คุณผู้ชายทั้งหลายคงจะต้องเคยพบเจอกับความเชื่อที่ว่า “ถ้าไม่ได้ใส่กางเกงในนั้น จะมีโอกาสที่จะเกิดโรคไส้เลื่อนได้” ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนั้น ก็ส่งผลถึงความไม่มั่นใจให้กับเหล่าๆ คุณสุภาพบุรุษทั้งหลายอยู่สมควร แต่ความเชื่อนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะ “โรคไส้เลื่อน” หรือเปล่า เราไปดูคำตอบตั้งแต่บรรทัดต่อไปกัน
“โรคไส้เลื่อน” คืออะไร
โรคไส้เลื่อน คืออาการที่ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ อวัยวะภายใน หรือเนื้อเยื่อบางส่วนเคลื่อนตัวยื่นออกมานอกช่องท้อง จากบริเวณที่ผนังหน้าท้องไม่แข็งแรง อาจมีอาการเจ็บ หรือเห็นเป็นลักษณะก้อนๆ ยื่นออกมาให้เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกได้
โดยโรคไส้เลื่อนนี้ไม่ได้มีชนิดเดียว แต่มีอยู่หลายชนิด โดยแบ่งออกเป็นตำแหน่งที่เกิดไส้เลื่อน มีทั้งไส้เลื่อนบริเวณอัณฑะ ไส้เลื่อนบริเวณผนังหน้าท้องส่วนล่าง ไส้เลื่อนโคนขาหนีบ ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ ไส้เลื่อนจากแผลผ่าตัด ไส้เลื่อนกระบังลม หรือบริเวณอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่อาจจะพบได้น้อย ซึ่งโรคดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ชายจะมีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากมีพฤติกรรมที่รุนแรงต่อผนังหน้าช่องท้องมากกว่าผู้หญิง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเป็นไส้เลื่อน
-เกิดจากความผิดปกติของช่องท้องมาตั้งแต่กำเนิด อาจขาดกล้ามเนื้อท้องช่องบางส่วน ทำให้ลำไส้เลื่อนตัว ยื่นออกมานอกช่องท้อง บริเวณระหว่างช่องท้องกับลูกอัณฑะได้มากกว่าคนอื่นๆ
-อายุที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ผนังหน้าท้องเสื่อมลง จนขาดความแข็งแรง และลำไส้ยื่นออกมานอกช่องท้องได้
-เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงกับหน้าท้อง จนทำให้ผนังหน้าท้องบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหาย
-มีภาวะแรงดันในช่องท้องสูง จากการออกแรงยกของหน้า ไอหรือจามอย่างหนักบ่อยๆ มีการเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นประจำ จนทำให้มีแรงดันในช่องท้องบ่อยๆ เป็นสาเหตุให้ผนังช่องท่องด้านหน้าถูกทำลายอย่างช้าๆ
-ผนังช่องท้องมีความอ่อนแอหลังการผ่าตักเปิดหน้าท้อง เพราะเนื้อเยื่อในช่องท้องยังบอบบางและขาดความยืดหยุ่น ซึ่งหากแผลผ่าตัดเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไส้เลื่อนมากขึ้น
-สูบบุหรี่
-เป็นโรคอ้วน
และจากปัจจัยที่ว่ามา ทำให้ความเชื่อที่ว่าไม่ใส่กางเกงในจะทำให้เกิดโรคไส้เลื่อนนั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
อาการและผลของโรคไส้เลื่อน
สำหรับอาการของโรคนี้จะมีการปวดแบบตื้อๆ หน่วงๆ และเป็นๆ หายๆ หรือบางรายอาจจะไม่มีอาการปวดเลย แต่จะมีการพบก้อนเนื้อนูนๆ ออกมาบริเวณไส้เลื่อน
ส่วนผลของการเป็นโรคนี้ อาจจะอยู่ในภาวะลำไส้ขาดเลือด และอาจจะต้องทำการผ่าตัดทันที ซึ่งถ้าปล่อยให้มีอาการลำไส้ขาดเลือดนานๆ ก็จะทำให้ลำไส้เกิดอาการเนื้อตายและเน่า จนเกิดภาวะแทรกซ้อน จนติดเชื้อในกรแสเลือดและเสียชีวิตได้
วิธีป้องกันโรคไส้เลื่อน
-ควบคุมร่างกายไม่ให้มีแรงดันภายในช่องท้องมากเกินไป โดยหยุดอาการไอและจามเรื้อรัง และไม่ออกแรงยกของหนักเกินกำลังอยู่บ่อยๆ
-ระมัดระวังในการออกกำลังกาย โดยไม่ทำให้ผนังช่องท้องด้านหน้าเกิดอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ
-หากเพิ่งได้รับการผ่าตัดมา ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
-รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้ที่เพิ่มกากใยอาหาร เพื่อลดอาการท้องผูก
-หากมีอาการผิดปกติ ในบริเวณท้อง เช่น ท้องผูกบ่อย ปวดท้อง หรือพบก้อนเนื้อนูนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด
“โรคไส้เลื่อน” คืออะไร
โรคไส้เลื่อน คืออาการที่ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ อวัยวะภายใน หรือเนื้อเยื่อบางส่วนเคลื่อนตัวยื่นออกมานอกช่องท้อง จากบริเวณที่ผนังหน้าท้องไม่แข็งแรง อาจมีอาการเจ็บ หรือเห็นเป็นลักษณะก้อนๆ ยื่นออกมาให้เห็นได้ชัดเจนจากภายนอกได้
โดยโรคไส้เลื่อนนี้ไม่ได้มีชนิดเดียว แต่มีอยู่หลายชนิด โดยแบ่งออกเป็นตำแหน่งที่เกิดไส้เลื่อน มีทั้งไส้เลื่อนบริเวณอัณฑะ ไส้เลื่อนบริเวณผนังหน้าท้องส่วนล่าง ไส้เลื่อนโคนขาหนีบ ไส้เลื่อนบริเวณสะดือ ไส้เลื่อนจากแผลผ่าตัด ไส้เลื่อนกระบังลม หรือบริเวณอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่อาจจะพบได้น้อย ซึ่งโรคดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ผู้ชายจะมีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากมีพฤติกรรมที่รุนแรงต่อผนังหน้าช่องท้องมากกว่าผู้หญิง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเป็นไส้เลื่อน
-เกิดจากความผิดปกติของช่องท้องมาตั้งแต่กำเนิด อาจขาดกล้ามเนื้อท้องช่องบางส่วน ทำให้ลำไส้เลื่อนตัว ยื่นออกมานอกช่องท้อง บริเวณระหว่างช่องท้องกับลูกอัณฑะได้มากกว่าคนอื่นๆ
-อายุที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ผนังหน้าท้องเสื่อมลง จนขาดความแข็งแรง และลำไส้ยื่นออกมานอกช่องท้องได้
-เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงกับหน้าท้อง จนทำให้ผนังหน้าท้องบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหาย
-มีภาวะแรงดันในช่องท้องสูง จากการออกแรงยกของหน้า ไอหรือจามอย่างหนักบ่อยๆ มีการเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะเป็นประจำ จนทำให้มีแรงดันในช่องท้องบ่อยๆ เป็นสาเหตุให้ผนังช่องท่องด้านหน้าถูกทำลายอย่างช้าๆ
-ผนังช่องท้องมีความอ่อนแอหลังการผ่าตักเปิดหน้าท้อง เพราะเนื้อเยื่อในช่องท้องยังบอบบางและขาดความยืดหยุ่น ซึ่งหากแผลผ่าตัดเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไส้เลื่อนมากขึ้น
-สูบบุหรี่
-เป็นโรคอ้วน
และจากปัจจัยที่ว่ามา ทำให้ความเชื่อที่ว่าไม่ใส่กางเกงในจะทำให้เกิดโรคไส้เลื่อนนั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด
อาการและผลของโรคไส้เลื่อน
สำหรับอาการของโรคนี้จะมีการปวดแบบตื้อๆ หน่วงๆ และเป็นๆ หายๆ หรือบางรายอาจจะไม่มีอาการปวดเลย แต่จะมีการพบก้อนเนื้อนูนๆ ออกมาบริเวณไส้เลื่อน
ส่วนผลของการเป็นโรคนี้ อาจจะอยู่ในภาวะลำไส้ขาดเลือด และอาจจะต้องทำการผ่าตัดทันที ซึ่งถ้าปล่อยให้มีอาการลำไส้ขาดเลือดนานๆ ก็จะทำให้ลำไส้เกิดอาการเนื้อตายและเน่า จนเกิดภาวะแทรกซ้อน จนติดเชื้อในกรแสเลือดและเสียชีวิตได้
วิธีป้องกันโรคไส้เลื่อน
-ควบคุมร่างกายไม่ให้มีแรงดันภายในช่องท้องมากเกินไป โดยหยุดอาการไอและจามเรื้อรัง และไม่ออกแรงยกของหนักเกินกำลังอยู่บ่อยๆ
-ระมัดระวังในการออกกำลังกาย โดยไม่ทำให้ผนังช่องท้องด้านหน้าเกิดอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ
-หากเพิ่งได้รับการผ่าตัดมา ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง
-รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผักผลไม้ที่เพิ่มกากใยอาหาร เพื่อลดอาการท้องผูก
-หากมีอาการผิดปกติ ในบริเวณท้อง เช่น ท้องผูกบ่อย ปวดท้อง หรือพบก้อนเนื้อนูนผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด
