xs
xsm
sm
md
lg

เคลียร์ชัด!! "การครอบแก้ว" บำบัดโรคได้ จริงหรือ??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถูกพูดถึงและแชร์กันอย่างมากเมื่อ “ซาหริ่ม รัตนาภรณ์” หรือที่รู้จักกันดี “ซาหริ่ม แม็กซิม” ได้โพสต์เรื่องราวผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Zarim Maxim เกี่ยวกับการครอบแก้วเพื่อรักษาโรคว่า

“โพสต์นี้ใครกลัวเลือด เลื่อนผ่านไปเลยนะจ๊ะ เอาของเสียออกจากร่างกาย (เลือดชั่ว) ทำแล้วโล่งมาก เพราะปวดหลัง ปวดตัวข้างขวามาหลายปี ในวีดิโอ เลือดออกตรงต้นคอเยอะมาก เพราะเลือดมันคั่ง ไปเลี้ยงสมองไม่พอ มิน่าล่ะ ช่วงนี้ถึงเอ๋อๆ ทำแล้วโล่ง สบายตัว แต่เพลียหน่อย ต้องนอนพักนาจา ดีงาม ต้องไปซ้ำ ขอบคุณพี่นานาที่แนะนำนะคะ”

จากกรณีดังกล่าวนั้น รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้โพสต์ความคิดเห็นผ่านเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ แก้วกับเรื่องนี้ไว้ ดังนี้

ถามกันมาเต็มเลย ทั้งในเฟซบุ้คส่วนตัว ทั้งในเพจ ว่าที่เขาแชร์กันถึงวิธีการไปบำบัดโรคถึงต่างประเทศ ด้วยการเอาถ้วยแปะหลัง แปะต้นคอ แล้วดูดเลือดชั่วออกมาเพื่อบำบัดของเสียจากร่างกาย มันมีประโยชน์จริงเหรอ แก้เอ๋อ แก้ปวดหลังปวดคอ ได้จริงเหรอ ทางการแพทย์กระแสหลัก ก็ขอบอกว่าไม่จริง ไม่ได้ดูดเลือดชั่ว แถมจะมีผลข้างเคียงตามมาด้วย

วิธีการที่เห็นนี้ คล้ายๆ กับการแพทย์แผนจีนที่ทำกัวซา (เอาไม้มาถูๆ ขัดๆ หลัง โดยอ้างว่าจะทำของเสียออกจากร่างกายได้) ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า cupping therapy โดยที่แบบที่เราเห็นในแชร์กันนั้น เป็นแบบ wet cupping ผมเลยขอเรียกเองว่า การทำ "ถ้วยเลือดบำบัด" ละกัน

วิธีถ้วยบำบัดนี้ คร่าวๆ คือ การเอาถ้วย ซึ่งอาจจะเป็นแก้ว เครื่องเคลือบ ซิลิโคน หรือไม้ไผ่ มาทำให้เกิดสภาพสูญญากาศ (หรืออากาศน้อยๆ) แปะดูดบนผิวหนังของเราซักพักหนึ่ง โดยเชื่อว่าจะช่วยลดอาการปวดอักเสบ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ผ่อนคลาย ไปจนถึงมีสุขภาพดีขึ้น แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ในหนังหรือสารคดีจากเมืองจีน-อินเดีย-อาหรับ จะเป็นแบบแห้ง (dry) ซึ่งจะเอาถ้วยไปใส่แอลกอฮอล์หรือเชื้อเพลิง แล้วจุดไฟ พอไฟดับก็เอามาแปะคว่ำลงบนหลัง เกิดเป็นสภาพสูญญากาศขึ้นมา แล้วก็ดูดดึงเอาหนังของเรานูนขึ้น แดงกล่ำขึ้นจากการที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว ประมาณ 3 นาที ก็จะเอาออก แต่ที่เริ่มนิยมแบบโหดๆ ขึ้นตอนหลังนี่ จะเป็นแบบเปียก (wet) ซึ่งหลังจากผ่านไป 3 นาทีแล้ว เขาจะเอาถ้วยออก ต่อด้วยการเอามีดมากรีดบางๆ ลงบนผิวหนัง ก่อนที่จะเอาถ้วยมาดูดต่ออีกรอบ ซึ่งจะได้เลือดซึมๆ พุ่งๆ ทะลักออกมาให้เห็น พอเสร็จแล้วจึงทำความสะอาดและใส่ยาฆ่าเชื้ัอ ปิดแผลให้เรียบร้อย ป้องกันการติดเชื้อ พร้อมกับอ้างว่า วิธีถ้วยเลือดบำบัดนี้ จะดูดเอาสารพิษออกจากร่างกายได้

ถึงแม้จะมีการกล่าวอ้างกันเยอะว่าวิธีถ้วยบำบัดนั้น สามารถช่วยแก้โรคนั่นโรคนี้ได้มากมาย แต่ก็ไม่ได้งานวิจัยใดๆ มารองรับว่าทำได้จริง เลือดที่ผิวหนังที่ออกมาในถ้วยนั้น ก็เป็นเลือดจากเส้นเลือดฝอยทั่วไป ไม่ได้ว่าจะเป็นแหล่งรวมสารพิษแต่อย่างไร มีเพียงเรื่องการแก้ปวดเมื่อยที่พอจะเป็นไปได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ก็แค่อุปาทานกันไปเองว่าดีขึ้น

ขณะที่มีงานวิจัยหนึ่งของออสเตรเลียร่วมกับจีน ในปี 2012 ตีพิมพ์ในวารสาร PLoS One ได้รีวิวผลการทำถ้วยบำบัดนี้กว่า 135 รายงาน และสรุปว่ามันอาจจะได้ผลดีในการบำบัดบางอาการ เมื่อใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาและการฝังเข็มด้วย แต่ทีมวิจัยเองก็เตือนว่า พวกรายงานที่เขาเอามาวิเคราะห์นั้น อาจจะมีความลำเอียง ไม่ได้น่าเชื่อถือร้อยเปอร์เซนต์ ยังต้องทำการศึกษาอีกมาก แถมผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นตามมาหลังจากทำนั้น ก็มีได้หลายอย่าง ทั้งเกิดอาการปวด ผิวไหม้ (ไฟ+ความร้อน) มีอาการช้ำห้อเลือด การติดเชื้อโรคที่ผิวหนัง ถ้ายิ่งคนที่เป็นโรคเลือดหยุดไหลยาก หรือไม่หยุด ก็ห้ามทำแบบ "ถ้วยเลือดบำบัด" เด็ดขาดเลย หรือพูดกลับข้างว่า วิธีการพวกนี้นิยมทำกับคนที่สุขภาพดี แล้วต้องการลดความปวดเมื่อย มากกว่าคนที่กำลังป่วยเป็นโรค ยิ่งไปเจอบางเจ้า อ้างว่าทำวิธีนี้แล้ว จะรักษาโรคมะเร็งได้ ทางสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกา ก็เคยมีคำเตือนแล้วว่า ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้แม้แต่น้อย (เคยมีข่าวดาราสาวจีน ไปเชื่อเรื่องนี้มาก จนไม่ยอมรักษาโรคมะเร็ง สุดท้ายเลยเสียชีวิตไป)

กล่าวโดยสรุป ใครอยากทำ กล้าทำ ก็ตามสบายครับ แต่อย่าไปหวังมากว่าจะรักษาอะไรได้ แถมระวังผลข้างเคียงที่ตามมาด้วยครับ

ข้อมูลจาก http://www.webmd.com/balance/guide/cupping-therapy#1 และ https://en.wikipedia.org/wiki/Cupping_therapy

(ป.ล. ได้ความรู้เพิ่มว่าในไทยเขานิยมเรียก cupping therapy ว่า ครอบแก้ว)

ทำความรู้จ้กเพิ่มเติมว่า cupping therapy หรือ การครอบแก้วคืออะไร
(บทความจาก พญ.ธนันต์ ศุภศิริ รพ.สมิติเวชสุขุมวิท ข้อมูลจาก Pleasehealth Books)

การครอบแก้ว คือการใช้กระปุกสุญญากาศครอบไปบนผิวหนัง โดยมีวิธีทำให้กระปุกเกิดสุญญากาศทั้งจากการใช้ไฟลนภายในกระปุกก่อนที่จะครอบลงบนผิวหนัง หรือการที่ใช้อุปกรณ์ดูดอากาศออกจากกระปุกที่ครอบลงไปแล้ว ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณใต้ผิวหนังขยายตัวหรือแตกออกเกิดเป็นรอยแดง-คล้ำตามรอยขอบกระปุกนั้น เนื่องจากทฤษฏีทางการแพทย์แผนจีนกล่าวไว้ว่าโรคหลายชนิดเกิดจากการเดินทางของพลังงาน (ชี่) ติดขัด ซึ่งการครอบแก้วนี้ จะช่วยสลายการติดขัดนั้น ทำให้พลังงานหรือชี่เดินทางได้สะดวกขึ้นจึงสามารถรักษาโรคหรืออาการบางชนิดได้

การครอบแก้วมีประโยชน์อย่างไร เหมาะกับโรคอะไรบ้าง

การครอบแก้วทำให้มีการเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณนั้น ในทางสรีรวิทยา การครอบแก้วมีผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยกลไก 2 ประการ ได้แก่ การกระตุ้นกลไกการอักเสบเฉพาะที่และเพิ่มการไหลเวียนของน้ำเหลือง นอกจากนี้ การครอบแก้วมีผลให้มีการหลั่งสารสื่อประสาทและกระตุ้นปลายประสาทรับสัมผัสบางชนิด ทำให้มีฤทธิ์ลดปวด จึงทำให้มีการนำการครอบแก้วมาใช้รักษาอาการปวดต่างๆ ทั้งการปวดในระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่นอาการปวดคอ ปวดหลัง หรืออาการปวดของเส้นประสาทเช่น ปวดจากงูสวัด เป็นต้น แต่ประโยชน์ของการครอบแก้วไม่ได้มีเพียงรักษาอาการปวดเท่านั้น ปัจจุบันยังนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆเพิ่มขึ้น เช่น สิว ฝ้า อัมพาตใบหน้า (Bell's palsy) อ่อนเพลีย ซึมเศร้า รวมถึงเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสมมติฐานที่เชื่อว่าการครอบแก้วช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อทุกระดับและยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย

ข้อควรระวัง

แม้ว่าการครอบแก้วหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ถือว่าเป็นหัตถการที่ปลอดภัย มีผลข้างเคียงต่ำ อย่างไรก็ตาม มีข้อห้ามบางประการที่ไม่ควรได้รับการรักษาด้วยการครอบแก้ว เช่น ตั้งครรภ์ มะเร็งระยะลุกลาม กระดูกหัก ภาวะเส้นเลือดดำอุดตัน (Deep vein thrombosis) หรือในบริเวณที่ผิวหนังมีบาดแผล เป็นต้น และการครอบแก้วในบริเวณที่ไม่เหมาะสม หรือคาไว้นานเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้

กำลังโหลดความคิดเห็น