xs
xsm
sm
md
lg

พ.ร.บ.บุหรี่ฉบับใหม่ มุ่ง “ลดนักสูบวัยเด็ก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัจจุบันมีเด็กไทยอายุต่ำกว่า 18 ปี ติดบุหรี่แล้ว 400,000 คน แต่ละปีมีเด็กติดบุหรี่ใหม่ถึง 100,000 คน และ 7 ใน 10 คนจะเลิกไม่ได้ไปตลอดชีวิต…

นอกจากความห่วงใยของทุกคนในสังคม และการรณรงค์ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่มุ่งหวังให้คนไทยสูบบุหรี่น้อยลงแล้ว อีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือ “ลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน อายุต่ำกว่า 18 ปี” เพราะจากการสำรวจทางพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ส่วนใหญ่นักสูบจะเริ่มต้นสูบบุหรี่กันตั้งแต่วัยเรียน …และจากมวนแรก ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะมีมวนสุดท้าย…

พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ฉบับใหม่ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่ง ชาติ (สนช.) มีประเด็นหลักคือ “สกัดกั้นการเข้าถึงบุหรี่ของเด็ก

อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเดี๋ยวนี้บุหรี่ราคาแพงขึ้นมาก จะซื้อบุหรี่หนึ่งซองนี่ต้องกำแบงค์ร้อยไป เป็นเด็กมีเงินน้อยก็อาศัยซื้อบุหรี่แบบแบ่งขาย ซื้อกันทีละมวนสองมวน ห้าบาทสิบบาทยังพอเจียดค่าขนมมาซื้อกันได้ หากกฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่แบบแบ่งขายเกิดขึ้นเร็วเท่าไร โอกาสในการเข้าถึงบุหรี่ของเด็ก ในวัยเรียนก็จะลดลงเร็วขึ้นเท่านั้น

พ.ร.บ.ฉบับใหม่ จะห้ามร้านค้าปลีกขายบุหรี่แบบแบ่งซอง เพราะมีการสำรวจแล้วว่า มีเด็กอายุ 15-18 ปี จำนวน 236,225 คนที่ซื้อบุหรี่แบ่งขาย และบุหรี่แบ่งขายนี้เองคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กๆ ทดลองสูบจนเกิดเป็นการเสพติดบุหรี่ ซึ่ง 70% ของเด็กที่เริ่มสูบจะสูบไปตลอดชีวิต ขณะนี้ 97 ประเทศทั่วโลก มีกฎหมายห้ามแบ่งซองบุหรี่เป็นรายมวนแล้ว รวมทั้งเพื่อนบ้านของเราอย่างลาว เมียนมาร์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมไปถึงการควบคุมรูปแบบการส่งเสริมการตลาดแบบใหม่ๆ ของบริษัทบุหรี่ เพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชนอีกด้วย

หากกฎหมายนี้ผ่านสภาฯ จะมีผลกระทบกับใครบ้าง…?
สุขภาพคนไทยและเด็กไทย…มีผลดีมากขึ้นเกินกว่าจะประเมิณค่าได้ ปัจจุบันคนไทยสูบบุหรี่ถึง 11 ล้านคน และบุหรี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วย และเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร โดยคนสูบบุหรี่จะอายุสั้นกว่าคนปกติถึง 12 ปี

ร้านค้าปลีก…แทบไม่ได้รับผลกระทบ เพราะรายได้จากการขายบุหรี่ไม่ใช่กำไรหลักของร้าน โชว์ห่วยอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่กระทบกับรายได้ในภาพรวม

ผู้ผลิตและผู้นำเข้าบุหรี่…ขณะนี้โรงงานยาสูบไทยมีกำไรประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท และ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส ประเทศไทย มีกำไรประมาณปีละ 3,000 ล้านบาท สมมุติว่ากฎหมายใหม่ นี้มีผลทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลง 10% จะทำให้โรงงานยาสูบทำกำไรลดลง ปีละ 600 ล้านบาท และกำไรของฟิลลิป มอร์ริส ลดลงปีละ 300 ล้านบาท แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมีกำไรรวมกันถึงปีละ ประมาณ 8,000 ล้านบาทอยู่ดี นั่นหมายถึง ขาดทุนกำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

…ไม่อยากให้ลูกหลานคุณกลายเป็น “นักสูบวัยเด็ก” มาร่วมกันทำให้ “บุหรี่มวนแรก” เป็นเรื่องยากขึ้นกันเถอะ!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น