ครบ 1 ปีเต็มแล้วที่แชร์เรื่องตัวเองผ่านเฟซบุ้ค มาวันนี้เวย์จะบอกความเป็นไปทั้งหมดว่าเวย์ผ่านอะไรมาบ้าง....และบรรทัดต่อจากนี้คือเรื่องราวจาก เวย์-เยาวลักษณ์ กันนิกา ผู้ประกาศสาว เล่าถึงการรักษาโรคมะเร็งของตัวเอง
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 เป็นปีที่เวย์ทราบข่าวร้ายว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านม เวย์ผ่านการผ่าตัดเต้านม 2 ข้าง ทำคีโม 8 ครั้ง ฉายแสง 30 ครั้งและสิ้นสุดกระบวนการรักษาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558
จากนั้นเวย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย เปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งเรื่องงานและอาหารการกิน จนกระทั่งวันนี้เมื่อปีที่แล้วเดือน มีนาคม 2559หลังจากที่ผ่านมรสุมเวย์ตัดสินใจเขียนเรื่องราวตัวเองแชร์ลงเฟซบุ้ค ตามคำแนะนำของคนรอบข้างและตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่าเราป่วยหลังจากที่ปกปิดมา 1 ปี
เวย์ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมและคนอื่นมากมาย ได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตตัวเอง ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยและคนอื่นๆ เวย์ดีใจและมีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้แม้ว่าการเป็นโรคมะเร็งมันจะอาจทำให้เรารู้สึกทุกข์ แต่เวย์ก็มีความสุขดี "แต่แล้วเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ"
เมื่อเดือนเมษายน ถึง ดือนกรกฎาคม 2559 เวย์มีอาการปวดหลังอย่างหนัก อาการปวดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนถึงขั้นเวย์เดินไม่ได้ คุณหมอได้ทำการตรวจอย่างละเอียดและผลวินิจฉัยที่ออกมาคือ "มะเร็งลามไปที่กระดูกสันหลัง" ซึ่งเวย์พูดอะไรไม่ออก นั่งนิ่งๆ น้ำตาไหลอื้ออึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านมาได้แค่ 4-5 เดือนหลังการรักษาเวย์ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสกับคำว่าโรคสงบก็ต้องมารักษามะเร็งอีกรอบ เวย์ต้องรับการผ่าตัดกระดูกสันหลังจากการที่มะเร็งกินกระดูกข้อที่ L3 กับ L5ทำให้กระดูกทรุดทับเส้นประสาทบางส่วน เวย์ไม่รู้จะอธิบายถึงความเจ็บปวดทรมานยังไง เมื่อเวลามะเร็งลามไปที่กระดูก เวย์ต้องใช้ยาระงับปวดชนิดรุนแรงสุด คือ "มอร์ฟีน" และรูปแบบที่จะบรรเทาความ เจ็บปวดทรมานได้ดีที่สุดคือวิธี "ฉีดเข้าเส้น "
เวย์กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จากที่ปวดหลัง นั่งนานๆ แล้วเจ็บจนกลายมาเป็นเดินไม่ได้ เวย์ต้องทำทุกอย่างอยู่บนเตียงทั้งกิน นอน อาบน้ำ สระผม แปรงฟันและขับถ่าย จากที่ไม่ชินจนกลายเป็นเริ่มสร้างสรรค์วิธีการเอาตัวรอดจากการขับถ่ายบนเตียงที่แสนจะทุลักทุเล
จากนั้นเวย์ได้เข้ารับการผ่าตัด ดามเหล็กที่หลังและเริ่มกายภาพพร้อมๆ ไปกับการฉายแสง เวย์ยังจำวินาทีที่เท้าเหยียบพื้นครั้งแรกหลังจากที่ต้องนอนติดเตียงยาวนานเกือบ 2 เดือน และการผ่าตัดผ่านก็พึ่งจะพ้นไปเพียงแค่ 3 วัน วินาทีนั้นมันทั้งตื่นเต้น ตื้นตัน น้ำตาไหดีใจที่จะกลับมายืนได้อีกครั้ง วันนั้นเวย์ยังหันไปถามคุณหมอเลยค่ะว่า "เดินยังไง"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวย์สามารถกลับมาเดินได้ตามปกติแล้ว แต่ก็ยังคงเข้า-ออกโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เวย์เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ 2 ผ่านมาไม่ถึง 1 ปี เวย์ก็ได้รับโบนัสชุดใหญ่แบบไม่ต้องลุ้น "เวย์กลายเป็นผู้ป่วยมมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ทันที !" ที่สำคัญโรคก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ มันยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลังจากเต้านมมาต่อมน้ำเหลือง ท่อน้ำนม กระดูกสันหลัง กระดูกซีกโครง กระดูกสะโพก และล่าสุดคือที่ ตับ
ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเวย์เข้าห้องผ่าตัด 2 ครั้ง ( ผ่าเต้านม / ผ่าหลัง ) ผ่านการฉายแสงมาแล้ว 50 ครั้ง เคมีบำบัด 8 ครั้ง และล่าสุดเวย์ต้องให้อีก 6ครั้ง ฉีดยาบำรุงกระดูกทุกเดือน ฉีดยาระงับไข่ตกทุก 3 เดือน กินมอร์ฟีนระงับปวดทุกวัน วันละ 1เม็ด กินยาต้านฮอร์โมนทุกวัน เจาะตับ 1 ครั้ง อีกทั้งเวย์ยังเคยทดลองฉีดยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้ามาแล้วอีก 4 ครั้ง ค่าใช้จ่ายมหาโหดมากๆ นี่ยังไม่รวม MRI / CT scan / Bone scan / X-RAY อีกนับครั้งไม่ถ้วน และเวย์กินวิตามิน อาหารเสริมวันนึงเป็นกำมือ มื้อนึงไม่ต่ำกว่า 20 เม็ด และเมื่อมะเร็งลามไปที่ตับ ต้องรีบเข้ารับการรักษาแถวทางการรักษาก็คงหนีไม่พ้น เคมีบำบัด
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 คือวันแรกที่เวย์ได้รับยาเคมีตัวใหม่ ตัวยาสูตรนี้ออกฤทธิ์รุนแรงมากเวย์เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะแพ้หนัก ทั้งอาเจียน ท้องเสีย ปวดเนื้อปวดตัวปวดกระดูก เป็นฝ้าขาวติดเชื้อในช่องปาก หิวก็กินไม่ได้ เพราะเป็นแผลทั้งปาก นอนไม่หลับ ปวดกระดูก อ่อนแรง ปวดหัวและไข้ขึ้น คือไม่รู้จะอธิบายถึงความทรมานยังไง สุดท้ายต้องเแอทมิดเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการเบลอ เกือบช๊อค เนื่องจากเกล็ดเลือดขาวตกฉับพลัน เหลือเพียงแค่ 10 จากคนปกติ 5,000 นอนให้น้ำเกลืออยู่ 5 วัน และกลับไปพักฟื้นต่ออีก 1 สัปดาห์ อาการถึงเริ่มค่อยๆ ดีขึ้น
อยากบอกว่า ทุกวันนี้เวย์เหนื่อยมาก ทั้งกับการรักษา หลายต่อหลายครั้งที่ท้อ เจ็บปวดทรมานจากโรค รวมถึงวิธีการรักษา และผลข้างเคียงของสารพัด สิ่งที่เวย์เจอมาเกือบตลอด2 ปี มันทำให้เวย์รู้เลยว่า “ความตายมันง่ายกว่ามาก ถ้าเทียบกับความทรมานที่เวย์เผชิญอยู่"
บ่อยครั้งที่ทั้งร้องไห้ ท้อแท้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ เวลาที่มันทุกข์ เจ็บปวดทรมาน อาจมีคนเข้าใจเวย์บ้าง ไม่เข้าใจบ้างแต่เวย์เข้าใจดีนะ เพราะความทุกข์ของคนเรานั้นมันไม่เท่ากัน ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ และเวย์เองก็คิดอยู่เสมอว่ามันจะมีค่าอะไรถ้าเวย์คิดจะยอมแพ้ในขณะที่เราก็ยังหายใจ และสิ่งสำคัญที่มันทำให้เวย์ยังยิ้มสู้และหายใจอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปก็คือความรักของครอบครัวที่มีต่อเวย์ ความทุ่มเทของพี่สาว รวมถึงคนรักและเพื่อนๆ ที่คอยจับมือให้กำลังใจ เพื่อนพี่น้องในทุกวงการ ผู้ใหญ่ที่สถานี ครู อาจารย์ที่เคารพรัก และใครต่อใครอีกมากมายทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
มาถึงวันนี้เวย์ไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างแต่เวย์ก็จะทำมันให้ดีที่สุด แม้การเป็นมะเร็ง มันจะทำให้เวย์ทุกข์แต่ในความทุกข์มันก็มีแง่มุมที่งดงามเพราะมันทำให้เวย์ได้เรียนรู้ในทุกๆ วัน และยังทำให้เวย์ได้พบกับมิตรภาพที่เงินก็ซื้อไม่ได้ และสุดท้ายมันทำให้เวย์ได้รู้ซึ้งความหมายของการดำรงชีวิตอยู่ที่มันไม่ใช่แค่เพื่อตัวเวย์เองแต่ทำเพื่อคนที่สามารถทำให้เวย์ได้ทุกๆ อย่าง นั่นคือ แม่ และ พ่อ
เวย์ขอใช้โอกาสตรงนี้ขอบคุณทุกๆ คนโดยเฉพาะครอบครัวที่คอยทุ่มเท ดูแล เอาใจใส่เวย์ทุกอย่าง ขอบคุณผู้บริหาร ผู้ใหญ่ที่ช่อง NBT ที่เมตตาต่อเวย์มากๆ ขอบคุณอาจารย์ เพื่อน พี่ น้องทั้งในแวดวงสื่อมวลชนและแวดวง Event ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับเวย์เสมอ ขอบคุณกลุ่มเพื่อนมดงานทุกคนที่ตั้งใจทำเสื้อเพื่อช่วยเหลือเวย์ในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงเพื่อนๆ ทุกคน ทุกกลุ่ม ขอบคุณอาจารย์หมอจากศิริราช อาจารย์หมอจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือกำลังใจจากทุกๆ คน สำหรับมิตรภาพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
สำหรับผู้ป่วยอย่าท้อนะคะ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองและสำคัญที่สุดเราต้องมีศรัทธา ให้เชื่อมั่นและแน่วแน่ว่าทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปได้ แต่ถ้าวันใดอ่อนแอ ท้อแท้ ก็แค่ร้องไห้ออกมา ร้องให้พอแล้วรีบเช็ดน้ำตาเดินหน้าสู้ต่อไป เราต้องมีความหวัง มะเร็งเป็นได้ก็หายได้
เรื่องราวจาก : FB PAGE มาเล็งความสุข
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2558 เป็นปีที่เวย์ทราบข่าวร้ายว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านม เวย์ผ่านการผ่าตัดเต้านม 2 ข้าง ทำคีโม 8 ครั้ง ฉายแสง 30 ครั้งและสิ้นสุดกระบวนการรักษาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558
จากนั้นเวย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย เปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งเรื่องงานและอาหารการกิน จนกระทั่งวันนี้เมื่อปีที่แล้วเดือน มีนาคม 2559หลังจากที่ผ่านมรสุมเวย์ตัดสินใจเขียนเรื่องราวตัวเองแชร์ลงเฟซบุ้ค ตามคำแนะนำของคนรอบข้างและตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ว่าเราป่วยหลังจากที่ปกปิดมา 1 ปี
เวย์ได้ทำประโยชน์เพื่อสังคมและคนอื่นมากมาย ได้แบ่งปันประสบการณ์ชีวิตตัวเอง ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยและคนอื่นๆ เวย์ดีใจและมีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้แม้ว่าการเป็นโรคมะเร็งมันจะอาจทำให้เรารู้สึกทุกข์ แต่เวย์ก็มีความสุขดี "แต่แล้วเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ"
เมื่อเดือนเมษายน ถึง ดือนกรกฎาคม 2559 เวย์มีอาการปวดหลังอย่างหนัก อาการปวดทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนถึงขั้นเวย์เดินไม่ได้ คุณหมอได้ทำการตรวจอย่างละเอียดและผลวินิจฉัยที่ออกมาคือ "มะเร็งลามไปที่กระดูกสันหลัง" ซึ่งเวย์พูดอะไรไม่ออก นั่งนิ่งๆ น้ำตาไหลอื้ออึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านมาได้แค่ 4-5 เดือนหลังการรักษาเวย์ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสกับคำว่าโรคสงบก็ต้องมารักษามะเร็งอีกรอบ เวย์ต้องรับการผ่าตัดกระดูกสันหลังจากการที่มะเร็งกินกระดูกข้อที่ L3 กับ L5ทำให้กระดูกทรุดทับเส้นประสาทบางส่วน เวย์ไม่รู้จะอธิบายถึงความเจ็บปวดทรมานยังไง เมื่อเวลามะเร็งลามไปที่กระดูก เวย์ต้องใช้ยาระงับปวดชนิดรุนแรงสุด คือ "มอร์ฟีน" และรูปแบบที่จะบรรเทาความ เจ็บปวดทรมานได้ดีที่สุดคือวิธี "ฉีดเข้าเส้น "
เวย์กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จากที่ปวดหลัง นั่งนานๆ แล้วเจ็บจนกลายมาเป็นเดินไม่ได้ เวย์ต้องทำทุกอย่างอยู่บนเตียงทั้งกิน นอน อาบน้ำ สระผม แปรงฟันและขับถ่าย จากที่ไม่ชินจนกลายเป็นเริ่มสร้างสรรค์วิธีการเอาตัวรอดจากการขับถ่ายบนเตียงที่แสนจะทุลักทุเล
จากนั้นเวย์ได้เข้ารับการผ่าตัด ดามเหล็กที่หลังและเริ่มกายภาพพร้อมๆ ไปกับการฉายแสง เวย์ยังจำวินาทีที่เท้าเหยียบพื้นครั้งแรกหลังจากที่ต้องนอนติดเตียงยาวนานเกือบ 2 เดือน และการผ่าตัดผ่านก็พึ่งจะพ้นไปเพียงแค่ 3 วัน วินาทีนั้นมันทั้งตื่นเต้น ตื้นตัน น้ำตาไหดีใจที่จะกลับมายืนได้อีกครั้ง วันนั้นเวย์ยังหันไปถามคุณหมอเลยค่ะว่า "เดินยังไง"
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวย์สามารถกลับมาเดินได้ตามปกติแล้ว แต่ก็ยังคงเข้า-ออกโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เวย์เป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะ 2 ผ่านมาไม่ถึง 1 ปี เวย์ก็ได้รับโบนัสชุดใหญ่แบบไม่ต้องลุ้น "เวย์กลายเป็นผู้ป่วยมมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 ทันที !" ที่สำคัญโรคก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ มันยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลังจากเต้านมมาต่อมน้ำเหลือง ท่อน้ำนม กระดูกสันหลัง กระดูกซีกโครง กระดูกสะโพก และล่าสุดคือที่ ตับ
ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเวย์เข้าห้องผ่าตัด 2 ครั้ง ( ผ่าเต้านม / ผ่าหลัง ) ผ่านการฉายแสงมาแล้ว 50 ครั้ง เคมีบำบัด 8 ครั้ง และล่าสุดเวย์ต้องให้อีก 6ครั้ง ฉีดยาบำรุงกระดูกทุกเดือน ฉีดยาระงับไข่ตกทุก 3 เดือน กินมอร์ฟีนระงับปวดทุกวัน วันละ 1เม็ด กินยาต้านฮอร์โมนทุกวัน เจาะตับ 1 ครั้ง อีกทั้งเวย์ยังเคยทดลองฉีดยารักษามะเร็งแบบมุ่งเป้ามาแล้วอีก 4 ครั้ง ค่าใช้จ่ายมหาโหดมากๆ นี่ยังไม่รวม MRI / CT scan / Bone scan / X-RAY อีกนับครั้งไม่ถ้วน และเวย์กินวิตามิน อาหารเสริมวันนึงเป็นกำมือ มื้อนึงไม่ต่ำกว่า 20 เม็ด และเมื่อมะเร็งลามไปที่ตับ ต้องรีบเข้ารับการรักษาแถวทางการรักษาก็คงหนีไม่พ้น เคมีบำบัด
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2560 คือวันแรกที่เวย์ได้รับยาเคมีตัวใหม่ ตัวยาสูตรนี้ออกฤทธิ์รุนแรงมากเวย์เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะแพ้หนัก ทั้งอาเจียน ท้องเสีย ปวดเนื้อปวดตัวปวดกระดูก เป็นฝ้าขาวติดเชื้อในช่องปาก หิวก็กินไม่ได้ เพราะเป็นแผลทั้งปาก นอนไม่หลับ ปวดกระดูก อ่อนแรง ปวดหัวและไข้ขึ้น คือไม่รู้จะอธิบายถึงความทรมานยังไง สุดท้ายต้องเแอทมิดเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการเบลอ เกือบช๊อค เนื่องจากเกล็ดเลือดขาวตกฉับพลัน เหลือเพียงแค่ 10 จากคนปกติ 5,000 นอนให้น้ำเกลืออยู่ 5 วัน และกลับไปพักฟื้นต่ออีก 1 สัปดาห์ อาการถึงเริ่มค่อยๆ ดีขึ้น
อยากบอกว่า ทุกวันนี้เวย์เหนื่อยมาก ทั้งกับการรักษา หลายต่อหลายครั้งที่ท้อ เจ็บปวดทรมานจากโรค รวมถึงวิธีการรักษา และผลข้างเคียงของสารพัด สิ่งที่เวย์เจอมาเกือบตลอด2 ปี มันทำให้เวย์รู้เลยว่า “ความตายมันง่ายกว่ามาก ถ้าเทียบกับความทรมานที่เวย์เผชิญอยู่"
บ่อยครั้งที่ทั้งร้องไห้ ท้อแท้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกใบนี้ เวลาที่มันทุกข์ เจ็บปวดทรมาน อาจมีคนเข้าใจเวย์บ้าง ไม่เข้าใจบ้างแต่เวย์เข้าใจดีนะ เพราะความทุกข์ของคนเรานั้นมันไม่เท่ากัน ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ และเวย์เองก็คิดอยู่เสมอว่ามันจะมีค่าอะไรถ้าเวย์คิดจะยอมแพ้ในขณะที่เราก็ยังหายใจ และสิ่งสำคัญที่มันทำให้เวย์ยังยิ้มสู้และหายใจอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปก็คือความรักของครอบครัวที่มีต่อเวย์ ความทุ่มเทของพี่สาว รวมถึงคนรักและเพื่อนๆ ที่คอยจับมือให้กำลังใจ เพื่อนพี่น้องในทุกวงการ ผู้ใหญ่ที่สถานี ครู อาจารย์ที่เคารพรัก และใครต่อใครอีกมากมายทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
มาถึงวันนี้เวย์ไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างแต่เวย์ก็จะทำมันให้ดีที่สุด แม้การเป็นมะเร็ง มันจะทำให้เวย์ทุกข์แต่ในความทุกข์มันก็มีแง่มุมที่งดงามเพราะมันทำให้เวย์ได้เรียนรู้ในทุกๆ วัน และยังทำให้เวย์ได้พบกับมิตรภาพที่เงินก็ซื้อไม่ได้ และสุดท้ายมันทำให้เวย์ได้รู้ซึ้งความหมายของการดำรงชีวิตอยู่ที่มันไม่ใช่แค่เพื่อตัวเวย์เองแต่ทำเพื่อคนที่สามารถทำให้เวย์ได้ทุกๆ อย่าง นั่นคือ แม่ และ พ่อ
เวย์ขอใช้โอกาสตรงนี้ขอบคุณทุกๆ คนโดยเฉพาะครอบครัวที่คอยทุ่มเท ดูแล เอาใจใส่เวย์ทุกอย่าง ขอบคุณผู้บริหาร ผู้ใหญ่ที่ช่อง NBT ที่เมตตาต่อเวย์มากๆ ขอบคุณอาจารย์ เพื่อน พี่ น้องทั้งในแวดวงสื่อมวลชนและแวดวง Event ที่คอยเป็นกำลังใจให้กับเวย์เสมอ ขอบคุณกลุ่มเพื่อนมดงานทุกคนที่ตั้งใจทำเสื้อเพื่อช่วยเหลือเวย์ในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมถึงเพื่อนๆ ทุกคน ทุกกลุ่ม ขอบคุณอาจารย์หมอจากศิริราช อาจารย์หมอจากโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือกำลังใจจากทุกๆ คน สำหรับมิตรภาพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ
สำหรับผู้ป่วยอย่าท้อนะคะ เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองและสำคัญที่สุดเราต้องมีศรัทธา ให้เชื่อมั่นและแน่วแน่ว่าทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปได้ แต่ถ้าวันใดอ่อนแอ ท้อแท้ ก็แค่ร้องไห้ออกมา ร้องให้พอแล้วรีบเช็ดน้ำตาเดินหน้าสู้ต่อไป เราต้องมีความหวัง มะเร็งเป็นได้ก็หายได้
เรื่องราวจาก : FB PAGE มาเล็งความสุข