เป็นนักกีฬาวิ่งมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา ทำให้พวกเธอ ฟ้า-เบญจวรรณ บุญประจวบ และ เฟิน-เบญจมาศ บุญประจวบ สองพี่น้องฝาแฝดรักและดำเนินชีวิตอยู่ในสายกีฬามาโดยตลอด จนทำให้เธอสอบเข้าคณะสหเวชศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการพัฒนากีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้สำเร็จทั้งคู่
ด้วยความฟิตของพวกเธอทำให้เกิดภาพโชว์ซิกแพ็กที่เป็นกระแสดังบนโลกโซเชียลที่ทำเอาเอายอดไลท์ถล่มทลายและถูกแชร์ออกไปอย่างล้นหลาม ซึ่งนอกจากนี้แล้วพวกเธอยังใช้วิชาที่เรียนมาทำประโยชน์หารายได้เสริมให้กับตัวเอง โดยการรับสอนออกกำลังกายนักศึกษาร่วมสถาบันเดียวกัน ทำให้การสอนของพวกเธอถูกพูดถึงปากต่อปากมีคนมาสมัครเรียนกันต่อเนื่อง
มาเรียนรู้เคล็ดลับการฟิตหุ่นและทำความรู้จักแฝดคู่นี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า…
• เห็นว่าดังมาจากรูปภาพสาววิทย์กีฬาโชว์ซิกแพ็กซึ่งรูปนั้นเป็นกระแสได้รับการชื่นชมจนสามารถเรียกยอดไลค์และถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก
เฟิน : ใช่ค่ะ กระแสตรงนี้เกิดมาจากตอนนั้นเฟิร์นเรียนวิชาของมหาวิทยาลัยซึ่งต้องทำโครงการขึ้นมา แล้วเฟิร์นเลือกทำโครงการ TU KIDS FIT ขึ้นมา เป็นโครงการของตัวเองที่จะต้องเอาไปเสนออาจารย์ พอทำเสร็จแล้ว มันก็ไม่ได้ทำอะไรต่อในเพจ ก็เลยเอามาต่อยอด ลองอัดคลิปออกกำลังกายลง แล้วประจวบกับว่ามันมาเริ่มต้นดังขึ้นตอนที่เราถ่ายโชว์ซิกแพ็กลง แล้วคนก็ชอบกัน ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งที่คนจะฮือฮากันมาก (ยิ้ม)
• กระแสเกิดขึ้นจากวิชาที่เราเรียน?
เฟิน : ใช่ค่ะ เพราะเราเรียนคณะสหเวชศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการพัฒนากีฬาค่ะ แต่ว่าจะไม่เชิงในแนวทางวิทย์กีฬาจ๋า จะแยกออกมาเป็น Sport Management เป็นการจัดการกีฬา แต่ว่าในส่วนนี้ก็จะเรียนในส่วนของกายวิภาคศาสตร์ด้วย เวชศาสตร์การกีฬาด้วย คือจะเรียนค่อนข้างครอบคลุมพอๆ กับวิทยาศาสตร์แต่อาจจะไม่ลึกเท่าค่ะ
ฟ้า : ฟ้าไม่ได้มองว่าคณะนี้จะตรงกับสิ่งที่เราต้องการ หรือสิ่งที่เราเป็นนะคะ แต่พอเราเรียนมาสักพักหนึ่งเราก็รู้สึกได้ว่ามันใช่นะ มันโดนกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ คือส่วนตัวเราเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว ซึ่งมันมีสิ่งที่เราไม่รู้ แล้วเราได้รู้มากขึ้น ทำให้เข้าใจมากขึ้น มันเลยโดน และรู้ว่ามันใช่เลย ก็เลยเลือกที่จะเรียนคณะนี้ค่ะ
เฟิน: เอาจริงๆ คณะนี้ผู้หญิงเรียนน้อยนะคะ ถ้าในวิทยาศาสตร์การกีฬาทั่วประเทศไทยผู้หญิงจะค่อนข้างเรียนน้อย แต่หลังๆ จะเริ่มบูมบ้างแล้ว
ฟ้า : ตอนนี้ก็เริ่มบูมเพราะว่าเทรนด์การออกกำลังกายกำลังมา เริ่มมีชื่อเสียง คนเริ่มหันมาสนใจในกีฬามากขึ้น คนก็เลยเลือกที่จะเรียนกัน
ตอนนี้พวกหนูอยู่ปี 3 แล้วนะคะ ผู้หญิงในคณะน้อย ยิ่งรุ่นน้องยิ่งน้อยเลยค่ะ แต่ปีเดียวกันก็ยังเยอะอยู่นะคะ แต่รุ่นน้องผู้หญิงจะยิ่งน้อยลงมากเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่เป็นนักกีฬาจะนิยมเรียนกันค่ะ แต่ก็มีคนที่ไม่ได้ชอบกีฬามาเรียนเหมือนกันนะคะ พวกที่สอบเข้ามาได้แล้วไม่รู้เรื่องกีฬาก็มีค่ะ คือจะเล่นเป็น แต่จะเล่นเป็นแบบธรรมดาๆ ไม่ได้แบบมีระดับแห่งชาติหรือระดับเยาวชนอะไร พวกนี้เขาก็จะเก่งเรื่องการเรียนมากกว่าเราอยู่
• เป็นฝาแฝด แถมเลือกเรียนวิทย์กีฬาด้วยกันทั้งคู่ แสดงว่าก่อนหน้านี้ก็ชื่นชอบออกกำลังกายเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว
เฟิน : เราเริ่มเล่นกีฬาตอนป.3 หนูว่าก็เริ่มเร็วอยู่นะ คือตอนนั้นต้องวิ่งตลอด เรียกได้ว่าเราเดินทางสายกีฬามาตลอด ตั้งแต่เด็ก มันก็เลยทำให้เราเป็นคนชอบกีฬาไปเลย
เราเป็นนักกีฬา เป็นนักวิ่งกันอยู่แล้ว เราเลยต้องซ้อม ต้องวิ่งกันตลอดอยู่แล้ว มันเลยไม่ได้ซีเรียสว่าพอเวลาวิ่งแล้วมาออกกำลังกายมันจะดูเหมือนว่าเราขาดๆ ไป มันสามารถเอามาเสริมกันได้ พอเราไม่ได้วิ่งแล้วเราก็ยังเอาการออกกำลังกาย อย่างเล่นฟิตเนส เล่นยิม เราก็สามารถเอามาแทนกันได้ แต่ก่อนหน้านี้เราสองคนก็มีคณะอื่นมนดวงใจบ้างนะคะ เราก็ไม่ได้มองแค่ตัวเลือกเดียวนะคะตอนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย จริงๆ เฟิร์นก็อยากเป็นหมอนะคะ แต่ความรู้ไม่ถึง (หัวเราะ) เราก็เลยต้องลองลดลำดับความคิดลงมาเอาส่วนที่เราถนัด แล้วเราสามารถทำได้ดี น่าจะดีกว่า
ฟ้า : ตอนนี้พวกเราจะเป็นนักกีฬาวิ่งของมหาวิทยาลัยด้วยแต่เราก็ไม่ได้เก่งนะคะ เราจะเล่นให้กับมหาวิทยาลัยเพราะเราจะตอบแทนเพราะเราเข้ามาจากโควต้าช้างเผือกของมหาวิทยาลัยค่ะ
• แล้วนำความรู้อะไรที่ได้จากการเรียนแล้วเรานำมาปรับใช้กับการออกกำลังกายในชีวิตจริงบ้าง
ฟ้า : นำมาใช้เยอะเลยค่ะเพราะว่าสาขาหนูจะไม่ได้สอนแค่เวชศาสตร์ อะน่าโตมี่ แต่เขาจะสอนเรื่องไฟแนนซ์ สอนมาเกตติ้ง ซึ่งสาขาที่เราเรียนจะค่อนข้างครอบคลุม เรียนสปอร์ตมาเกตติ้ง สปอร์ตไฟแนนซ์ ซึ่งพอเราจบไปแล้วเราสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้เองถ้าเรามีประสิทธิภาพในตัวเราพอ ซึ่งถ้าเราเก่งมาเกตติ้งเราก็สามารถไปทำบริษัทมาเกตติ้งได้ ถ้าเราเก่งเรื่องการเงินเราก็ไปด้านการเงินได้ ถ้าเราเก่งเรื่องอะนาโตมี่กายวิภาคศาสตร์ เราก็สามารถไปเรียนต่อยอดปริญญาโทได้
เฟิน : ส่วนตัวหนูจะชอบทางด้านวิทย์ๆ เป็นอะนาโตมี่ ด้านเวชศาสตร์ หนูคิดว่าหนูค่อนข้างทำได้ดีในตรงนี้ แต่ในส่วนมาเกตติ้ง ไฟแนนตซ์หรืออะไรถึงจะทำได้ไม่ดีแต่เราก็พอโอเค พอเข้าใจอยู่ คณะนี้เรียนไม่ยากนะคะแต่ข้อสอบยากมาก (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์พิเศษจากข้างนอกมาสอน แต่หนูว่ามันค่อนข้างยากนะ
เราเข้ามาได้ก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่ใช่มาๆ เรียนจบๆ ไปแต่เราต้องพัฒนาในส่วนของความรู้ ความรับผิดชอบเราด้วย ตอนที่จะมาเรียนวิทย์กีฬาเราเจอคำถามจากคนอื่นมาเยอะมากว่า เรียนแล้ว ไปทำอะไร จบมาทำงานอะไรถ้าไปเรียนกีฬา จะเจอคำถามว่ากีฬามันทำอะไรได้ จะได้จริงเหรอ มันยั่งยืนจริงเหรอ หนูเจอฟีดแบคตรงนี้เยอะ เพราะตอนม.5 หนูย้ายไปเรียนโรงเรียนกีฬาก่อน ซึ่งจากที่เป็นเด็กเรียนนะ เด็กเรียนใส่แว่นหนาๆ แล้วมาเรียนโรงเรียนกีฬา
ฟ้า : คนอาจจะมองว่าสาขานี้ที่เพิ่งเปิดใหม่ มีแต่นักกีฬาเรียนแล้วเขาช่วยแต่ว่าสำหรับหนู หนูก็อ่านหนังสือเยอะเหมือนกันนะคะ เฟินได้ 4.00 เลยค่ะ แต่คนที่ไม่ถึงเกรด 2.00 ก็เยอะ โดนรีไทน์ก็มีเยอะ
สำหรับหนูคิดว่าการเรียนโรงเรียนกีฬาทำให้หนูมีใบเบิกทางมาเรียนมหาลัยดีๆ อ่ะ เรามาเรียนที่ดีๆ ปุ๊บ เราได้ความรู้จากอาจารย์เก่งๆ มันสุดยอดมาก แต่ก่อนก็เจอเยอะ ทางบ้าน เขามาพูดกับพ่อแม่หนูว่าแบบ ลูกจะเสียไหม หนูแบบ แม่ฟังหนูๆ ถ้าหนูจะเสียจะอะไร อยู่บ้านหนูก็เป็น หนูออกมาข้างนอก ต้องมีความรับผิดชอบหลายๆอย่าง จากส่งลูกสองคนเรียน จ่ายค่าเทอม หนูจะต้องทำให้พ่อแม่ภูมิใจ จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
เฟิน : เราจะพยายามทำในสิ่งที่ดี คนอื่นพูดไม่ดี เราก็พยายามไม่ทำในสิ่งที่เขาพูด ต้องทำตัวเองให้ดี ให้สูงขึ้น
แต่ทางบ้านก็ไม่หนักใจนะคะว่าลูกจะมาสายนี้ทั้งคู่
ตอนแรกที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยหนูติดหลายที่เลย ทั้งมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แล้วก็มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งที่บ้านบอกอยากเรียนอะไรเรียนเลย ไม่ต้องตามกัน ตอนแรกไม่ได้ติดที่เดียวกันนะคะ เพราะหนูจะสละที่ธรรมศาสตร์กับมหิดล แต่แม่บอกว่ามันมีชื่อเสียงนะ หนูเลยเรียนเลือกที่จะเรียน ซึ่งฟ้าติดรอบหลัง โชคดีมากๆ เลยได้เรียนด้วยกัน
หนูว่าเรียนคณะนี้มองได้สองอย่างนะคะ ภาพดีไปเลยกับภาพเสียไปเลย ข้อดีของคนที่เรียนวิทย์กีฬาก็คือ เขาจะมีองค์ความรู้ อย่างที่บอก ร่างสรีระวิทยา กายวิภาคศาสตร์ เขาจะรู้ด้านนี้เยอะมาก ซึ่งถ้าเขาใช้เป็น เขาจะสามารถพัฒนาทั้งตัวเอง และพัฒนาคนอื่นได้ ส่วนด้านไม่ดี อย่างที่เรียนกีฬา อาจจะต่อยอดอันอื่นได้ไม่เยอะ อาจจะเป็นข้อจำกัดของกีฬานิดนึง แต่จริงๆ แล้ว หนูไม่ได้มองว่ามีข้อจำกัดนะ กีฬานี้มันบูมมาก เปิดกว้างเลย ตอนนี้เราก็เอามาทำประโยชน์โดยการรับสอนออกกำลังกาย
• รับสอนออกกำลังกาย? แบบนี้มีคนมาจ้างให้เทรนเยอะไหม แล้วคิดค่าบริการอะไรยังไงคะ
ฟ้า : ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาผู้หญิงในมหาวิทยาลัยที่มาจ้างเทรนให้ค่ะ เพราะว่าจะมีผู้หญิงบางกลุ่มที่เขาชอบเทรนกับผู้ชาย บางกลุ่มเขาก็เขินผู้ชาย น้องๆ กลุ่มที่เราสอนก็จะเป็นแบบไม่อยากเทรนด์กับผู้ชายอยากให้ผู้หญิงด้วยกันสอน ซึ่งเราก็จะบอกตลอดนะคะว่าเราไม่ได้เก่งนะ เพราะเราจะไม่ได้เป็นวิทย์กีฬาจ๋า เราไม่ได้มีใบเซอร์ เรายังไม่ได้ไปเรียนโปรแกรมแบบเป็นเทรนเนอร์โดยเฉพาะ แต่แค่เราจะปรับจากสิ่งที่เราเรียนและเราเป็นนักกีฬาเอามามิกซ์กันแล้วก็ไปศึกษาเพิ่มเติมเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ต เอามาหลายๆ อย่าง มามิกซ์กันปรับเป็นโปรแกรมให้ลูกค้า
เฟิน : จริงๆ ต้องบอกว่าคนในมหาลัยก็ค่อนข้างที่จะรู้จักพวกหนูอยู่แล้ว แต่พอเราลงรูปโชว์ซิกแพกกันไปปุ๊บ มันก็เลยยิ่งเป็นกระแส ทุกคนจะบอกให้เราถ่ายรูปโชว์ซิกแพกหน่อยซิ อะไรทำนองนี้ค่ะ ซึ่งหนูว่ามันก็เป็นกระแสที่ดีนะคะที่จะทำให้เขาออกมาออกกำลังกายกัน
ฟ้า : ก็จะมีเด็กข้างนอกมาส่วนน้อยนะคะเพราะมันไกลมาก เคยมีจากข้างนอกมา เขาก็นั่งรถมา เราก็จะถามว่าจะเทรนต่อใช่ไหม มันไกลนะ แต่เขาก็ยอมก็มาให้เราสอน อยากมา แต่เราก็จะบอกเสมอนะคะว่า ถ้าเทรนร่วมกันกับคนอื่นจะยอมไหม เพราะบางคนเขาอยากจะเทรนตัวต่อตัว แต่ถ้าเขาได้เราก็โอเค
เฟิน : ตอนนี้ก็มีคนมาให้สอนคนละประมาณ 4-5 คน ค่ะ ซึ่งก็เยอะนะคะ เพราะตอนแรกเราจะรับประมาณแค่ 2-3 คนพอ แต่พอเข้ามาก็โอเคค่ะเรายังจัดตารางได้
ฟ้า : ส่วนค่าจ้างสอน พวกเราคิดถูกมากนะคะ คิดแบบกันเองในมหาวิทยาลัยเลยค่ะ คือจะเป็นสิ่งที่เขาจ่ายได้ เขารับได้เลยค่ะ จะไม่แพงจนเกินไป ชนิดที่แบบเขาไม่กล้าจ่าย เพราะเราเข้าใจว่าเด็กมหาลัยจะต้องใช้จ่ายเยอะ ซึ่งถ้าเป็นรายครั้งจะคิดอยู่ที่ 150-200 บาท จะใช้เวลา 1ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง แต่ถ้าเป็นคอร์สก็จะเป็น 12 ครั้ง 2,000 บาท ซึ่งถ้าเราเอามาเฉลี่ยแล้วต่อครั้งก็แค่ตกประมาณครั้งละ 100 กว่าบาท ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากแค่เราอยากจะใช้ศักยภาพของตัวเอง อยากแนะนำคนอื่นให้เขามีสุขภาพที่ดีเหมือนกับเรา จริงๆ รายได้ต่อเดือนก็ไม่เยอะหรอกค่ะ ก็แค่มีค่าขนมกิน ค่าทำฟันเอง อยากซื้อรองเท้าก็ซื้อเองได้
ตอนแรกเริ่มมาจากสอนฟรีก่อนนะคะ ช่วงแรกเราจะสอนฟรีก่อนซึ่งใครจะมาเรียน เรายินดีสอนหมด ซึ่งเราจะลองทำเองก่อน ซึ่งพอเราทำได้มาสอนคนอื่นเราก็อยากจะรู้ว่าได้อย่างที่เราเป็นไหม ก็เลยอยากลองดูค่ะ มันก็ประสบผลดีเหมือนกันนะ กระแสตอบรับดีเลยนะคะ คนในมหาลัยก็ค่อนข้างให้ความตอบรับดี
เฟิน : ก็ถือว่าไม่ต้องขอแม่ แต่ว่าแม่ก็ให้เงินเดือนมาแหละ แต่ว่าไม่ขออีกแล้ว แค่นี้พอ อยากได้อะไรซื้อเอง เพราะเราหาเงินเองได้แล้ว
• แล้วผลรับของคนที่มาเรียนกับเราเป็นยังไงบ้างคะ
ฟ้า : คนที่ฟ้าสอนจะมีคนเป็นเด็กแบบเฮี้ยวๆ หน่อย จนเขาสามารถมามีวินัยตัวเองมากขึ้น คือเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแค่สุขภาพเขาดีขึ้นนะคะแต่เขาเปลี่ยนไปทางด้านนิสัยและจิตใจด้วย เพราะเราอยากให้เขาทำให้ได้ ไม่ใช่บอกว่าทำไม่ได้แล้วก็ไม่ทำ ซึ่งเราจะบอกเสมอว่าถ้ามาแล้วมาทำแล้วเหนื่อย ซึ่งมันต้องเหนื่อยอยู่แล้ว แต่ถ้ามาแล้วขี้เกียจ ไม่อยากทำ ก็เอาเงินคืนไป แล้วก็ไม่ต้องมา เพราะว่าเขาจะเสียเงินมาแล้ว ถึงมันจะดูไม่เยอะแต่ถ้าเสียเงินเรียนแล้วก็ต้องทำให้มันเต็มที่ คือเราทำก็อยากจะให้เขาได้เต็มที่ เวลาเราเทรนเราก็จะพูด เฮฮาบ้าง ไม่ใช่ว่าจะเครียดอย่างเดียวเพราะถ้าเราสอนเครียดอย่างเดียวเขาก็ไม่อยากมา อาจจะมีช่วงดุบ้าง ดุจริงๆ เพราะหนูเสียดายถ้าเขาเสียเงินมาแล้วไม่จริงจัง มาบ้าง ไม่มาบ้าง เอาเงินมาให้เราเล่นๆ แต่หนูจะเก็บเงินก่อนเลยนะ เป็นการประกันว่าเขาจะมานะ
อย่างบางเคสที่สอนมีคนเป็นโรคหอบ คนอ่อนแอ แบบจะไม่ไหวแล้วก็มี คือน้องคนนี้เก่งมากอ่ะ สอบได้ทุนไปต่างประเทศ แต่ติดที่สุขภาพไม่ผ่าน หนูก็เสียดายเนาะ เป็นโอกาสเรา มาวันแรกปุ๊บ บวมมาเลย เดินมา เราก็อุ้ย ไหวป่ะวะ ให้ทำวันแรกจะเป็นลม จนตอนนี้มาแล้วทำได้ทุกอย่าง แล้วเป็นคนที่แบบ สุขภาพจิตดี หลายๆ อย่าง หนูภูมิใจแล้วแค่นี้
ตอนนี้ก็มีลูกค้าประจำที่เรียนกับเราอยู่เกือบปีแล้วค่ะ แต่จะมีพี่ลูกค้าประจำคนนึงที่ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษแล้วที่เราเคยสอน คนนี้จะเป็นโรคซึมเศร้าเลยค่ะ ซึ่งฟ้าจะสอนเขาตอนนี้เขาก็มีความสุขดี ก็ดีใจด้วยนะคะ ที่เขาสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่มีกล้าม เขาสุขภาพดี หายจากการป่วยได้
• มีวิธีการสอนยังไงบ้างคะ หลักๆ สอนอะไรบ้าง
ฟ้า : เราต้องดูว่าการออกกำลังกายจะเหมาะกับเขาหรือเปล่า พอจะทำได้ไหม เราต้องปรับโปรแกรม ให้เข้ากับเขาให้เหมาะสมที่สุดค่ะ ต้องดูหลายๆอย่าง ถ้าเราทำเขาตายเรานี่แบบติดคุกได้เลยนะ เราก็จะต้องถามก่อนว่าเขาก่อนว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหน แล้วเราจะหาทางอื่นซัพพอร์ท เล่นท่าอื่น จะไม่ให้เขาเสียโอกาสที่มาออกกำลังกายค่ะ
ตอนเทรนเราก็จะให้ความรู้ไปด้วย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่จะถามตลอดว่า เล่นแบบนี้ได้อะไร ได้ส่วนไหน คือคนที่เขาอยากมีกล้าม เขาจะมีคำถามในหัวเยอะมาก บางทีพวกหนูก็ต้องกลับไปคิดและถามอาจารย์เหมือนกันนะคะ เพราะหนูก็อาจจะไม่ได้รู้หมด แต่ส่วนใหญ่เราจะเอาความรู้จากที่เรียนมาสอนเลยค่ะ ได้เอามาใช้เลย ยิ่งการออกแบบโปรแกรม หลักการเทรน จิตวิทยาที่ เราจะเอามาใช้เยอะสุด
เฟิน : เราไม่ได้อยากให้เขาไปออกกำลังกายที่มันผิดๆ หรือทำอะไรที่ผิดๆ คือเราให้คำปรึกษาได้ ซึ่งถ้าถึงใครจะไม่ใช่ลูกค้าหรือมาเรียนแต่มาถามหนู หนูตอบหมดนะคะ เราจะให้ความรู้ไปหมดว่าต้องทำยังไง กินยังไง นอนยังไง ออกกำลังกายยังไง เราจะไม่ได้กั๊กนะคะ บางคนเขาก็จะถามๆ แต่เราก็ต้องตอบให้ได้นะคะ ซึ่งบางทีเขาถามมาเรายังอึ้งเลยค่ะว่านักเรียนคิดได้ยังไง (หัวเราะ)
ฟ้า : ใช่ค่ะ จะมีคนทักมาถามค่อนข้างเยอะเลย ถามเยอะมาก ก็จะมีมาถามว่ากินยังไงถึงจะมีซิกแพก แต่จริงๆ แล้วกว่าที่เราจะมีกันแบบนี้เกิดจากหลายอย่างมากนะคะ ปัจจัยมันเยอะมาก
เฟิน : เราจะดูจากโครงสร้างร่างกายของมนุษย์มวลกล้ามเนื้อจะไม่เหมือนกันแน่นอน การกิน การนอนสำคัญ รูปแบบการออกกำลังกายซึ่งถ้าเราออกแบบนี้เราได้แบบนี้ ถ้าเราเอารูปแบบเดียวกันไปให้คนอื่นทำก็อาจจะทำแล้วไม่ได้อย่างเราก็ได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยน
อย่างการออกแบบโปรแกรมอะไรต่างๆ ด้วยค่ะ วันแรกที่คนเข้ามาออกกำลังกาย หนูจะให้เขาวิ่งให้ดูก่อน ดูว่าสมรรถภาพเป็นยังไง ดูไปก่อน ค่อยๆ จัด โอเค ด้านนี้เขาไม่แข็งแรง เขาไม่ดี เราก็จะค่อยใส่ ค่อยเสริมเข้าไป เพราะการออกกำลังกาย การเล่นกีฬามันจะไม่ได้พัฒนาแค่ร่างกาย แต่มันจะพัฒนาถึงจิตใจของเขาด้วย ซึ่งเราจะพยายามเอาผสมผสานกัน
จิตวิทยาจะสำคัญที่สุดเลยนะคะ สำคัญมากๆ คือจิตวิทยาจะสอนเกี่ยวกับว่าเราจะทำยังไงที่จะพูดให้เขามีแรงจูงใจที่จะออกกำลังกายตลอด พูดเป็นแรงเสริมยังไงที่ทำให้เขามีค่า ประมาณนี้ค่ะ เขาจะสอนให้เรารู้จักจุดมุ่งหมายสูงสุด ตั้งเป้าหมาย มีการกระตุ้นสิ่งเร้าให้เขาตลอดเพื่อให้เขาพัฒนากำลังใจให้ตัวเอง ให้เขาฮึกเหิม อยากทำ ไม่ใช่แค่เห็นว่าคนอื่นเป็นแล้วเราอยากเป็นตาม มันไม่ใช่ มันจะเป็นการพัฒนาในระยะยาวให้เขาด้วย ไม่ใช้เฉพาะกีฬาคืออันอื่นด้วย กว่าหนูจะเข้าใจต้องดูหลายๆ อย่าง กว่าหนูจะเข้าใจว่าออกแบบโปรแกรมยังไง กว่าจะเข้าใจว่าต้องพูดเขาเข้าใจยังไง เราต้องค่อยๆ ปรับ ตอนแรกก็ยากตอนนี้ก็โอเคแล้วค่ะ
• เรียนไปด้วย สอนออกกำลังกายไปด้วย แบบนี้ตารางของเราใน 1 วันเป็นยังไงบ้าง แบ่งเวลายังไงบ้างคะ
ฟ้า : การแบ่งเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างหนูสองคนรับสอนออกกำลังกายด้วย พวกหนูก็จะ 6 โมงเช้าปุ๊บ 6 โมงครึ่งไปฟิตเนส 7 โมงก็สอน สอนถึงประมาณ 8.30 น. ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรียนต่อ 9โมง ถึง 16.30 น. หลังจากนั้นเราก็จะต้องซ้อมกีฬาของตัวเองต่อ พอประมาณ 6โมงเย็นถึงทุ่มนึงก็จะสอนต่อ ก็จะกลับหอกันก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม
ตารางจะเป็นอย่างนี้ทุกวันเลยตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมาปลายปีที่แล้ว หนูจะทำแบบนี้กันแทบทุกวันเลย ซึ่งเวลาหายใจของเราจะมีแค่วันเสาร์ อาทิตย์ เราจะไม่รับอะไรทั้งสิ้น จะขอพักอย่างเดียว
หนูจะแบ่งเวลาเรียนและเวลาสอนไม่ให้ทับกัน ซึ่งถ้าตรงกับเวลาเรียนของพวกหนู พวกหนูจะแคนเซิล ไม่เอามาคาบเกี่ยวกัน จะต้องแบ่งเลาดีๆ เลยค่ะ ทั้งของลูกค้าและของตัวเองด้วย
เฟิน : เราต้องจัดหมดเลยค่ะซึ่งหนูจะเครียดมาก ต้องทำมันออกมาแบบเป๊ะๆ เลยค่ะ ตอนแรกจะเลิกทำไปเลยนะคะเพราะว่าตารางเรียนค่อนข้างหนัก ยิ่งปี 3 ยิ่งหนักมากเพราะจะเริ่มมีวิจัยอะไรเข้ามาด้วย เวลานอนเราจะไม่ค่อยมีเลย นอนน้อยมาก เราก็จะต้องจัดตารางให้ดีๆ เลยค่ะ
ส่วนใหญ่นักเรียนที่มาเรียนด้วย เราจะค่อนข้างที่จะฟิกต์เรื่องเวลามากๆ เพราะว่าเรามีหน้าที่หลายอย่างที่ต้องทำ คือนัด 7 โมงเช้าคุณจะต้อง 7 โมงนะ เคยหนีกลับนะคะ เพราะว่าเขาเลทไปเกือบจะชั่วโมง จนตอนนี้นักเรียนคนนี้เขามีวินัยมากๆ มาก่อนเวลาอีกนะคะ เราก็มีดุบ้าง จนน้องที่มาเรียนก็กลัวๆ บ้าง (หัวเราะ)
ฟ้า : ตอนแรกที่พวกหนูจะมาสอน เราไม่กลัวเหนื่อยนะคะ ไม่กลัวเหนื่อยเลย เอาให้มันสุด เดี๋ยวกลับไปที่ห้องนอน ตื่นมาก็หายแล้ว เช้ามาก็วันใหม่ หนูจะคิดแบบนี้เพราะถ้าเหนื่อยเมื่อไหร่ก็นั่งพักก่อน เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
• จะว่าไปแล้วการออกกำลังกายนอกจากทำให้เรามีรายได้แล้ว เรื่องสุขภาพล่ะคะ เราได้อะไรบ้าง
ฟ้า : เมื่อก่อนหนูตัวเล็ก ผอมแบบขาเดฟเลยนะคะ แล้วเริ่มมาซ้อม ตอนเด็กๆ ปู่จะพาวิ่ง หนูก็จะไปวิ่งกับปู่ จากเมื่อก่อนปู่วิ่งชนะ แล้วหนูก็มาวิ่งชนะปู่ แล้วสักพักเราก็เริ่มชอบ
เฟิน : ส่วนตัวหนูไม่ใช่ไม่เคยอ้วนมาก่อนนะคะ มีปีหนึ่งกินเยอะ แล้วบวมมากๆ แต่หนูเลือกที่จะหันมาออกกำลังกาย หนูจะเล่นลีนเยอะ เล่นคาดิโอเยอะ แล้วก็มาเล่นเวทเสริมให้กล้ามเนื้อกระชับ
การออกกำลังกายมันไม่ได้แค่พัฒนาเพียงร่างกาย มันยังพัฒนาจิตใจคนด้วย มันมีอยู่ในเพลงกราวกีฬาเนาะ จริงๆนะ คือประโยชน์ของมันมีเยอะ แต่จะมองแค่ส่วนที่ว่านอกจากพัฒนาร่างกายแล้ว พัฒนาจิตใจด้วย เป็นพ้อยทำคัญ ตอนนี้เพื่อนเยอะมาก ได้มิตรภาพเยอะมากด้วยค่ะ
ฟ้า : ฟ้าอยากให้เขากลับมามองข้อดี สิ่งที่ถูกและมันจำเป็น เพราะร่างกายเรา มันต้องใช้ทุกวัน การออกกำลังกายมันพัฒนาทั้งด้านร่างกายของเรา จิตใจของเรา มันสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนรอบข้างได้เยอะขึ้น ทำให้เราได้เจอคนเยอะๆ เลยนะ
ส่วนตัวฟ้าเคยคิดเหมือนกันนะคะว่าไม่อยากออกกำลังกาย แบบทั้งวันไม่ทำอะไรเลย อยากจะนอนอย่างเดียว สักพักเราจะรู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ซึ่งเราจะต้องลุกแล้ว หนูว่าหนูไม่ได้เล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนมันยังไม่เท่ากับที่เราไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะคะ มันเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ มันไม่ได้เสพติดนะคะ
เฟิน : ใช่ค่ะมันไม่ใช่การเสพติดกีฬา ต้องบอกก่อนแต่ว่ามันเหมือนเป็นสิ่งที่เราต้องทำเป็นกิจวัตรไปแล้ว เราต้องทำนะ อย่างวันนี้อาจจะไปวิ่งตอนเย็น ถึงจะไม่ได้เข้าฟิตเนสเราก็ต้องไปวิ่งบ้าง ให้มันมีเหงื่อออก อาจจะมีเล่นกล้ามท้องบ้าง ซึ่งกล้ามท้องเราจะเล่นกันทุกวัน เฟิร์นจะเล่นกล้ามท้องบนเตียงทุกวันเลย เพราะว่าบางวันเราเรียนหนักไม่ได้ไปฟิตเนสเราก็ต้องทำอยู่ที่ห้องเอง
• พูดถึงเรื่องซิกแพ็กหน่อยค่ะ ดูเหมือนมันสร้างยากเหมือนกันนะสำหรับผู้หญิง แบบนี้มีคำแนะนำไหมคะ
ฟ้า : สำหรับหนูมันยากนะ ด้วยฮอร์โมน ออร์โมนเอสโตรเจนผู้หญิงอ่ะ มันไปยับยั้ง ทำให้เราไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้
เฟิน : แล้วก็เรื่องมวลกล้ามเนื้อ ของผู้หญิงก็ ถ้าคนที่ผอมๆบางคนก็ไม่มี คนที่ผอมบางคนก็มี บางคนผอมนะ เขาไม่ได้เล่นนะ แต่ว่าจะมี โครงสร้างกล้ามเนื้อเขาดีด้วย มันเลยเห็น มันหลายอย่าง อย่างพวกหนูสร้างยากไหม หนูว่าหนูไม่ยากนะ สำหรับตัวหนูไม่ยาก คนอื่นขึ้นยากมากเลย แค่ขึ้นเป็นร่องน้องก็ดีใจแล้ว แต่คนอยากขึ้นแบบนี้ แบบนี้มันก็อยากอยู่นะ ส่วนใหญ่เขามา แค่ขึ้นร่องก็ดีใจแล้ว
เฟินจะค่อนข้างเน้นลีน จะเน้นไปคาดิโอเพื่อพัฒนาระบบหัวใจของตัวเองแล้วก็จะทำในส่วนของบอดี้เวท จะเล่นเยอะมาก ส่วนเวทเทรนนิ่งเลยเราจะเก็บตกนิดหน่อย
ฟ้า : เราจะไม่ได้เล่นแบบบัค พวกแบบเน้นกล้ามใหญ่ๆ เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราจะเวทเทรนนิ่งสัปดาห์ละ 1 ครั้งได้ ที่เหลือก็จะเน้นคาร์ดิโอกับบอดี้เวทเพื่อพัฒนาให้มวลกล้ามเนื้อดี
ส่วนวันพักเราก็มีพักเหมือนกันนะคะ คือบางทีเราไปสอนเราก็จะเล่นกับนักเรียนบ้าง แต่บางวันเราก็จะหยุด แต่นักเรียนเราก็จะมีตารางให้เขาพักอยู่แล้ว ไม่ได้เล่นทุกวันเพราะร่างกายคนเราจะต้องมีการพักบ้างเพราะไม่ฉะนั้นเราจะโทรม
• แต่ก็มีบางส่วนมองว่าสาวๆ มีกล้ามน่ากลัวนะ
ฟ้า : หนูว่าเป็นทัศนคติของคนนะ คนเรามีทัศนคติไม่เหมือนกัน บางคนว่าชอบ บางคนไม่เอา น่ากลัว จะเอาผอมดีกว่า มันแล้วแต่คนชอบอ่ะ
เฟิน : ถ้าเขาไม่ชอบเราก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นมุมมองของเขา เราก็ไปมองที่คนบอกชอบดีกว่า เราไม่คิดมากตรงนี้ มีคนคอมเม้นท์มามีทั้งดีไม่ดี แต่อย่างว่าเราโตแล้ว เราต้องเลือกมองในสิ่งที่ดีมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี
ฟ้า : แต่ยอมรับว่าก็มีคนชื่นชมเยอะ ลงรูปแล้วมันมีงานวิทย์จิตสัมพันธ์ที่พวกหนูจัด คนก็มา อยากเจอพวกหนู อย่างเฟินมีเพื่อนที่อินเดีย รุ่นน้องไปเรียนแลกเปลี่ยน เขามีเพื่อนอินเดีย คนอินเดียเขาทักมาถามว่ารู้จักพวกหนูไหม แล้วก็มีลาว พม่า แถบเพื่อนบ้านรู้จักเราหมดเลย (ยิ้ม) ซึ่งมันก็ดีนะคะ แต่ไม่อยากให้มองว่าเราดัง เพราะเราไม่ได้หวังตรงนี้เลย เราแค่อยากทำให้คนรู้สึกอยากออกกำลังกายแค่นั้นพอแล้ว อันนี้คือจุดประสงค์ของเราเลยค่ะ
• แล้วสำหรับมือใหม่ ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นอย่างไร มีเคล็ดลับทำให้หุ่นสวยยังไงบ้าง ทั้งการกินและการออกกำลังกายต่างๆ
ฟ้า : อันดับแรก กิน นอน รูปแบบการออกกำลังกาย ต้องจัดให้ถูกค่ะ
เฟิน : ถ้าออกกำลังกายแล้ว หนูเป็นคนที่นอนดึก ด้วยข้อจำกัดด้านการเรียน หนูไปออกกำลังกายมาตอนเย็น แล้วหนูก็ไม่นอน ตื่นมาจะโทรม มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยนะ ถึงเราจะแข็งแรงก็จริง แต่ต่อไป ถ้าเราแก่ตัวไป เราทำไม่ได้แบบนี้หรอก ต้องบอกเขาว่า นอนสำคัญมากๆ
ฟ้า : เต็มที่คือ ไม่ควรเกินเที่ยงคืน แต่เด็กมหาลัยอ่านหนังสือกัน ถ้าช่วงอ่านหนังสือ หนูจะหยุดให้เขาเลย ให้เขาอ่านหนังสือให้เต็มที่ ถ้าเขามาออกกำลังกายปุ๊บ หนูรู้เลยถ้าวันไหนน้องมา ไม่ไหว เหนื่อยเร็ว หนูจะบอกให้เขาพอเลย ไปนอน กลับไป แล้วไปนอนให้เร็ว
อย่างเรื่องกิน เด็กมหาลัยนี่กินบุฟเฟ่ต์อ่ะ บุฟเฟ่ต์ทุกวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ ถามคนนี้ ตอนปีหนึ่งเขากินเค้กทุกวัน วันละ 2 ก้อนอ่ะ เขาก็บวม หนูบอกไปลดความอ้วนด่วน วิ่งไม่ได้ แข่งไม่ได้
เฟิน : ปัจจัยเรื่องการกินก็สำคัญ คือหนูก็ไม่ได้คุมการกินนะ แต่แค่เลือกกิน เลือกให้เป็น ข้าวประจำของหนูนะ ผัดผัก ไม่ใส่เนื้อสัตว์ ไข่ดาว เจ้าของร้านแบบ กินเหมือนเดิมนะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าอันนี้มันเป็นเมนูที่ดี แต่เราแค่ชอบ
เฟินจะไม่ค่อยดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลมหนูแทบจะไม่แตะ หนูไม่กินเลย นานๆที แบบเหนื่อยมากๆ ต้องการกลูโคส ถึงจะกินแก้กระหาย แล้วก็พวกขนมหวาน กรุบกรอบ ขนมในร้านสะดวกซื้อก็มีบ้างเล็กน้อย แต่เป็นไปได้จะไม่ค่อยกิน จะเน้นไปที่อาหารหลัก ผัก ผลไม้มากกว่า แต่ก็มีจุดที่เราไม่เลือกอะไรเหมือนกันนะคะ แต่กินแล้วก่อนนอนหนูทำกล้ามท้องก่อนอยู่ดี (หัวเราะ)
ฟ้า : ส่วนตัวฟ้าจะไม่ค่อยกินของทอด ลูกชิ้นทอด หมูทอด หมูกรอบ ตั้งแต่หนูออกกำลังกายมา หมูกรอบ หนูไม่เคยคิดในหัว เมื่อก่อนก็ชอบมาก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยคิด ลูกชิ้นก็จะเป็นแบบนึ่งมากกว่า ฟ้าจะเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ 3 มื้อ เช้า กลางวัน เย็นนะ ไม่ใช่แบบ อด ไม่กินเย็น ไม่กินเช้า ข้าวเช้าสำคัญ ข้าวกล้องจะดีสำหรับคนออกกำลังกาย
อย่างเวลาเข้าร้านสะดวกซื้อเราจะดูแคลอรี่ก่อนเลย เมื่อก่อนหยิบๆ ไม่สน เดี๋ยวนี้ต้องคิด เมื่อก่อนเราคิดแค่ว่า เราออกกำลังกาย ไม่อ้วน จริงๆ แล้วมันส่งผลนะ
เฟิน : จริงๆ การอยากมีสุขภาพดีทำได้ไม่อยากเลยนะคะ แค่อยากให้ลองหาแรงจูงใจ สุขภาพดีหมายถึงอะไร ต้องแตกออกมาอีก อะไรที่เป็นแรงจูงใจ แน่นอนว่าทุกคนมีเป้าหมายมา เป้าหมายทุกคนจะต่างกันไป บางคนอาจจะจริงจัง บางคนอาจจะไม่จริงจัง
อย่างแรงจูงใจของเฟินคือจะชอบเปิดอินสตาแกรมดูกล้ามท้องสวยๆ (หัวเราะ) เขาทำได้ เราก็ต้องทำได้บ้างดิ ไหนลองซักตั้ง จัดเลย ก็มานะคะ เพราะเฟิร์นกล้ามเนื้อดีอยู่แล้ว แล้วมันเห็นอยู่แล้ว เราแค่มาเล่นเสริมอีกนิด ใช้เวลาเดือนกว่าๆ
ฟ้า : ต้องตั้งเป้าหมายก่อนค่ะ ว่าเราอยากได้แบบไหน อาจจะไม่ต้องมีกล้าม แต่สุขภาพดีอะไรอย่างนี้ ถ้ายังไม่มีความรู้เท่าไร ก็อาจไปหาความรู้ที่อินเตอร์เน็ต แล้วก็ไปดูว่าต้องทำยังไง ทำอย่างไรให้ถูกต้อง แล้วต้องเป็นเว็บที่น่าเชื่อถือด้วย แล้วก็เวลาเราไม่รู้อะไร หันหน้าถามผู้มีความรู้ จะดีกว่าที่เราคิดเอง ตัดสินใจเอง ที่เราไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ผิด
ของฟ้าใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์กล้ามท้องก็มา แต่เราต้องควบคุมการกินด้วยนะ มันต้องควบคู่กันไป ปกติหนูเที่ยวเก่งเหมือนกันนะ แต่ว่ามันต้องมีช่วง เราต้องแบบ ถ้าไปกินวันไหน ตอนเช้าต้องไปวิ่งๆ ออกกำลังกายนิดนึง ไม่ได้ห้ามให้กิน มันยืดหยุ่น นิดนึง แต่ออกต้องปกตินะ เป็นลูทีน ต้องมีลิมิต เพราะมันส่งผลต่อสุขภาพเราระยะยาว ให้เราสุขภาพดีต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเราทำประจำมันจะอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา
เฟิน : มันจะมีกฎ 21 วัน กฏ10,000 ชั่วโมง ซึ่งเขาจะบอกว่าถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราจะทำ เราจะต้องใช้เวลากับมัน 10,000 ชั่วโมง เป็น 10 ปีเหมือนกันนะคะ ก็เหมือนกับกฏ 21 วัน ที่เขาบอกว่าเราต้องทำซ้ำๆ 21 วัน ถ้าเราทำได้ 21 วันโดยที่ไม่ขาดเลย มันจะกลายเป็นกิจวัตรของเราไปเลย
• ในฐานะที่รับสอนออกกำลังกาย มีการออกกำลังกายแบบผิดๆ ที่ไม่ควรทำเด็ดขาด มีอะไรบ้างคะ
ฟ้า : หนึ่งเลยคือ ไม่กินข้าวแล้วมาออกกำลังกายหนักๆ กินแค่ไข่ต้ม คิดแค่ผัก ซึ่งเราก็รู้ว่าแต่ละคนก็มีวิธีของเขา แต่มามองในหลักความเป็นจริง บางคนไม่กินข้าว กินแต่สลัดผัก หนูไม่ได้ว่าเขากินแต่ผักนะคะ แต่ชีวิตจริงมันต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถ้ามันไม่ครบ โอเค มันอาจจะลดจริง แต่ว่ามันทำให้เราอดไป พอเราไปถึงจุดสุด พอเรากลับไปกินปุ๊บ มันจะโยโย่ ไม่มีการพักผ่อนที่ดี บางคนมาวิ่งๆ หนักๆ แล้วแบบไม่กินอะไรเลย น้ำหนักลด มันไม่ใช่สิ่งที่ดีนะ มันจะเป็นผลที่ยั่งยืนกับเราหรือเปล่า
เฟิน : บางคนชอบคิดว่าวิ่งวันเดียวลดเลย แล้วก็จะมาวิ่งหนักๆ ออกหนักๆ ซึ่งการที่วันเดียวออกกำลังกายหนักๆ ไม่กินอะไร ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลยนะ
ฟ้า : เรื่องยาลดความอ้วนก็สำคัญ หนูจะบอกว่าเพื่อนหนูก็ใช้เยอะนะ คณะหนู หนูพูดไม่ได้ แต่หนูจะพูดกับเฟิร์นว่า มันดีจริงเหรอ ในระยะยาวจะเป็นยังไง ถ้าไม่ใช้แล้วมันจะเป็นยังไง หนูคิดนะ คำถามหนูจะมา เขากินไป แล้วเขาหยุด มันจะเหมือนเดิม ยิ่งกว่าเดิม แล้วพวกโยโย่มาเทรนกับหนู หนูจะบอกว่า ทำไมไม่ลองถามคนที่มีความรู้จริงๆ
เฟิน : อาจจะดูเหมือนว่าเป็นเงินแค่เงินไม่กี่บาท ซึ่งเงินไม่กี่บาทตรงนั้นเอาไปซื้อครอสลดยังจะดีกว่าซื้อยาลดความอ้วนมากิน ถ้ามีคนซื้อมาให้กิน หนูไม่เอาเลยนะ ขอไปวิ่งให้เหนื่อยๆ ยังจะดีกว่า
อีกอย่างนึงคือพวกเล่นเวท เล่นเวทมันอันตรายมากเลยนะ บางคนผอมมากๆ แล้วมายกหนักๆ อย่างเครื่องเล่นแมชชีนไม่เท่าไหร่ค่ะเพราะมีเครื่องรองรับอยู่ แต่ถ้าฟรีเวท อันตรายมากนะคะ บาร์เบลมันหนักนะ แบบนี้ต้องมีคนเซฟ ถ้าเล่นผิดอาจจะบาดเจ็บได้ แต่เราก็ไม่ได้ห้ามคนออกกำลังกายว่าทำอย่างนี้ไม่ถูกนะ เดี๋ยวนี้เปิดอินเทอร์เน็ตดูแล้วทำตามก็ได้นะ เขาก็จะเรียนรู้ไปเองว่าอันนี้โอเค อันนี้ไม่โอเค
ฟ้า : ใช่ค่ะ ถ้ามันทับ ทับหัว ทับเท้าเลยนะ แค่ท่าบางคนสควอชทำผิด เราก็อยากเข้าไปบอก มันทำให้เจ็บเข่าได้ ก็คือมีอยู่ที่เราเห็นก็เยอะ แต่เราพูดไม่ได้ เขาอย่างออกกำลังกายย เขาก็มองเรานะ แต่ก็ไม่กล้าบอก แต่บางคนเดินเข้ามาถาม เราก็จะตอบเลย
• อนาคตอยากเอาสิ่งที่เรียนไปต่อยอดอะไรอีกบ้าง มีเป้าหมายความฝันอย่างไร
ฟ้า : เป้าหมายของฟ้าคือจบปริญญาตรีแล้วอยากเรียนต่อปริญญาโท ก็อยากทำงานก่อน ปีหรือสองปี อยากทำงานจ่ายค่าเทอมเอง ไม่อยากให้พ่อแม่มาจ่ายให้เราแล้ว
เฟิน : ส่วนเฟินอยากเข้าไปทำงานองค์กรที่ดีๆ หน่อย เพื่อไปพัฒนาองค์ความรู้ของเราให้มันดีขึ้น ถ้าอยากทำอะไรต่อไปค่อยว่ากันไป เทรนเนอร์ก็อยากทำอยู่นะ ก็เคยมี อาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยมหิดลเขาบอกจะไปทำฟิตเนสที่จังหวัดพิษณุโลก เขาอยากให้พวกหนูไปเป็นผู้จัดการฟิตเนส ซึ่งเราก็ยังไม่พร้อม เพราะต้องเรียนไปด้วย ไกลด้วย เลยต้องเว้นไว้ก่อน
ตอนนี้ใจก็คิดอยากทำโครงการให้ผู้สูงอายุนะคะ คือมีอาจารย์ที่ม.เราเขาก็ทำโครงการเกี่ยวกับอันนี้เหมือนกัน หนูเลยคิดว่าเราพัฒนาแต่เด็ก แต่วัยรุ่นเหรอ แต่ทำไมเราไม่มองถึงอนาคตว่า มันจะมีสักวันที่เราต้องสูงอายุขึ้น เราต้องแก่ จะทำยังไงล่ะ เพราะส่วนใหญ่ผู้สูงอายุเขาจะนั่งๆ เดินๆ เขาไม่ได้ออกกำลังกายอย่างนี้ เราจะไปพัฒนาเขายังไง อันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งพ่อแม่เราล่ะ ในชุมชนรอบข้างเราล่ะ คนแก่เยอะมาก อนาคตถ้าเป็นไปได้ก็อยากพัฒนาตรงนี้
ฟ้า : ใช่ค่ะ คือถ้าเราไปทำให้มันจะเป็น CSR แบบไม่หวังผลกำไร นะ ซึ่งตรงนี้พวกหนูก็บอกอาจารย์ท่านนั้นแล้วว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย เราจะไปช่วยเลยค่ะ (ยิ้ม) ซึ่งอนาคตหนูคิดว่าถ้าหนูไปเรียนต่อใบเซอร์ คงจะทำด้านนี้แบบเต็มตัวค่ะ
เฟิน : สิ่งที่หนูเรียนอาจไม่ใช่เทรนเนอร์จ๋า สายอาชีพมันอาจจะไม่ตรงกัน ถ้าถามว่าจะรับเทรนไหม ต้องดูส่วนงานในอนาคตด้วยว่า เราพอจะมีเวลาว่างปลีกมาสอนไหม ถ้าทำได้ก็อยากทำนะ เพราะหนูก็ยังชอบอยู่
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, แพรวา คงฟัก
ภาพ : ศิวกร เสนสอน
สถานที่ : PRA -AR -TIT Fit 24 Hrs. (พระอาทิตย์ฟิต 24 ชั่วโมง) ถนนพระอาทิตย์