MGR Online – ม.รังสิตเตรียมเปิดโรงพยาบาลอาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล บนพื้นที่ 11 ไร่ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพ มุ่งเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์มาตรฐานระดับสากล ผสานแพทย์แผนตะวันตก-ตะวันออกครบวงจร แบ่งเป็นสองเฟส ใช้เงินลงทุน 13,000-14,000 ล้านบาท คาดเสร็จปี 63
วันนี้ (7 มี.ค.) ที่โรงแรมโซฟิเทล สุขุมวิท มหาวิทยาลัยรังสิตได้จัดงานแถลงข่าวประจำปี “มหาวิทยาลัยรังสิต RSU 5.0” ขึ้นโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงาน และการสร้างนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปข้างหน้า ทั้งนี้หนึ่งในไฮไลต์ของการแถลงข่าวคือ การเปิดตัว อาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล บนพื้นที่ขนาด 11 ไร่ ในย่านธุรกิจบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่
นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศได้รับการยอมรับถึงการมีศักยภาพในด้านการแพทย์ ทั้งในด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การวิจัยทางการแพทย์ และการมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความสามารถในอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ของไทย และความต้องการในการเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทยจากผู้ป่วยชาวต่างชาติมีมากขึ้นทุกปี จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งโรงพยาบาลอาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล (RSU International Hospital) RIH พื้นที่ 11 ไร่ ในย่านธุรกิจบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่
“ปัจจุบันนี้เรานึกถึงโรงพยาบาลเรานึกถึงอะไรครับ เหม็น สกปรก แออัดไม่น่าเข้า ใครบ้างอยากจะไปโรงพยาบาล เป็นที่ที่คนไม่อยากไปเลย ทั้งที่จริง โรงพยาบาลควรเป็นที่ซึ่ง คุณหมอ พยาบาล และบุคลากรทั้งหมด สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด คนไข้ก็มารับบริการได้อย่างดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันไม่มี นี่เป็นสิ่งที่เราโหยหา เราก็มาคิดว่า การให้การศึกษาไม่ใช่เพียงแค่ให้คนจบแพทย์ คนจบทันตแพทย์ จบสาขาต่างๆ แล้วไปทำงานที่อื่น แต่เราอยากจะสร้างสิ่งที่เรียกว่าดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด นี่คือที่มาของโรงพยาบาลอาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล จุดประสงค์ของเราไม่ได้สร้างโรงพยาบาลเพื่อทำธุรกิจ แต่อยากจะสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องแสดงศักยภาพของประเทศ” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตระบุ
แนวคิดในการสร้างโรงพยาบาลนี้ แนวคิดแรกคือ โรงพยาบาลที่ไม่เหมือนโรงพยาบาล เปลี่ยนความเจ็บป่วย สิ้นหวัง และสลดหดหู่ มาเป็นการอยู่กับธรรมชาติ สถานที่สวยงาม โดยกำหนดให้มีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 35 เป็นสถานบริการด้านสุขภาพที่คนมาแล้วมีความสุข เป็น The most humanized medical care เน้นความเป็นมนุษย์ เอาใจใส่ และเอื้ออาทร
“อย่างคนมาคลอด ต้องไม่ให้เขามีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนป่วย คนที่มาคลอด ไม่ใช่คนป่วย เป็นคนที่โชคดี กำลังจะมีข่าวดี เพราะฉะนั้น บรรยากาศของการเข้าไปให้หมอตรวจ ฝากครรภ์ รอคลอด ต้องจัดให้อยู่ในชั้นเดียวกัน พอคลอดแล้วก็ให้อยู่ใกล้ๆ ลูก เดินไปหาลูกเมื่อไรก็ได้”
แนวคิดที่สองคือ โรงพยาบาลที่มีศูนย์การแพทย์ขั้นสูงครบวงจร ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ในการรักษาพยาบาลในอนาคต “ทุกศูนย์ฯ ต้องจบในตัว คนไข้เป็นโรคหัวใจ ต้องไป MRI ที่หนึ่ง วัดคลื่นหัวใจอีกที่หนึ่ง ฉีดสีอีกที่หนึ่ง ผมไม่เอาแบบนั้น ไม่ได้เลย ต้องมีศูนย์หัวใจที่มีเครื่องมือพร้อม comprehensive ครบถ้วนทุกอย่าง”
แนวคิดที่สามคือ เป็นโรงพยาบาลที่มีองค์ความรู้ ทั้งการแพทย์แผนตะวันตกและการแพทย์แผนตะวันออก “โดยเฉพาะ Oriental Medicine มีทั้งแพทย์แผนไทย แผนจีน และแผนอินเดีย ซึ่งเน้นเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายบนหลักการที่ว่า ถ้าร่างกายสมดุล ก็จะจัดการกับโรคภัยไข้เจ็บได้เอง มันมีหลายโรคที่ตะวันตกทำไม่ได้ เอะอะก็จะผ่าตัดท่าเดียว พวกเจ็บเอ็น เจ็บหลัง เจ็บข้อ ไหล่ติด นิ้วล็อค มันสามารถใช้การนวดแบบไทยผสมผสานกับกายภาพบำบัด หรือทรีตเมนต์แบบอินเดีย หรือจะฝังเข็มแบบจีน”
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรียกว่า World Class, State of the Arts ซึ่งจะเป็นที่ๆ ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลมีความสะดวกที่สุดทางวิชาการ และในขณะเดียวกันผู้ที่จะมารับบริการก็ต้องสะดวกที่สุดเช่นกัน นั่นคือโรงพยาบาลในฝันที่เราเริ่มต้นคิดด้วยการบูรณาการทุกด้านไปพร้อมกัน เริ่มด้วยแนวของ JCI เป็นมาตรฐาน ได้บูรณาการการออกแบบโดยนำระบบทุกระบบมาคิดร่วมกัน ซึ่งการออกแบบได้ผ่านขั้นตอนการดำเนินงาน ผ่าน EIA เรียบร้อยแล้วได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง และได้รับความร่วมมือจากคณะแพทย์มากมายเป็นอย่างยิ่ง จึงมีความภูมิใจว่า โรงพยาบาลในระดับอินเตอร์เนชันแนลนี้ไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย แต่ทำเพื่อประเทศไทยเป็นส่วนรวม ซึ่งเป็นที่มาของการทำโรงพยาบาลระดับนานาชาติครั้งนี้” อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเสริม
สำหรับพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมด 11 ไร่ แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรก 6 ไร่ มีพื้นที่ทั้งหมด 66,000 ตารางเมตร และเฟสที่ 2 5 ไร่ มีพื้นที่ 56,000 ตารางเมตร โดยในเฟสแรก และในเฟสสอง เพิ่มพื้นที่อีก 5 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2020
ในด้านบุคลากรทางการแพทย์นั้น เราให้ความสำคัญกับทีมแพทย์ชาวไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการทางการแพทย์กับลูกค้าจากทั่วโลก โดยวางเป้าหมายรองรับ ลูกค้าชายไทยร้อยละ 50 ชาวต่างชาติ ร้อยละ 50 ทั้งกลุ่มผู้ป่วย และนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทั้งจากตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น อาเซียน และกลุ่ม expat โดยในเฟสแรก รองรับผู้ป่วยใน 345 เตียง รวม ICU และ CCU และผู้ป่วยนอก 2,000 คนต่อวัน และในเฟสสอง เพิ่มการรองรับผู้ป่วยในอีก 240 เตียง
ทั้งนี้ อาคารโรงพยาบาลประกอบไปด้วยศูนย์การแพทย์ และการบริการ ดังนี้
ชั้น B คือ ศูนย์มะเร็ง Cancer Center
ชั้น G จุดรับส่งผู้โดยสาร แผนกต้อนรับ แผนกฉุกเฉิน และ Food Hall ให้บริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ในบรรยากาศร่มรื่น สบายตา
ชั้น 2 คือ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์กระดูกและข้อ และศูนย์ตรวจเช็คสุขภาพเบื้องต้น
ชั้น 3 ศูนย์ศัลยกรรม ศูนย์กระเพาะอาหาร ลำไส้และตับ และศูนย์อายุรกรรม 1
ชั้น 4 ศูนย์อายุรกรรม 2 และศูนย์ ตา หู คอ จมูก ศูนย์สมอง
ชั้น 5 ศูนย์ทันตกรรม และศูนย์สูตินารีแพทย์
ชั้น 6 แผนกผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลพิเศษ ICU และ CCU แผนกรังสีร่วมรักษา และห้องผ่าตัด
ชั้น 7 ห้องพัสดุ ห้องทดลอง และห้องเก็บยา
ชั้น 8 ห้องคลอด ศูนย์ครอบครัว และห้องดูแลเด็กอ่อน
ชั้น 9 แผนกฟอกไต Dialysis and Plasma therapy center และแผนกกายภาพบำบัด
ชั้น 10 ศูนย์รักษาด้วยคีโม
ชั้น 11-21 ห้องพักผู้ป่วยใน ซึ่งออกแบบโดยคำนึงถึงการพักฟื้นร่างกาย ในรูปลักษณ์ของห้องพักในโรงแรมหรู และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ การออกแบบจัดสรรพื้นที่แต่ละชั้น ผ่านการปรึกษา และบูรณาการความคิด ข้อเสนอแนะจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาพยาบาล ความสะดวกสบายของผู้รับบริการโรงพยาบาลอาร์เอสยูอินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งมั่นสร้างศูนย์กลางทางการแพทย์ และการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยการบูรณาการศาสตร์ และศิลป์ การคำนึงถึงการมีใจในการให้บริการทางการแพทย์ การบริหารจัดการด้านโรงพยาบาล จากแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัยรังสิต และศักยภาพด้านชีวการแพทย์ เภสัชศาสตร์ การใช้หุ่นยนต์ในการให้บริการจ่ายยา และศักยภาพในการเชื่อมโยงระบบไอทีของโรงพยาบาล เพื่อให้ที่นี่ ไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการแพทย์ที่ล้ำสมัย แต่หากเป็นศูนย์รวมของการให้บริการที่คำนึงถึงความสุขในการมีชีวิตที่มีสุขภาพดีทั้งกายและใจของผู้รับบริการทุกท่าน และนี่คือความโดดเด่น แตกต่าง และก้าวที่มุ่งมั่นไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของประเทศ และในระดับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะแล้วเสร็จในปี 2563
“เงินลงทุนในโครงการเฟสแรกตกประมาณ 9,000 ล้านบาท จะเป็นทุนสักประมาณ 3,000 ล้านบาท และเงินกู้อีก 6,000 ล้านบาท เฟสสองอีกประมาณ 4-5 พันล้านบาท แต่จะเป็นสองเฟสจะสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะจะมีทั้งแพทย์แผนตะวันตก ตะวันออก มีทั้งจีน อินเดีย ไทย บูรณาการ และแพทย์แผนอนาคตด้วย คือจะให้เป็นที่ที่คนเข้าไปแล้วรู้สึกสบาย ไม่ใช่เข้าไปแล้วทุกข์ หรือเจ็บหนักกลับมา” นายอาทิตย์เผย