ฟังเรื่องราวประสบการณ์ตรงการออกกำลังกายจากปีใหม่-สุมนรัตน์ ที่เดิมทีนั้นเธอลดน้ำหนักโดยการกินแป้งน้อย เน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นส่วนใหญ่ โดยที่หนึ่งสัปดาห์ออกกำลังกายถึง 6 วัน และเมื่อเทียบกับปัจจุบันที่หันมาออกกำลังกายน้อยลงเหลือเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ เน้นรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ทั้งนี้สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อหวังว่าตัวเธอเองจะหาทางออกในการลดความอ้วน โดยการที่จะหยุดภาวะเดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอมเพื่อให้มีหุ่นที่ดี และกินได้โดยที่ไม่เกิดอาการโยโย่ เอฟเฟ็กต์ตามมา
“รูปซ้าย คือ 2 ปี ที่ปีใหม่ กินแป้งน้อยมาก กินโปรตีนพอประมาณ แล้วเน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เยอะมาก (เน้นเสียง) จะวิ่งเช้าและเย็น กระโดดเชือกโดยใส่ชุดอวกาศ เพื่อขับเหงื่อ เล่นหน้าท้องอย่างเดียวทุกวัน วันละ 800 ครั้ง ส่วนการกินก็จะอดของหวาน งดของทอด มียกเวทบ้างเล็กน้อย ออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งผลที่ได้ ก็คือ แขนเล็ก ขาเล็ก หน้าตอบ ท้องบวมๆ บานๆ แขม่วยังไงก็ไม่ลง เนื้อเหลว หลุดกินไปไม่กี่มื้อ ก็เกิดอาการฉุ บวม ลดไม่ลง แถมมาด้วยระบบการเผาผลาญพัง และอาการภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคผิวหนังตามตัว จากการที่ใช้ร่างกายมากเกินไป กว่าอาหารที่ได้รับ (overtraining)
ส่วนรูปขวา ปีใหม่เปลี่ยนวิธีการ โดยมาเล่นทางสาย การยกเวท (สายเพาะกาย) ปีใหม่โดนบังคับให้กินข้าว กินคาร์โบไฮเดรตเยอะมาก ใน 1 วัน กินเกือบ 1 กิโลกรัม บวกกับกินไก่ ไข่ ปลา เยอะมากๆ เช่นกัน กินอาหารครบ 5 หมู่ เริ่มจากการสร้างกล้ามเนื้อก่อน ปีใหม่โดนจับเล่นเวทหนักมาก เล่นหน้าท้องแค่ 3 ท่าต่อวัน บวกคาร์ดิโอหลังเวท ใน 1 สัปดาห์ ออกกำลังกายเพียงแค่ 3 วัน เท่านั้น
นอกจากนั้นจะเน้นเรื่องการพักผ่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีโอกาสเติบโต หลังจาก 2 เดือน ที่สร้างกล้ามเนื้อ แล้วก็มาต่อ 2 เดือนในการไดเอท โดยการคุมอาหาร +คาร์ดิโอ คือการเดินชัน และเล่นเวท สัปดาห์ละ 4 วัน
ผลที่ได้รับ ก็คือ กล้ามเนื้อเยอะมากขึ้นทั่วทั้งตัว กล้ามเนื้อท้องที่อยากได้ชัดๆ แบบตื่นมาก็มีเลย ไม่ต้องรอถ่ายรูปหลังเล่น ไม่ต้องเกร็ง และแขม่ว ส่วนไขมันในตัวลดลงไปแบบที่ไม่เคยคิดว่า จะผอมได้แบบนี้อีก ตัวแน่น เนื้อไม่เหลว หน้าเด็กขึ้น และที่สำคัญ หลังจากไดเอท เสร็จก็สามารถกินอาหารได้ตามปกติโดยกินแป้งและโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษากล้ามเนื้อ แถมยังหลุด กินของหวาน ของทอด ได้บ้างตามอัธยาศัย โดยที่จะไม่มีอาการโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาด้วยค่ะ ซึ่งนี่เป็นบทเรียนราคาแพง ทำให้ปีใหม่ได้รู้ว่าการเลือกเทรนเนอร์นั้นสำคัญมาก เพราะเขาจะเป็นคนที่เราจะเชื่อและทำตามทุกอย่าง โดยเอาร่างกายของเรามาเสี่ยง อย่าเลือกเทรนเนอร์ที่มีแต่ใบเซอร์อย่างเดียว เราควรเลือกเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์ ในการทำร่างกายของตัวเองมาและทำสำเร็จมาแล้ว หรือการที่เขามีผลงานพิสูจน์ได้จากลูกศิษย์คนก่อนๆ ควรเลือกคนที่เขาสามารถสอนและให้ความรู้ในสิ่งที่เราต้องทำได้ อย่าเอาคนที่ดีแต่พูด มาดดี เพราะมันจะทำให้คุณเสียเวลา เสียใจ เสียเงิน (เยอะมาก) แถมร่างกายพังๆ มาด้วยอีกค่ะ”
ตลอดระยะเวลา 4 เดือน 7 วัน ที่ปีใหม่ทำภารกิจการสร้างกล้ามเนื้อและการไดเอทมาผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้เธอพอใจมากเพราะน้ำหนักหายไปเกือบ 10 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอมีสัดส่วนที่ดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น แถมผิวพรรณก็ดีขึ้นด้วย ซึ่งเป้าหมายในต่อไปของเธอนั้นก็คือการสร้างกล้ามเนื้อตลอดทั่วทั้งตัว เพื่อเพิ่มส่วนโค้งเว้าอื่นๆ
หลังจากไดเอทเสร็จ
“ใหม่มาอยู่ในระยะ เมนเทนค่ะ ตอนนี้ก็กลับมากินได้แล้ว (ที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ) ตอนนี้ใหม่กินดีบ้าง กินจุกจิกเยอะ เพราะโหยหามาก แต่ก็ยังฝึกเวทต่อไป และยังคงการคาร์ดิโอไว้ด้วยค่ะ
ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้วค่ะกับการสร้างกล้ามเนื้อและการไดเอท โดยครูพี่มิคกี้ @mickywoo_fitnessgirls (เทรนเนอร์) ซึ่งปีใหม่ใช้เวลาทั้งหมด 4 เดือน 7 วัน
รูปซ้ายคือผลของการกิน เพื่อซ่อมแซมระบบเผาผลาญ และสร้างกล้ามเนื้อ น้ำหนักของใหม่ได้พุ่งขึ้นไปถึง 56.5 กิโลกรัม เป็นช่วงที่กินเยอะ แต่ทรมานในด้านจิตใจ เพราะไม่ได้อ้วนแบบนี้นานแล้ว (บางคนไม่ได้อ้วนขึ้นมากเหมือนใหม่นะคะ แต่เพราะระบบเผาผลาญใหม่พัง มันเลยกระฉูด)
ส่วนรูปขวา คือรูปวันนี้ ที่ครบกำหนดวันไดเอท น้ำหนักเหลือ 47.1 กิโลกรัม ซึ่งตัวใหม่เองไม่ได้ น้ำหนัก เท่านี้ มาตั้งแต่อายุ 16 ปี แล้วค่ะ (แต่ตอนนั้นไม่ได้มีกล้ามเนื้อแบบนี้นะคะ) กล้ามเนื้อที่ได้มา ก็ยังมีน้อยเหลือเกิน เพราะเวลาจำกัดที่สั้น และต้นทุนที่มีมาน้อยมากด้วย แต่เดี๋ยวเราก็จะสร้างมันต่อไปค่ะ
เป้าหมายต่อไปคือการสร้างก้น เพื่อเพิ่มส่วนโค้งเว้า ให้กับหุ่นตัวเอง และสร้างกล้ามเนื้อตลอดทั่วทั้งตัว เพราะคนที่รักการกินมากๆ แบบใหม่ ให้หยุดกิน ให้เปลี่ยนเป็นคนกินแต่ของดีๆ ไปตลอดชีวิตคงไม่ไหว เลยต้องมาหาทางออกโดยการ สร้างเตาเผาให้มากขึ้น แบบนี้ยังพอไหวค่ะ แต่ให้เลิกกินขนมไปเลย ทำใจไม่ได้จริงๆ
หลังจากครบ 7 วัน หลังจากที่ไดเอทเสร็จแล้ว
“เมื่อลดไขมันจนเป็นที่พอใจแล้วก็ต้องกลับมากินแบบปกติ คือตามที่ร่างกายต้องการ นั่นคือการกินให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งคาร์โบไฮเดรต ก็เป็นส่วนสำคัญมากๆสำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ตอนนี้มีบางวันกินเกินบ้าง หลุดบ้าง น้ำหนักวันนั้นตอนที่ไดเอทเสร็จ คือ 47.1 กิโลกรัม น้ำหนักวันนี้ คือ 50.7 กิโลกรัม ตกใจไหมคะ ใหม่เองก็ตกใจ แต่แน่นอนค่ะ เมื่อกล้ามเนื้อได้รับอาหาร กล้ามเนื้อย่อมโตขึ้น น้ำหนักก็จะมากขึ้น เมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะ น้ำหนักก็จะมากขึ้น แล้วสัดส่วนล่ะ ใหญ่ขึ้นแน่นอนค่ะ แต่ใหญ่เพราะมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน คนที่ดำเนินชีวิตปกติ ไม่สามารถ จะมีหุ่นเหมือนตอนไดเอทได้ตลอดไป เพราะหุ่นแบบนั้น เขาเอาไว้ใช้เมื่อจะแข่งขันเท่านั้นค่ะ เพราะถ้ากินน้อยนานๆ ก็จะทำให้ระบบเผาผลาญที่เราอุตส่าห์กู้คืนมา พังทลายไปอีกด้วยค่ะ ดังนั้นฝึกเวท ห้ามโฟกัส ที่น้ำหนักนะคะ”
ท้ายนี้ปีใหม่ฝากทิ้งท้ายสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักและมีรูปร่างที่ดีไว้ว่า
“ใหม่จะบอกว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่ง่ายเลยค่ะ มีรายละเอียดต่างๆ มากมายในการทำร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใหม่ก็เชื่อว่า มันก็ไม่ได้ยากเกินไป สำหรับผู้หญิงเราที่มีความตั้งใจจริงๆ เพราะหากเราต้องการอะไรสักอย่างมากๆ แล้ว มันก็คุ้ม ที่เราจะเสียสละ บางอย่างเพื่อให้ได้มันมา สู้ๆ นะคะ เพราะถ้าตั้งใจก็ไม่มีอะไรเกินเอื้อม”
ขอบคุณภาพจาก : อินสตาแกรม @peemai28
ทั้งนี้สิ่งที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อหวังว่าตัวเธอเองจะหาทางออกในการลดความอ้วน โดยการที่จะหยุดภาวะเดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอมเพื่อให้มีหุ่นที่ดี และกินได้โดยที่ไม่เกิดอาการโยโย่ เอฟเฟ็กต์ตามมา
“รูปซ้าย คือ 2 ปี ที่ปีใหม่ กินแป้งน้อยมาก กินโปรตีนพอประมาณ แล้วเน้นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เยอะมาก (เน้นเสียง) จะวิ่งเช้าและเย็น กระโดดเชือกโดยใส่ชุดอวกาศ เพื่อขับเหงื่อ เล่นหน้าท้องอย่างเดียวทุกวัน วันละ 800 ครั้ง ส่วนการกินก็จะอดของหวาน งดของทอด มียกเวทบ้างเล็กน้อย ออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 6 วัน ซึ่งผลที่ได้ ก็คือ แขนเล็ก ขาเล็ก หน้าตอบ ท้องบวมๆ บานๆ แขม่วยังไงก็ไม่ลง เนื้อเหลว หลุดกินไปไม่กี่มื้อ ก็เกิดอาการฉุ บวม ลดไม่ลง แถมมาด้วยระบบการเผาผลาญพัง และอาการภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคผิวหนังตามตัว จากการที่ใช้ร่างกายมากเกินไป กว่าอาหารที่ได้รับ (overtraining)
ส่วนรูปขวา ปีใหม่เปลี่ยนวิธีการ โดยมาเล่นทางสาย การยกเวท (สายเพาะกาย) ปีใหม่โดนบังคับให้กินข้าว กินคาร์โบไฮเดรตเยอะมาก ใน 1 วัน กินเกือบ 1 กิโลกรัม บวกกับกินไก่ ไข่ ปลา เยอะมากๆ เช่นกัน กินอาหารครบ 5 หมู่ เริ่มจากการสร้างกล้ามเนื้อก่อน ปีใหม่โดนจับเล่นเวทหนักมาก เล่นหน้าท้องแค่ 3 ท่าต่อวัน บวกคาร์ดิโอหลังเวท ใน 1 สัปดาห์ ออกกำลังกายเพียงแค่ 3 วัน เท่านั้น
นอกจากนั้นจะเน้นเรื่องการพักผ่อน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีโอกาสเติบโต หลังจาก 2 เดือน ที่สร้างกล้ามเนื้อ แล้วก็มาต่อ 2 เดือนในการไดเอท โดยการคุมอาหาร +คาร์ดิโอ คือการเดินชัน และเล่นเวท สัปดาห์ละ 4 วัน
ผลที่ได้รับ ก็คือ กล้ามเนื้อเยอะมากขึ้นทั่วทั้งตัว กล้ามเนื้อท้องที่อยากได้ชัดๆ แบบตื่นมาก็มีเลย ไม่ต้องรอถ่ายรูปหลังเล่น ไม่ต้องเกร็ง และแขม่ว ส่วนไขมันในตัวลดลงไปแบบที่ไม่เคยคิดว่า จะผอมได้แบบนี้อีก ตัวแน่น เนื้อไม่เหลว หน้าเด็กขึ้น และที่สำคัญ หลังจากไดเอท เสร็จก็สามารถกินอาหารได้ตามปกติโดยกินแป้งและโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษากล้ามเนื้อ แถมยังหลุด กินของหวาน ของทอด ได้บ้างตามอัธยาศัย โดยที่จะไม่มีอาการโยโย่เอฟเฟ็กต์ตามมาด้วยค่ะ ซึ่งนี่เป็นบทเรียนราคาแพง ทำให้ปีใหม่ได้รู้ว่าการเลือกเทรนเนอร์นั้นสำคัญมาก เพราะเขาจะเป็นคนที่เราจะเชื่อและทำตามทุกอย่าง โดยเอาร่างกายของเรามาเสี่ยง อย่าเลือกเทรนเนอร์ที่มีแต่ใบเซอร์อย่างเดียว เราควรเลือกเทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์ ในการทำร่างกายของตัวเองมาและทำสำเร็จมาแล้ว หรือการที่เขามีผลงานพิสูจน์ได้จากลูกศิษย์คนก่อนๆ ควรเลือกคนที่เขาสามารถสอนและให้ความรู้ในสิ่งที่เราต้องทำได้ อย่าเอาคนที่ดีแต่พูด มาดดี เพราะมันจะทำให้คุณเสียเวลา เสียใจ เสียเงิน (เยอะมาก) แถมร่างกายพังๆ มาด้วยอีกค่ะ”
ตลอดระยะเวลา 4 เดือน 7 วัน ที่ปีใหม่ทำภารกิจการสร้างกล้ามเนื้อและการไดเอทมาผลลัพธ์ที่ได้นั้นทำให้เธอพอใจมากเพราะน้ำหนักหายไปเกือบ 10 กิโลกรัม ส่งผลให้เธอมีสัดส่วนที่ดีขึ้น สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น แถมผิวพรรณก็ดีขึ้นด้วย ซึ่งเป้าหมายในต่อไปของเธอนั้นก็คือการสร้างกล้ามเนื้อตลอดทั่วทั้งตัว เพื่อเพิ่มส่วนโค้งเว้าอื่นๆ
หลังจากไดเอทเสร็จ
“ใหม่มาอยู่ในระยะ เมนเทนค่ะ ตอนนี้ก็กลับมากินได้แล้ว (ที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ) ตอนนี้ใหม่กินดีบ้าง กินจุกจิกเยอะ เพราะโหยหามาก แต่ก็ยังฝึกเวทต่อไป และยังคงการคาร์ดิโอไว้ด้วยค่ะ
ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นไปแล้วค่ะกับการสร้างกล้ามเนื้อและการไดเอท โดยครูพี่มิคกี้ @mickywoo_fitnessgirls (เทรนเนอร์) ซึ่งปีใหม่ใช้เวลาทั้งหมด 4 เดือน 7 วัน
รูปซ้ายคือผลของการกิน เพื่อซ่อมแซมระบบเผาผลาญ และสร้างกล้ามเนื้อ น้ำหนักของใหม่ได้พุ่งขึ้นไปถึง 56.5 กิโลกรัม เป็นช่วงที่กินเยอะ แต่ทรมานในด้านจิตใจ เพราะไม่ได้อ้วนแบบนี้นานแล้ว (บางคนไม่ได้อ้วนขึ้นมากเหมือนใหม่นะคะ แต่เพราะระบบเผาผลาญใหม่พัง มันเลยกระฉูด)
ส่วนรูปขวา คือรูปวันนี้ ที่ครบกำหนดวันไดเอท น้ำหนักเหลือ 47.1 กิโลกรัม ซึ่งตัวใหม่เองไม่ได้ น้ำหนัก เท่านี้ มาตั้งแต่อายุ 16 ปี แล้วค่ะ (แต่ตอนนั้นไม่ได้มีกล้ามเนื้อแบบนี้นะคะ) กล้ามเนื้อที่ได้มา ก็ยังมีน้อยเหลือเกิน เพราะเวลาจำกัดที่สั้น และต้นทุนที่มีมาน้อยมากด้วย แต่เดี๋ยวเราก็จะสร้างมันต่อไปค่ะ
เป้าหมายต่อไปคือการสร้างก้น เพื่อเพิ่มส่วนโค้งเว้า ให้กับหุ่นตัวเอง และสร้างกล้ามเนื้อตลอดทั่วทั้งตัว เพราะคนที่รักการกินมากๆ แบบใหม่ ให้หยุดกิน ให้เปลี่ยนเป็นคนกินแต่ของดีๆ ไปตลอดชีวิตคงไม่ไหว เลยต้องมาหาทางออกโดยการ สร้างเตาเผาให้มากขึ้น แบบนี้ยังพอไหวค่ะ แต่ให้เลิกกินขนมไปเลย ทำใจไม่ได้จริงๆ
หลังจากครบ 7 วัน หลังจากที่ไดเอทเสร็จแล้ว
“เมื่อลดไขมันจนเป็นที่พอใจแล้วก็ต้องกลับมากินแบบปกติ คือตามที่ร่างกายต้องการ นั่นคือการกินให้ครบ 5 หมู่ ซึ่งคาร์โบไฮเดรต ก็เป็นส่วนสำคัญมากๆสำหรับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ตอนนี้มีบางวันกินเกินบ้าง หลุดบ้าง น้ำหนักวันนั้นตอนที่ไดเอทเสร็จ คือ 47.1 กิโลกรัม น้ำหนักวันนี้ คือ 50.7 กิโลกรัม ตกใจไหมคะ ใหม่เองก็ตกใจ แต่แน่นอนค่ะ เมื่อกล้ามเนื้อได้รับอาหาร กล้ามเนื้อย่อมโตขึ้น น้ำหนักก็จะมากขึ้น เมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะ น้ำหนักก็จะมากขึ้น แล้วสัดส่วนล่ะ ใหญ่ขึ้นแน่นอนค่ะ แต่ใหญ่เพราะมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่ไขมัน คนที่ดำเนินชีวิตปกติ ไม่สามารถ จะมีหุ่นเหมือนตอนไดเอทได้ตลอดไป เพราะหุ่นแบบนั้น เขาเอาไว้ใช้เมื่อจะแข่งขันเท่านั้นค่ะ เพราะถ้ากินน้อยนานๆ ก็จะทำให้ระบบเผาผลาญที่เราอุตส่าห์กู้คืนมา พังทลายไปอีกด้วยค่ะ ดังนั้นฝึกเวท ห้ามโฟกัส ที่น้ำหนักนะคะ”
ท้ายนี้ปีใหม่ฝากทิ้งท้ายสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักและมีรูปร่างที่ดีไว้ว่า
“ใหม่จะบอกว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่ง่ายเลยค่ะ มีรายละเอียดต่างๆ มากมายในการทำร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใหม่ก็เชื่อว่า มันก็ไม่ได้ยากเกินไป สำหรับผู้หญิงเราที่มีความตั้งใจจริงๆ เพราะหากเราต้องการอะไรสักอย่างมากๆ แล้ว มันก็คุ้ม ที่เราจะเสียสละ บางอย่างเพื่อให้ได้มันมา สู้ๆ นะคะ เพราะถ้าตั้งใจก็ไม่มีอะไรเกินเอื้อม”
ขอบคุณภาพจาก : อินสตาแกรม @peemai28