แนว แอ็คชันผจญภัยเอาตัวรอด
ระบบ PC (Steam / Epic Games Store)
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
***รูปประกอบเป็นภาพกราฟิกระดับ Low ปรับต่ำสุด***
นี่คือผลพวงของการไว้ใจคนอื่นและพยายามเร่งดันขายให้ทันกระแสซีรีส์หนังที่กำลังโด่งดัง จึงออกมาเป็นเกม โซนี่ ที่มีคะแนนต่ำสุดตลอดชีวิตการรีวิวเกมของเรา
สำหรับ The Last of Us Part I นั้นมันเป็นเกมเวอร์ชันรีเมคฉบับสร้างใหม่ที่เราเคยรีวิวมาแล้วหนหนึ่งเมื่อครั้งตอนที่มันลงให้กับเครื่องคอนโซล เพลย์สเตชัน 5 ดังนั้นเราจึงขออนุญาตข้ามในส่วนของเนื้อหาและเกมเพลย์ไปไม่อยากพูดถึงมันซ้ำสอง ถ้าหากใครสนใจก็สามารถคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหารีวิวเก่าๆได้ตามลิงค์ที่เราแปะไว้ด้านล่าง เพราะว่าการรีวิวในครั้งนี้จะเป็นลักษณะบอกเล่าถึงประสบการณ์และปัญหาต่างๆที่พบเจอในเวอร์ชันพีซี ออกไปในเชิงมาจับเข่านั่งคุยบ่นก่นด่าให้ฟังซะมากกว่า
คลิกอ่านรีวิวเกม The Last of Us Part I เวอร์ชัน PS5
เริ่มต้นด้วยปัญหาแรกที่ทุกคนต้องประสบพบเจอเมื่อเปิดเกมนี้ขึ้นมา นั่นคือกระบวนการ Building Shader ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติพบได้ทั่วไปในเกมพีซีสมัยใหม่ที่ต้องสร้างเชดเดอร์ให้เสร็จสรรพก่อนถึงจะสามารถเข้าเล่นได้ แต่เกมนี้กลับเลือกใช้วิธีที่ไม่ปกติด้วยการเปิดโอกาสให้เราเข้าเล่นเกมได้ทันที ในระหว่างที่ระบบกำลังทำงานสร้างเชดเดอร์อยู่เบื้องหลัง นั่นเองจึงเป็นที่มาของอาการกระตุก ภาพค้างขณะเล่น เพราะขั้นตอนนี้มันกินทรัพยากรเครื่องพีซีส่งผลให้รันเกมได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และที่น่าเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งกว่าคือกระบวนการสร้างเชดเดอร์ของเกมนี้มันกินเวลานานโคตรหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจงเตรียมทำใจไว้เลยว่าประสบการณ์การเล่นเกมในช่วงแรกๆมันจะเป็นอะไรที่ย่ำแย่แม่ไม่ปลื้ม ต้องยอมฝืนทนกันไปจนกว่าระบบจะสร้างเชดเดอร์เสร็จ (แต่ใช่ว่าสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วอาการกระตุกทั้งหมดจะหายไปนะ อ้าว!?)
ปัญหาลำดับต่อมาที่น่าจะกวนใจใครหลายๆคนนั่นคือ ฉากโหลดที่ยืดยาวรอนานมาก โดยเฉพาะตอนโหลดเข้าเล่นเกมครั้งแรกที่กินเวลายาวนานถึง 7 นาที ทั้งๆที่เราเลือกอินสตอลติดตั้งตัวเกมลงบนหน่วยความจำ SSD ที่เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วกว่า HDD จานหมุนปกติแล้วก็ตาม หนำซ้ำเมื่อกด Skip ข้ามฉากสนทนาคัทซีนคุณก็ต้องเสียเวลารอมันโหลดอีกประมาณหนึ่งนาทีไม่สามารถเล่นต่อเนื่องได้ทันที ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้นานเท่าตอนโหลดเข้าเกมครั้งแรก แต่ก็ถือว่านานผิดวิสัยกว่าเกมยุคสมัยใหม่ในปัจจุบันอยู่ดี ไม่รู้ว่านี่เกี่ยวข้องกับปัญหาสร้างเชดเดอร์ยังไม่เสร็จตามที่เขียนบ่นไปย่อหน้าบนด้วยหรือเปล่า? เพราะหลายคนพบเจอ แต่บางคนกลับไม่เจอ ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใดกันแน่ที่ทำให้ตัวเกมถึงได้โหลดช้าขนาดนี้
ตัวเกมฉบับพีซีจะมีฟีเจอร์เหมือนกันกับเวอร์ชันคอนโซลทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าตัวช่วยการเข้าถึง Accessibility ต่างๆ อาทิ ลูกเล่นชะลอเวลาขณะเล็ง คลื่นเสียงโซนาร์สแกนหาศัตรูและวัตถุ ไปจนถึงเนื้อหาเสริม Left Behind บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของเอลลี่ที่สามารถเข้าเล่นได้ทันทีที่หน้าเมนู รวมถึงการเพิ่ม ซับไตเติ้ลคำแปลภาษาไทย เข้ามาเพื่อเอาใจคอเกมในบ้านเรา ที่เห็นแตกต่างไปจากเดิมคงเป็นเรื่องการบังคับควบคุมด้วยเมาส์-คีย์บอร์ด ที่โผล่ขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งออพชั่นทางเลือกสำหรับคนที่ไม่มีคอนโทรลเลอร์ เท่าที่ลองก็ถือว่าแม็พปุ่มมาได้อย่างโอเคเล่นง่ายถึงแม้ว่าปุ่มคีย์ WASD มันจะไม่ได้ละเอียดแม่นยำอะไรนัก กดเดินหน้าทีตัวละครก็พุ่งตรงดิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงจุดนี้หากใครรู้สึกว่าตัวละครเดินไวไปกลัวศัตรูจะได้ยิน ก็สามารถกดปุ่ม Ctrl ซ้ายควบคู่ไปด้วยกันเพื่อสั่งให้ตัวละครเดินช้าลงได้
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์จากทาง AMD ที่เรานำมาใช้ทดสอบตัวเกมนั้น สเปคภายในประกอบไปด้วย ซีพียู AMD RYZEN 5 5500, การ์ดจอ ASUS TUF RX 6500 XT GAMING 4GB GDDR6, แรม G.SKILL SNIPER-X 16GB BUS3600 และหน่วยความจำแบบ SSD M.2 WD ทั้งหมดถูกติดตั้งลงบนเมนบอร์ด ASUS TUF GAMING A520M-PLUS
จากสเปคข้างต้นถือว่าผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่ตัวเกมกำหนดแบบฉิวเฉียด ยังพอเล่นถูไถไปได้ที่ความละเอียดภาพ 1080p เฟรมเรตวิ่งอยู่ที่ประมาณ 40-50 fps เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ AMD FSR 2 ควบคู่ช่วยด้วยอีกแรง เพียงแต่ต้องปรับตัวเลือกกราฟิกทุกอย่างให้เป็น Low ต่ำสุด องค์ประกอบเสริมความสมจริงทุกสิ่งทั้งแอนิเมชันฟิสิกส์การเคลื่อนไหวและแสงเงาตกกระทบต้องปิดให้หมดเพื่อให้เกมเพลย์ยังคงลื่นไหลดูสมูธในระดับที่พอรับได้ ซึ่งคุณภาพของฉากหลังแวดล้อม เท็กซ์เจอร์พื้นผิว และโมเดลตัวละครก็เป็นไปตามภาพสกรีนช็อตที่ทุกคนได้เห็นกันรายละเอียดค่อนข้างหยาบไม่ค่อยน่าดูชมนัก หากใครอยากสัมผัสความสวยงามทัดเทียมกับเครื่องคอนโซล PS5 เล่นได้ลื่นๆระดับ 4K ก็คงต้องขยับอัปเกรดไปเป็น RX 7900XT หรือ RTX 4080 กันละ
ถึงจะมีเรื่องน่าปวดหัวให้บ่นเยอะแยะ แต่เรื่องดีๆของเกมเวอร์ชันพีซีก็มีเหมือนกันนะ อย่างการที่ตัวเกมรองรับสนับสนุนมอนิเตอร์จอกว้างทั้งแบบ Ultra Wide (21:9) และ Super Ultra Wide (32:9) ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ไฮไลท์พลิกเกมสำคัญหรือที่ฝรั่งเรียกว่า Game Changer สำหรับเรา เพราะอย่างที่เคยรีวิวไปเมื่อครั้งตอนเวอร์ชัน PS5 ว่า AI ศัตรูของเกมฉบับรีเมคใหม่นี้จะถูกปรับปรุงให้ฉลาดขึ้นกว่าออริจินอล พวกมันจะกระจายกำลังออกค้นหาพยายามหาทางตีโอบเราอยู่เสมอ มิได้เดินดุ่มๆพุ่งตรงดิ่งมาหาเราแบบเมื่อก่อน บางครั้งอาจมีพวกมันโผล่มาขนาบด้านซ้าย ด้านขวา หรือแอบย่องมาทางด้านหลัง ดังนั้นด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นจึงช่วยให้เราสามารถมองเห็นตำแหน่งและทิศทางการเดินของพวกมันทุกตัวบนจอ พร้อมกับเลือกแผนรับมือที่ถูกต้องได้อย่างเหมาะสม อารมณ์เหมือนกำลังเล่นเกมวิ่งไล่จับฉบับดิบโหดที่โคตรสนุก!
แต่ก็อีกนั่นแหละ สืบเนื่องจากบัคและปัญหาทางเทคนิคมากมายของเกมที่ต้องใช้เวลาปรับจูนแก้กันไปทีละเปลาะ ฉะนั้นจงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยว่าคุณจะต้องผจญกับมรสุมแพทช์อัปเดตที่เรียงแถวจ่อคิวมาเป็นตับ ขนาดใหญ่บ้าง เล็กบ้างแล้วแต่โอกาส ซึ่งด้วยความที่เกมสตีมสมัยนี้เวลาอัปเดตแพทช์ใหม่มักให้เราต้องติดตั้งลงใหม่ทั้งเกม ยิ่งเกมนี้กินขนาดพื้นที่กว่า 70GB เวลาอัปเดตทีก็รอไปเหอะเป็นชั่วโมง ชีวิตคุณจะเวียนวนลูปกับแพทช์อัปเดตอยู่แบบนี้ไปจนกว่าคุณภาพของเกมจะดีขึ้นอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจคล้ายๆกับกรณีของเกม Cyberpunk 2077 ดังนั้นถ้าใครอยากถนอม SSD ไม่อยากหงุดหงิดเสียสุขภาพจิตก็ควรอดทนสักหนึ่งปีรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยสอยมาเล่นน่าจะดีที่สุด
"The Last of Us Part I ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงชอบรีวิวเกมคอนโซลเป็นหลัก ไม่ค่อยอยากรีวิวเกมบนพีซีสักเท่าไหร่ เพราะคิดเสมอว่าเราที่เป็นลูกค้าจ่ายเงินซื้อเกมมาเพื่อเล่น มิใช่ซื้อมาเพื่อนั่งปรับแต่งรอลุ้นว่าจะเล่นได้หรือไม่ ถึงราคาเกมบนคอนโซลจะแปะป้ายขายแพงกว่า แต่มันคือราคาส่วนต่างที่เรายอมจ่ายเพื่อแลกกับความสบายใจไร้กังวล คล้ายจ่ายเบี้ยประกันเพื่อป้องกันเหตุผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้เสมือนดั่งบทเรียนเคสล่าสุดนี้ของทาง โซนี่ ที่จะกลายเป็นตราบาปฝังลึกในใจพวกเขา รวมทั้งเหล่าเกมเมอร์ชาวพีซีผู้เฝ้ารอคอยสัมผัสเกมนี้มาร่วมทศวรรษไปอีกนานแสนนาน"
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 8 |
เสียง | 8 |
Performance | 3 |
ความคุ้มค่าน่าซื้อหา | 5 |
ภาพรวม | 6.4 |
ข้อดี: เกมเพลย์ตื่นเต้นเร้าใจ, แปลไทยได้เยี่ยมยอด, AI ศัตรูฉลาดแสนรู้สู้สนุกขึ้น, จอกว้างช่วยให้มองเห็นทุกสิ่งอย่าง และเรื่องราวที่ยังคงเป็นตำนาน
ข้อเสีย: กระบวนการสร้างเชดเดอร์ไม่เสร็จไม่สิ้นสักที, โหลดเข้าเกมนานโคตรแม้อินสตอลผ่าน SSD, ภาพกระตุกเป็นช่วงๆเล่นแล้วชวนหงุดหงิด, ติดบัค-ปัญหาทางเทคนิคมากมาย, ตัวเกมมีขนาดใหญ่อัปแพทช์ทีเป็นชั่วโมง, สูบทรัพยากรเยอะเกมหลักพันใช้คอมหลักแสน, ภาพกราฟิกเมื่อปรับ Low สุดอุบาทว์ลูกตา, Optimize มาได้แย่เหมือนงานเผารีบขาย และคล้ายระเบิดเวลาชั้นดีที่คอยลดอายุขัยเครื่องพีซี
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ Sony Interactive Entertainment (SIE)
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*