xs
xsm
sm
md
lg

คนรักสัตว์เลี้ยงต้องรู้!! อันตรายจากสัตว์แสนรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เกิดเป็นกระแสดราม่าอย่างยาวนานและไม่มีสิ้นสุดสำหรับกรณีปัญหา "สุนัข" หรือ "แมว" ดูโอสัตว์เลี้ยงยอดฮิตข้างกายมนุษย์ที่นับวันไลฟ์สไตล์จะค่อยๆ ขยับชิดใกล้แบบเดียวกับคนเราไม่ว่าจะแต่งตัว เที่ยว กระทั่งกิน สถานบริการบางแห่งก็ถึงกลับมีการเตรียมพร้อมไว้เสร็จสรรพเพื่อบริการเป็นล่ำเป็นสันซึ่งดูเป็นภาพน่ารังน่าชังไม่น้อย สำหรับเจ้าของและคนที่รักชอบ

อย่างไรก็ตามในอีกมุมด้านหนึ่งก็มีไม่น้อยที่มองต่างแยก "ความรัก" และ "ชีวิต" ออกจากกัน เพราะเกรงซึ่งอันตรายที่จะนำมาซึ่งพาหะโรคที่จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยและสุขภาพชีวิตก่อนวัยอันควร จนเกิดเป็นการโต้แย้งต่างๆ นาๆ ถึงความถูก-ผิด ข้อควรพึ่งปฏิบัติ ของความเข้าใจที่ถูกต้องก่อให้เป็นปัญหาที่บานปลายข้ามโยงสู่คนและตัวบทกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

...แน่นอนของใคร ใครก็รัก
แต่ชีวิตเรา เราก็หวงแหน...
วันนี้เราจึงมาไขข้อข้องใจในกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่าอะไรบ้างของสัตว์เลี้ยงที่ส่งผลกระทบต่อคน ซึ่งอาจจะต้องคิดใหม่และทำใหม่

น้ำลายอาจไม่อันตรายต่อน้องๆ สี่ขา
แต่สามารถคราชีวิต "เรา" ได้

คุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรียของน้ำลายของสุนัขมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียอย่างอ่อน โดยจำเพาะกับแบคทีเรียบางชนิด คือ Streptococcus canis และ E. coli ซึ่งได้ผลไม่แน่นอน จึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่า น้ำลายอาจมีส่วนช่วยให้แผลหายได้แต่น้ำลายสามารถช่วยให้แผลหายได้ในสัตว์บางสปีชีส์เท่านั้น อาทิเช่น น้ำลายของหนู mice สามารถใช้นำลายเลียที่แผลและแผลที่ได้รับการเลียจะหายได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับแผลที่ไม่ได้รับการเลีย

ที่ตัวสะอาดเพราะเลียไม่มีกลิ่นจึงไม่สำคัญเท่าน้ำลายของน้องๆ สี่ขาที่แฝงมาด้วยเชื้อโรคอันตรายอื่นๆ จากพื้นฐานทางธรรมชาติเองและจากพฤติกรรมการกินของสกปรก โดยในสุนัขมีความเสี่ยง 75 เปอร์เซ็นต์และแมวมีมากถึง 97เปอร์เซ็นต์ ของเชื้อแบคที่เรีย Pastsrera ที่พบในช่องปาก ดังนั้นหากเราได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสูงร่างกายผ่านน้ำลายของสัตว์เลี้ยง หรือการสูดเอาแบคทีเรียเข้าไปผ่านจมูก เช่น การจูบ หรือหอมสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ อาจก่อให้เกิด อาการคัดจมูกจนอาการของโพรงจมูกอักเสบ เป็นหนอง ไอเป็นเลือด เมื่อปอดติดเชื้อ เป็นพิษตามผิวหนังหรือเยื่อไขกระดูกอักเสบ อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (septicemia) ตามมาได้และเสียชีวิตได้ หากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอขึ้นมา

"ขน" พิษตามขนาด
ยากที่จะทำร้ายมนุษย์
 
เพราะปอดประกอบด้วยถุงลมขนาดเล็กและหลอดลมฝอยที่มีขนาดจิ๋วที่ป้องกันตัวเองในการทำหน้าที่สูบออกซิเจนเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย ดังนั้นร่างกายจึงมีกลไกสำคัญในการที่จะปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่มีประสิทธิภาพสูง ขนาดของวัตถุที่จะเข้าไปในปอดได้นั้น ต้องมีขนาดเล็กกว่า 3-5 ไมครอนเท่านั้น (1 ไมครอน = 1 ส่วนล้าน ของ 1 เมตร เส้นขนของมนุษย์ มีขนาดประมาณ 100 ไมครอน)
 
นอกจากนี้ร่างกายก็จะมีการปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมอยู่แล้ว เช่น จาม ไอ สร้างเมือก (เสมหะ) มาจับ หรือใช้ cilia (ซีเลีย) พัดโบกออกมา และในถุงลมของปอดยังก็มีเซลล์จำนวนมากที่คอยดักจับสิ่งแปลกปลอมอีกชั้นหนึ่งด้วย ดังนั้นความเชื่อที่ว่าขนของสุนัขและแมวก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ การแพ้สัตว์เลี้ยงไม่ใช่การแพ้ขน แต่มักเป็นการแพ้ผิวหนัง (ขี้ไคลหรือรังแค) และน้ำลายสัตว์ที่ติดมาจากขนอาจมีอาการ คัน น้ำมูกไหล จาม หายใจลำบาก เคืองตา ตาบวม หรือหอบหืดที่ร้ายแรงที่สุด
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างไรก็ตามควรรักษาความสะอาดสัตว์เลี้ยงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ พาตรวจพบฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนเพื่อไม่ให้เกิดแบคทีเรียสะสมที่จะนำเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เลี้ยงเองยังควรเข้าตรวจสุขภาพร่างกายกับแพทย์ภูมิแพ้เพื่อเช็คของประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง หากเกิดการติดเชื้อจะได้รักษาอย่างทันท่วงทีว่าสาเหตุเกิดจากโรคชนิดใด

กำลังโหลดความคิดเห็น