ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! ถึงแม้การดื่มสุราแล้วขับรถ จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่จริงๆ แล้ว การขับขี่รถด้วยความเร็ว กลับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งนำไปสู่การบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
รู้หรือไม่ว่า ยิ่งคุณขับรถเร็วมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเท่านั้น

แล้ว “วิสัยทัศน์อุโมงค์” คืออะไร?
ปกติ สายตาคนเราจะมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าได้รอบทิศทาง 180 องศา แต่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว องศาในการมองเห็น จะลดลง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ การมองเห็นรายละเอียดจะยิ่งแคบลงมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น จากปกติ เราจะมีมุมการมองเห็นครบถ้วน 180 องศา แต่เมื่อเราขับรถด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุมการมองเห็นของเราจะลดลงเหลือแค่ 100 องศา และถ้ารถวิ่งด้วยความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราจะมองเห็นเพียง 40 องศา
สรุปว่า ยิ่งขับรถเร็ว มองไม่เห็นด้านข้าง ก่อให้เกิด “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ที่การมองเห็นได้ชัดจะแคบลง อาจมองไม่เห็นอันตรายจากด้านข้าง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น
อย่าลืมว่า การมองเห็นด้านข้าง คือสิ่งสำคัญสำหรับคนขับรถ เพราะบนเส้นทางที่รถของเรากำลังแล่นไปด้วยความเร็วนั้น มีสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้อยู่มากมายตลอดรายทาง ซึ่งเราอาจจะมองไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น “ป้ายเตือนข้างทาง” ทั้งป้ายลดความเร็ว ป้ายบอกทางแยกและป้ายแจ้งจุดกลับรถเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ใช้ความระมัดระวัง
นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ บนท้องถนนอีกจำนวนมาก เช่น รถที่กำลังออกจากซอย คนที่ข้ามถนนหนทาง ร้านค้าริมทาง หรือในเขตชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน อาจจะมีเด็กๆ วิ่งเล่น หรือสุนัขวิ่งข้ามถนนไปมา สิ่งเหล่านี้สามารถจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยไม่คาดคิด

หลายคนอาจจะบอกว่า ตัวเองมีสติ ควบคุมได้ ไม่มีปัญหา
แต่ใครจะรู้ว่าเราจะพลาดตอนไหนเมื่อไหร่ และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้วยความเร็วและการมองเห็นที่แคบลงด้วยแล้ว การ “พลาด” ยิ่งเกิดขึ้นง่าย
พลาด!...ไม่ทันเห็นป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ข้างทาง ที่จะช่วยเตือน “ลดความเร็ว" "ทางแยก" หรือ "โค้งอันตราย"
พลาด!...ไม่ทันเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างถนน ที่ต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น เช่น ตลาดนัดข้างทาง รถจอดริมทาง รถออกจากซอย
หรือ... พลาด!... ไม่ทันรู้ตัวว่าเข้าเขตชุมชน ต้องลดความเร็ว ต้องระวังมากขึ้น อาจมีคนข้ามถนน ร้านขายของริมทาง หรือแม้กระทั่งสุนัขที่อยู่ข้างทางและกำลังเดินมากลางถนน
ยิ่งขับรถเร็ว เรายิ่งมองไม่เห็นด้านข้าง และนั่นก็ยิ่งเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้จำเป็นต้องหยุดรถกะทันหัน
แต่มั่นใจได้อย่างไรว่า เราจะสามารถหยุดรถได้ทันอย่างปลอดภัย
เพราะปกติ เราจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 วินาทีในการตัดสินใจว่าจะเบรกหรือจะหลบไปทางไหนจนกระทั่งเท้าแตะเบรก เป็นสองวินาทีที่เสี่ยงอย่างที่สุด และยิ่งความเร็วมากขึ้น ยิ่งต้องการระยะหยุดรถที่มากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใช้ความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณจะต้องเตรียมระยะทางเพื่อหยุดรถ 27 เมตร และใช้เวลา 2 วินาทีเพื่อทำสิ่งดังกล่าว โดยที่ 14 เมตรแรก ใช้เพื่อการตัดสินใจ และต้องใช้ระยะเบรกอีก 13 เมตรเพื่อหยุดรถให้สนิท แต่ถ้าเป็นความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณต้องเตรียมระยะหยุดรถ 87 เมตร คูณไปอีกเกือบ 3 เท่า
คิดดูว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์กะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว คุณจะหยุดรถทันไหมในความเร็วขนาดนั้น
จากอุบัติเหตุที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากความชะล่าใจ คิดว่าตนเองเอาอยู่ โดยเฉพาะกับเรื่องความเร็ว แต่การบาดเจ็บและสูญเสียจนถึงชีวิตแทบทุกครั้ง ก็บอกกับเราว่า มันเกิดขึ้นมาจากการขับขี่รถที่เร็วเกินไป และพลาด
ด้วยเหตุนี้ ก่อนจับพวงมาลัยและออกสตาร์ทครั้งต่อไป อยากให้ระลึกไว้ในใจเสมอว่า
ยิ่งขับเร็ว ยิ่งไม่เห็นด้านข้าง ยิ่งเสี่ยงตาย
“ลดเร็ว ลดเสี่ยง”
รู้หรือไม่ว่า ยิ่งคุณขับรถเร็วมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเท่านั้น
แล้ว “วิสัยทัศน์อุโมงค์” คืออะไร?
ปกติ สายตาคนเราจะมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าได้รอบทิศทาง 180 องศา แต่เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็ว องศาในการมองเห็น จะลดลง ยิ่งเร็วเท่าไหร่ การมองเห็นรายละเอียดจะยิ่งแคบลงมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น จากปกติ เราจะมีมุมการมองเห็นครบถ้วน 180 องศา แต่เมื่อเราขับรถด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มุมการมองเห็นของเราจะลดลงเหลือแค่ 100 องศา และถ้ารถวิ่งด้วยความเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราจะมองเห็นเพียง 40 องศา
สรุปว่า ยิ่งขับรถเร็ว มองไม่เห็นด้านข้าง ก่อให้เกิด “วิสัยทัศน์อุโมงค์” ที่การมองเห็นได้ชัดจะแคบลง อาจมองไม่เห็นอันตรายจากด้านข้าง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น
อย่าลืมว่า การมองเห็นด้านข้าง คือสิ่งสำคัญสำหรับคนขับรถ เพราะบนเส้นทางที่รถของเรากำลังแล่นไปด้วยความเร็วนั้น มีสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้อยู่มากมายตลอดรายทาง ซึ่งเราอาจจะมองไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น “ป้ายเตือนข้างทาง” ทั้งป้ายลดความเร็ว ป้ายบอกทางแยกและป้ายแจ้งจุดกลับรถเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ใช้ความระมัดระวัง
นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ บนท้องถนนอีกจำนวนมาก เช่น รถที่กำลังออกจากซอย คนที่ข้ามถนนหนทาง ร้านค้าริมทาง หรือในเขตชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน อาจจะมีเด็กๆ วิ่งเล่น หรือสุนัขวิ่งข้ามถนนไปมา สิ่งเหล่านี้สามารถจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้โดยไม่คาดคิด
หลายคนอาจจะบอกว่า ตัวเองมีสติ ควบคุมได้ ไม่มีปัญหา
แต่ใครจะรู้ว่าเราจะพลาดตอนไหนเมื่อไหร่ และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงด้วยความเร็วและการมองเห็นที่แคบลงด้วยแล้ว การ “พลาด” ยิ่งเกิดขึ้นง่าย
พลาด!...ไม่ทันเห็นป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ข้างทาง ที่จะช่วยเตือน “ลดความเร็ว" "ทางแยก" หรือ "โค้งอันตราย"
พลาด!...ไม่ทันเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างถนน ที่ต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น เช่น ตลาดนัดข้างทาง รถจอดริมทาง รถออกจากซอย
หรือ... พลาด!... ไม่ทันรู้ตัวว่าเข้าเขตชุมชน ต้องลดความเร็ว ต้องระวังมากขึ้น อาจมีคนข้ามถนน ร้านขายของริมทาง หรือแม้กระทั่งสุนัขที่อยู่ข้างทางและกำลังเดินมากลางถนน
ยิ่งขับรถเร็ว เรายิ่งมองไม่เห็นด้านข้าง และนั่นก็ยิ่งเสี่ยงต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้จำเป็นต้องหยุดรถกะทันหัน
แต่มั่นใจได้อย่างไรว่า เราจะสามารถหยุดรถได้ทันอย่างปลอดภัย
เพราะปกติ เราจะใช้เวลาเพียงแค่ 2 วินาทีในการตัดสินใจว่าจะเบรกหรือจะหลบไปทางไหนจนกระทั่งเท้าแตะเบรก เป็นสองวินาทีที่เสี่ยงอย่างที่สุด และยิ่งความเร็วมากขึ้น ยิ่งต้องการระยะหยุดรถที่มากขึ้นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใช้ความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณจะต้องเตรียมระยะทางเพื่อหยุดรถ 27 เมตร และใช้เวลา 2 วินาทีเพื่อทำสิ่งดังกล่าว โดยที่ 14 เมตรแรก ใช้เพื่อการตัดสินใจ และต้องใช้ระยะเบรกอีก 13 เมตรเพื่อหยุดรถให้สนิท แต่ถ้าเป็นความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณต้องเตรียมระยะหยุดรถ 87 เมตร คูณไปอีกเกือบ 3 เท่า
คิดดูว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์กะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว คุณจะหยุดรถทันไหมในความเร็วขนาดนั้น
จากอุบัติเหตุที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากความชะล่าใจ คิดว่าตนเองเอาอยู่ โดยเฉพาะกับเรื่องความเร็ว แต่การบาดเจ็บและสูญเสียจนถึงชีวิตแทบทุกครั้ง ก็บอกกับเราว่า มันเกิดขึ้นมาจากการขับขี่รถที่เร็วเกินไป และพลาด
ด้วยเหตุนี้ ก่อนจับพวงมาลัยและออกสตาร์ทครั้งต่อไป อยากให้ระลึกไว้ในใจเสมอว่า
ยิ่งขับเร็ว ยิ่งไม่เห็นด้านข้าง ยิ่งเสี่ยงตาย
“ลดเร็ว ลดเสี่ยง”