรรลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของกระแสสังคม และการแข่งขัน ในภาวะผู้นำจำเป็นต้องตอบคำถาม 2 ข้อ
1.พยายามทำอะไรอยู่ ให้เขียนลงบนกระดาษ
• แผนในการบรรลุเป้าหมายอย่างไร (ต้องระบุรายการให้เจาะจงที่สุด เพื่อให้ตัวเองและทีมงานรับผิดชอบ)
• กำหนดตัวชี้วัดผลงาน ซึ่งจะมาพร้อมกับความจริงและความรับผิดชอบ
• กำหนดเส้นตาย
2.กำลังทำอะไร
• เพื่อดูผลความก้าวหน้า
• ดูแนวโน้มผลสำเร็จ
• มีหนทางที่ดีกว่าที่ทำอยู่ (เผื่อทางเลือก แก้อุปสรรค)
สร้างชีวิตส่วนตัวที่ดีเยี่ยมอย่างไร
ที่กล่าวมาข้างต้นน่าจะเป็นหลักคิดที่นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ แต่อีกด้านหนึ่งคือ เป้าหมายชีวิต และครอบครัว
ลองคิดถึง แผนการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ใน 5 ปีข้างหน้าก็ต้องคิดถึงหัวข้อต่อไปนี้
• คิดว่าดีต่างจากเดิมอย่างไร จะอยู่บ้านแบบไหน รูปแบบการดำเนินชีวิตแต่ละวันเป็นอย่างไร
• อยากจะทำอะไรร่วมกับครอบครัว
• มีแผนพักผ่อน และเดินทางท่องเที่ยวอย่างไร
• ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อก้าวจากจุดที่อยู่ในปัจจุบัน ไปยังจุดที่ต้องการในอนาคต
• สามารถลงมือทำสิ่งใดได้ทันทีเพื่อเริ่มสานฝันให้เป็นจริง
ด้วยหลักคิดที่ว่า เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่สร้างอนาคตได้ ที่สำคัญ “ต้องมุ่งเน้นเป้าหมาย” ในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในหลายเดือนข้างหน้าและหลายปีข้างหน้า จึงต้องเขียนออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงและชัดเจน ด้วยสูตร “3 เป็น”
1.เป็นปัจจุบัน ด้วยข้อความราวกับว่าคุณได้มันแล้วเช่น “ฉันมีรายได้... บาทตลอด 12 เดือนข้างหน้า”
2.เป็นบวก เขียนเป้าหมายให้ฟังเป็นบวก ไม่เป็นลบ เช่น “ฉันเป็นคนไม่สูบบุหรี่”
3.เป็นส่วนตัว เริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “ฉัน” ตามด้วยคำกริยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น “ฉันมีรอบเอว 34 นิ้ว”
สุขภาพร่างกายที่อยากเป็น
ลองจินตนาการถึงสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงในทุกด้าน (ต่างจากปัจจุบันอย่างไร ) แล้วต้องมีกิจกรรมดูแลร่างกาย ทั้งการควบคุมอารมณ์และการออกกำลังกายอย่างไร
สุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุด
เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน ก็ต้องเริ่มด้วยการกำหนดจำนวนเงินที่แน่ชัด ที่ต้องการเก็บออม ซึ่งจะช่วยทำเงินให้คุณหลังจากเกษียณแล้ว
ต้องคิดว่าหากไม่มีรายได้อย่างปัจจุบันเงินออมและเงินลงทุนจะช่วยให้ใช้ชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน
เมื่อรู้ความต้องการใช้เงินขั้นต่ำแต่ละเดือนว่าเป็นเท่าไร ก็คูณ 12 คือจำนวนเงินใช้ใช้จ่ายต่อปี ( หากไม่มีรายได้แล้ว )
หลังเกษียณอายุ 60 คงอยู่ต่อได้อีก 20 ปี ( อายุเฉลี่ยคนปัจจุบันคือ80 ) อาจคิดด้วยการเอาเงินรายเดือนคูณด้วย 240 ก็เป็นเป้าหมายการเก็บออมสู่อิสระภาพทางการเงินพอประมาณ
บันได 7 ขั้น สู่การบรรลุเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลบวกและน่าพอใจที่สุด ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงานก็ตาม สูตรที่ต้องคำนึงถึงในการนำไปใช้ ได้แก่
1.ทำให้วัดผลได้ เป้าหมายที่ต้องการนั้นต้องชัดเจน เฉพาะเจาะจง และสิ่งที่วัดผลได้
2.เขียนออกมาเป็นรูปธรรม คนที่มีเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจะทำสำเร็จมากกว่าคนที่แค่มีความอยากหรือหวัง
3.กำหนดเส้นตาย ถ้าเป้าหมายมีขนาดใหญ่มากก็กำหนดเส้นตายย่อยๆ ด้วย
4.เขียนรายการที่ต้องทำ เขียนทุกสิ่งที่ต้องทำเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมาย เมื่อคิดงานและกิจกรรมใหม่ๆ ได้ก็เขียนเพิ่มลงไป
5.จัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้มีทั้งเป้าหมายและแผน
6.ลงมือทำตามแผนการทันที ก้าวไปด้วยศรัทธา นึกถึงถ้อยคำที่สร้างแรงจูงใจให้เดินหน้าได้ทันที พยายามแบ่งเป็นขั้นตอนเล็กๆ ที่สำเร็จได้ง่ายก่อนก็ได้
7.สร้างความก้าวหน้าทุกๆ วัน ทำอะไรก็ได้ที่ค่อยๆ ขับเคลื่อนไปข้างหน้าทุกๆ วันในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งคุณไว้ได้อีกต่อไป
สรุปแล้วถ้าลองกลั่นความคิดว่าอะไรคือเป้าหมาย 1 อย่างที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ สามารถเริ่มพฤติกรรมใหม่ใน 24 ชั่วโมง และส่งผลบวกต่อชีวิตคุณมากที่สุด ก็เริ่มเลยครับ
_________________________
ที่มาข้อมูล :
หนังสือ “7 วิธีคิดที่ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ”
ผู้เขียน Brian Tracy, Mark Thompson
ผู้แปล พรเลิศ อิฐฐ์
สำนักพิมพ์ WE LEARN
โดย ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล (suwatmgr@gmail.com)
เซกชั่น Good Health & Well Being
นิตยสารผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 8 ตุลาคม 2560
ถ้าถามนักบริหารธุรกิจถึงเป้าหมายที่สำคัญ ก็มักจะได้คำตอบว่า “ต้องการสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยม และมีผลกำไรดีมาก” แต่ในส่วนลึกจริงๆ แล้วก็พบว่าเป้าหมายหลักคือ “การได้มีชีวิตที่ยอดเยี่ยม”
เพราะเขาคิดว่าต้องดำเนินการซ่อมสร้าง “ชีวิต” ตัวเองให้แข็งแรงก่อน จึงจะมีพลังไปสร้างธุรกิจที่ยอดเยี่ยมได้อย่างมีประสิทธิผล
ขณะที่ปัจจุบันนี้นับว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายบริบททั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือเปลี่ยนธุรกรรมของโลก
นี่จึงเป็นโอกาสเอื้อต่อการเพิ่มความเป็นไปได้ จนมีคนจำนวนไม่น้อยที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้มากขึ้น ทั้งการดำเนินธุรกิจและการดำเนินชีวิต
ดังนั้น คุณก็สามารถตั้งเป้าหมายการสร้าง “ชีวิตที่ยอดเยี่ยม” ได้ เพื่อให้เป็นคนหนึ่งในจำนวนผู้สมหวังจำนวนมากเหล่านั้น
หากมีความฝันและตัดสินใจให้แน่ชัดว่า “ชีวิตที่ยอดเยี่ยม” ที่ต้องการนั้นมีลักษณะอย่างไร
คุณสมบัติสำคัญที่ต้องมีก็คือ “ภาวะผู้นำ” ไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กร ผู้นำครอบครัว หรือแม้แต่นำตนเอง
แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำคุณต้องมีองค์ประกอบ 2 ประการที่ผสมผสานในตัว คือ
1.ลักษณะนิสัย
มีความจริงใจและเป็นคนไว้ใจได้ จนมีคนพร้อมจะเดินตาม มีความเชื่อมั่นในตัวเอง โดยเฉพาะต้องเชื่อว่าสิ่งที่ทำเพื่อคนอื่นหรือขายสินค้า และบริการเป็นของที่ยอดเยี่ยมในทุกด้านที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจริงๆ แก่ผู้ได้รับอีกทั้งยังเป็นบุคคลตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องที่ได้รับผลอันยอดเยี่ยม
2.มีความสามารถในการทำหน้าที่ผู้นำได้ยอดเยี่ยม แต่ก็อ่อนน้อมถ่อมตน และเตือนตัวเองอยู่เสมอในการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหมือนอย่างที่ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งธุรกิจอะเมซอนบอกย้ำว่า “ผมไม่เคยหยุดพัฒนาบริษัทและตัวเองเลย”
หลัก 3P ของความเป็นผู้นำ
ไบรอัน เทรซี่ ที่ปรึกษาด้านการจัดการชื่อดัง และมาร์ก ทอมป์สัน นักธุรกิจระดับโลกที่ร่วมกันเขียนหนังสือ “Now , Build A Great Business” ได้บอกหลักสำคัญในการทำความเข้าใจตัวเอง และผู้ร่วมทีมงานที่เป็นองค์ประกอบในการนำไปสู่ผลงานสุดยอดได้แก่
1.จุดมุ่งหมาย (Purpose) เป็นเหตุผลว่า “ทำไมสิ่งที่คุณทำจึงสำคัญสำหรับผู้อื่นอย่างไร” หรือเป็นตัวกำหนดว่า อยากช่วยปรับปรุงชีวิต และการทำงานของลูกค้าให้ดีขึ้นอย่างไร
2.แรงปรารถนา (Passion) อะไรดึงดูดความสนใจของคุณ คำถามนี้เกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึก ต่อสิ่งที่สำคัญต่อตัวคุณเอง ที่อยากทำในสิ่งที่คุณรัก ถนัดและทำได้ดี คุณจึงชอบทำ
3.ผลงาน (performance) นี่คือบริเวณที่ “จุดมุ่งหมาย” (สิ่งที่ทำให้โลก) กับ “แรงปรารถนา” (สิ่งที่คุณรัก) มาบรรจบกันก็ได้เวลากำหนดเป็น “เป้าหมาย” และสร้าง “ผลงาน” ที่ต้องการบรรลุ
ความชัดเจนคือพลัง
เพื่อให้เป้าหมายเกิดผลงานที่สำเร็จสมใจ ต้องให้ความสำคัญกับ “ความชัดเจน” และ “ความมุ่งมั่น”
เพราะไม่ว่าการจัดการธุรกิจหรือการดำเนินชีวิต มีสถิติพบว่า 80% ของความสำเร็จเป็นผลมาจากระดับของความชัดเจน ในแต่ละด้านของผู้เกี่ยวข้อง
ถ้าเป็นผู้นำก็ต้อง “ชัดเจนว่ากำลังทำสิ่งใด” เพื่อเป้าหมายอะไร เพื่อให้สำเร็จ ส่วนลูกน้องเมื่อรู้เป้าหมายและแนววิธีการ รวมทั้งรู้ชัดว่า ตนเองถูกคาดหวังให้ทำสิ่งใดก็ต้องมุ่งทำให้บรรลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของกระแสสังคม และการแข่งขัน ในภาวะผู้นำจำเป็นต้องตอบคำถาม 2 ข้อ
1.พยายามทำอะไรอยู่ ให้เขียนลงบนกระดาษ
• แผนในการบรรลุเป้าหมายอย่างไร (ต้องระบุรายการให้เจาะจงที่สุด เพื่อให้ตัวเองและทีมงานรับผิดชอบ)
• กำหนดตัวชี้วัดผลงาน ซึ่งจะมาพร้อมกับความจริงและความรับผิดชอบ
• กำหนดเส้นตาย
2.กำลังทำอะไร
• เพื่อดูผลความก้าวหน้า
• ดูแนวโน้มผลสำเร็จ
• มีหนทางที่ดีกว่าที่ทำอยู่ (เผื่อทางเลือก แก้อุปสรรค)
สร้างชีวิตส่วนตัวที่ดีเยี่ยมอย่างไร
ที่กล่าวมาข้างต้นน่าจะเป็นหลักคิดที่นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ แต่อีกด้านหนึ่งคือ เป้าหมายชีวิต และครอบครัว
ลองคิดถึง แผนการสร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ใน 5 ปีข้างหน้าก็ต้องคิดถึงหัวข้อต่อไปนี้
• คิดว่าดีต่างจากเดิมอย่างไร จะอยู่บ้านแบบไหน รูปแบบการดำเนินชีวิตแต่ละวันเป็นอย่างไร
• อยากจะทำอะไรร่วมกับครอบครัว
• มีแผนพักผ่อน และเดินทางท่องเที่ยวอย่างไร
• ต้องทำอะไรบ้าง เพื่อก้าวจากจุดที่อยู่ในปัจจุบัน ไปยังจุดที่ต้องการในอนาคต
• สามารถลงมือทำสิ่งใดได้ทันทีเพื่อเริ่มสานฝันให้เป็นจริง
ด้วยหลักคิดที่ว่า เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่สร้างอนาคตได้ ที่สำคัญ “ต้องมุ่งเน้นเป้าหมาย” ในสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จในหลายเดือนข้างหน้าและหลายปีข้างหน้า จึงต้องเขียนออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงและชัดเจน ด้วยสูตร “3 เป็น”
1.เป็นปัจจุบัน ด้วยข้อความราวกับว่าคุณได้มันแล้วเช่น “ฉันมีรายได้... บาทตลอด 12 เดือนข้างหน้า”
2.เป็นบวก เขียนเป้าหมายให้ฟังเป็นบวก ไม่เป็นลบ เช่น “ฉันเป็นคนไม่สูบบุหรี่”
3.เป็นส่วนตัว เริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “ฉัน” ตามด้วยคำกริยาจะมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น “ฉันมีรอบเอว 34 นิ้ว”
สุขภาพร่างกายที่อยากเป็น
ลองจินตนาการถึงสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงในทุกด้าน (ต่างจากปัจจุบันอย่างไร ) แล้วต้องมีกิจกรรมดูแลร่างกาย ทั้งการควบคุมอารมณ์และการออกกำลังกายอย่างไร
สุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุด
เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงิน ก็ต้องเริ่มด้วยการกำหนดจำนวนเงินที่แน่ชัด ที่ต้องการเก็บออม ซึ่งจะช่วยทำเงินให้คุณหลังจากเกษียณแล้ว
ต้องคิดว่าหากไม่มีรายได้อย่างปัจจุบันเงินออมและเงินลงทุนจะช่วยให้ใช้ชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน
เมื่อรู้ความต้องการใช้เงินขั้นต่ำแต่ละเดือนว่าเป็นเท่าไร ก็คูณ 12 คือจำนวนเงินใช้ใช้จ่ายต่อปี ( หากไม่มีรายได้แล้ว )
หลังเกษียณอายุ 60 คงอยู่ต่อได้อีก 20 ปี ( อายุเฉลี่ยคนปัจจุบันคือ80 ) อาจคิดด้วยการเอาเงินรายเดือนคูณด้วย 240 ก็เป็นเป้าหมายการเก็บออมสู่อิสระภาพทางการเงินพอประมาณ
บันได 7 ขั้น สู่การบรรลุเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลบวกและน่าพอใจที่สุด ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงานก็ตาม สูตรที่ต้องคำนึงถึงในการนำไปใช้ ได้แก่
1.ทำให้วัดผลได้ เป้าหมายที่ต้องการนั้นต้องชัดเจน เฉพาะเจาะจง และสิ่งที่วัดผลได้
2.เขียนออกมาเป็นรูปธรรม คนที่มีเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรจะทำสำเร็จมากกว่าคนที่แค่มีความอยากหรือหวัง
3.กำหนดเส้นตาย ถ้าเป้าหมายมีขนาดใหญ่มากก็กำหนดเส้นตายย่อยๆ ด้วย
4.เขียนรายการที่ต้องทำ เขียนทุกสิ่งที่ต้องทำเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมาย เมื่อคิดงานและกิจกรรมใหม่ๆ ได้ก็เขียนเพิ่มลงไป
5.จัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้มีทั้งเป้าหมายและแผน
6.ลงมือทำตามแผนการทันที ก้าวไปด้วยศรัทธา นึกถึงถ้อยคำที่สร้างแรงจูงใจให้เดินหน้าได้ทันที พยายามแบ่งเป็นขั้นตอนเล็กๆ ที่สำเร็จได้ง่ายก่อนก็ได้
7.สร้างความก้าวหน้าทุกๆ วัน ทำอะไรก็ได้ที่ค่อยๆ ขับเคลื่อนไปข้างหน้าทุกๆ วันในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งคุณไว้ได้อีกต่อไป
สรุปแล้วถ้าลองกลั่นความคิดว่าอะไรคือเป้าหมาย 1 อย่างที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ สามารถเริ่มพฤติกรรมใหม่ใน 24 ชั่วโมง และส่งผลบวกต่อชีวิตคุณมากที่สุด ก็เริ่มเลยครับ
_________________________
ที่มาข้อมูล :
หนังสือ “7 วิธีคิดที่ฉันน่าจะรู้ตั้งแต่วันแรกที่ทำธุรกิจ”
ผู้เขียน Brian Tracy, Mark Thompson
ผู้แปล พรเลิศ อิฐฐ์
สำนักพิมพ์ WE LEARN
ผู้หญิงไม่อธิบาย ผู้ชายเดาใจไม่เป็น ผู้เขียน : อิโอะตะ ทัตสึนะริ สำนักพิมพ์ : We Learn ราคา 220 บาท เทคนิคการพูดคุยที่ทำให้คนที่ต่างกันสุดขั้ว เข้าใจกันได้ในประโยคเดียว หนังสือขายดี จากญี่ปุ่น ยอดขายทะลุ 500,000 เล่ม บริหารชีวิต พิชิตความสำเร็จ ผู้เขียน : เดวิด อัลเลน ผู้แปล : อาวีกาญจน์-ปฏิพล สำนักพิมพ์ : Post Books ราคา 450 บาท หนังสือธุรกิจแนวพัฒนาตนเองที่เฉียบขาดแห่งทศวรรษ เป็นศิลปะแห่งการผ่อนคลายความคิด และพลังแห่งการปล่อยวางจากความกังวลทั้งปวงเพื่อความสำเร็จอย่างมั่นคง สมองไบรท์ แค่ขยับนิ้วโป้ง ผู้เขียน : นายแพทย์โยชิยะ ฮะเซะงะวะ ผู้แปล : ฉวีวงศ์ อัศวเสนา สำนักพิมพ์ : Amarin Health ราคา 175 บาท นิ้วโป้งเป็นนิ้วแห่ง "ความประสงค์อันแรงกล้า" ความจริงที่พิสูจน์แล้ว! "ทฤษฎีกระตุ้นนิ้วโป้ง" ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น และนี่คือผลลัพธ์ 9 ข้อที่น่าทึ่ง รวยได้ใน 100 วัน ด้วยพลังแห่งการจัดระเบียบ ผู้เขียน : ยุนซ็อนฮย็อน ผู้แปล : อาสยา อภิชนางกูร สำนักพิมพ์ : Amarin How To ราคา 245 บาท พลังของการจัดการบ้าน งาน และเงิน เปลี่ยนคนธรรมดากลายเป็นเศรษฐี ด้วยโปรเจ็กต์จัดระเบียบชีวิตใน 100 วัน Sprint สร้างไอเดียไหน ก็ได้ใจลูกค้า ใน 5 วัน ผู้แปล : ปฏิพล ตั้งจักรวรานนท์ สำนักำพิมพ์ : Nation Books ราคา 295 บาท Sprint เป็นกระบวนการตัดสินใจรูปแบบใหม่ วิธีนี้ไม่ต้องเจอกับการถกเถียงกันแบบไม่รู้จบ การแย่งกันเสนอไอเดีย และการทนยอมรับไอเดียที่ไม่ดีจริง เหมาะสำหรับธุรกิจทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพ |