xs
xsm
sm
md
lg

Review: Project CARS 3 แหกกฎซิ่ง ติ่งหนีหาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แนว ขับรถ
ระบบ PS4, Xbox One, PC
เรตเกม PEGI: 3 เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกวัย

ภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์เกมเรซซิ่งเจ้าปัญหา “โปรเจกต์ คาร์ส” ที่คุณภาพงานหยาบกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนแฟนคลับเอือมระอาเสื่อมศรัทธา บอกลาเลิกเล่นลดจำนวนไปอย่างน่าใจหาย

สำหรับเกม Project Cars 3 ยังคงเป็นผลผลิตของทีมงาน Slightly Mad Studios ทีมพัฒนาหน้าเดิมที่เคยทำสองภาคแรก โดยการกลับมาในคราวนี้จะไม่ใช่โปรเจกต์ระดมทุนเหมือนอย่างทุกที เพราะทางค่ายยักษ์ใหญ่ใจดี Codemasters ได้เล็งเห็นอะไรบางอย่างและตัดสินใจดึงพวกเขาเข้ามาร่วมอยู่ในสังกัด พร้อมออกทุนในการพัฒนาเกมเรซซิ่งดังกล่าว รวมถึงไว้เนื้อเชื่อใจให้รับผิดชอบทำเกมจากหนัง Fast & Furious ในเวลาเดียวกัน ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ได้ตอบแทนน้ำใจผู้มีพระคุณได้อย่างแสบสันถึงทรวง

แค่ 5 ปีมีมาแล้วถึงสามภาค ธรรมดาที่ไหน
สาเหตุที่เราต้องพูดแรงขนาดนั้น เพราะผลงานเกมเรซซิ่งภาคล่าสุดของพวกเขาที่เพิ่งปล่อยลงเครื่องพีซีและคอนโซล มันไม่ได้มีความแตกต่างอะไรมากนักจากเกมที่เปิดให้ดาวน์โหลดเล่นฟรีบนสมาร์ตโฟน ทั้งเรื่องคุณภาพโดยรวม ความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อย ไปจนถึงประสบการณ์การเล่นของมันที่ช่างเหมือน เกมโมบาย โดยเฉพาะโหมดอาชีพ Career หลักที่เน้นให้ผู้เล่นไล่เคลียร์เงื่อนไขเก็บสะสมภารกิจเป้าหมายในแต่ละสนามให้ได้ครบตามจำนวนที่กำหนด เพื่อปลดล็อคทัวร์นาเมนท์รายการแข่งขันต่อไป ซึ่งดูคล้ายกับการนั่งเก็บเหรียญสะสมดาวในเกมมือถือไม่มีผิดเพี้ยน

เก็บดาวให้ครบเพื่อไปต่อ หรือผ่านได้ถ้ามีตังค์ ฟังคุ้นๆมั้ย?
หัวใจสำคัญของเกม คือการเล่นฟาร์มเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ยกระดับเลเวลนักขับของเราขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเคลียร์เงื่อนไขเราก็จะยิ่งได้ค่า Exp โบนัส อัพเลเวลได้ไวขึ้น โดยในทุกระดับขั้นย่อยจะมีการมอบเงิน Credits ให้ผู้เล่นไปจับจ่ายใช้สอยถอยรถยนต์คันใหม่ อัปเกรดรถคันเก่าให้แรงขึ้น หรือหากใครเกียจคร้านไม่อยากทนเล่นมันทุกด่าน ก็สามารถเอาเงินนี้ไปซื้อปลดล็อคการแข่งขันข้ามไปเล่นอีเวนท์ที่ตนต้องการได้เลยทันที ซึ่งตัวระบบที่ถูกออกแบบมาให้เงินตราเป็นเส้นลัดใบเบิกทางเหมือนเกมมือถือนี้ มันก็มีข้อดีอย่างตรงที่คุณสามารถไปเล่นโหมดมัลติเพลย์เยอร์ก่อน แล้วค่อยมาซื้อปลดล็อคด่านแคมเปญที่ตนอยากเล่นจริงได้ๆ ไม่ต้องเสียเวลาไต่เต้าเริ่มจากศูนย์ทนใช้รถบุโรทั่งอย่างที่เคยเป็นมา

แฟนๆที่เคยสัมผัสเกม Project Cars มาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ อาจมีมึนงงรู้สึกช็อกประหลาดใจกับคอนเซปต์ที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าในเกมภาคสามนี้ ที่โยนทิ้งเอกลักษณ์จุดขายความเป็นเกมซิมูเลชัน หันมาเอาใจกลุ่มผู้เล่นตลาดแมสด้วยการขับขี่สไตล์อาร์เขต ซิ่งชนดะเบียดแซะดันคันหน้าตกขอบออกนอกสนามได้อย่างเมามันสะใจไม่ผิดกติกา แถมยังสามารถเหยียบมิดเบรคลึกได้ทุกโค้งโดยไม่ต้องห่วงพะวงว่ายางจะสึกหรอ ต่อให้ขับกี่รอบก็ไม่ต้องแวะเข้าพิทเติมน้ำมัน กฎอย่างเดียวภายในเกมที่เรามองว่าค่อนข้างซีเรียสจริงจังคงเห็นจะเป็นเรื่องกฎข้อห้ามขับลัดสนาม เผลอแฉลบแตะพื้นหญ้านิดหน่อยเป็นโดนลงโทษดับเครื่องยนต์ หรือในกรณีแข่งจับเวลาจะถือว่าเป็นโมฆะในรอบนั้นทันที ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกพิลึกพิลั่น เมื่อเทียบกับวีรกรรมความวินาศสันตะโรอื่นๆที่เราได้ก่อขึ้นบนทัองถนน

การขับขี่สไตล์อาร์เขต ไม่ต้องสนชนให้ยับ!
แม้กลุ่มตลาดเป้าหมายหลักที่ตัวเกมเน้นเจาะ จะเป็นกลุ่มเกมเมอร์สายแคชชวลตะบี้ตะบันขับขี่เอามันสนุกเข้าว่า แต่ถึงอย่างไร เหล่าผู้เล่นมือใหม่หัดขับ ก็อย่าเพิ่งหลงดีใจคิดว่าตนจะสามารถตีเนียนไปแข่งท้าดวลกับเหล่าขาเซียนได้สบายสูสี เนื่องด้วยในภาคนี้ทางทีมผู้พัฒนาได้ตัดสินใจนำตัวช่วยเส้นประ Racing Line ที่เคยมีมาตลอดออกไปจากเกม แล้วทดแทนด้วยการปักป้ายไอคอน 3 จุดตรงบริเวณทางโค้ง เพื่อบอกแจ้งเตือนช่วงไหนควรผ่อน(สีแดง) ตรงไหนคือหัวโค้งควรหักพวงมาลัย(สีส้ม) และเมื่อไหร่ควรเร่งออก(สีฟ้า) แต่กลับไม่บอกความเร็วที่เหมาะสมในการเข้าโค้งนั้นๆ ยิ่งแข่งในสนามที่โค้งคดเคี้ยวมองลำบากการปักป้ายแค่ 3 จุดอาจไม่เพียงพอ สุดท้ายก็ต้องหันมาพึ่งพา มินิแมพ คอยเหลือบมองหน้าจอซ้ายล่างอยู่ตลอดเพื่ออ่านโค้งข้างหน้าเหมือนเดิม ฟังดูแล้วช่างย้อนแย้งขัดกับตีมคอนเซปต์เสียนี่กระไร

ไอคอน 3 สีแจ้งเตือนบอกโค้ง

อ้าวมาบังทำไมละเฮีย แล้วจะมองเห็นมั้ยเนี่ย
AI คู่แข่งในสนาม ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่โดนตำหนิไม่น้อย เพราะพวกมันทำได้เพียงแค่ขับๆไปให้จบสนามตามคำสั่งโปรแกรมที่ถูกเขียนกำหนดมา ไม่สามารถพลิกแพลงคิดอะไรได้เอง เกาะติดตามกันไปพอใจกับอันดับของตน ไม่คิดพยายามเร่งเบียดแซง หรือขับเสี่ยงเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง แค่ขับๆไปตามหน้าที่แบบไร้ชีวิตชีวา ฉะนั้นแล้วอย่าหวังว่าจะได้เห็นฉากอุบัติเหตุพลิกคว่ำหรือการแข่งขันที่ดุเดือดตื่นเต้นเร้าใจในเกมนี้ คงจะมีก็แต่เราเองที่ขับพลาดไล่บี้เหยียบมิดจริงจังอยู่คันเดียว เสมือนหนึ่งเป็นตัวประหลาด “อากาศธาตุ” ที่บังเอิญหลงเข้ามาในกิจวัตรประจำวันของพวกมัน

พูดถึงเรื่อง ภาพกราฟิก ในแวบแรกที่เห็นคงไม่มีใครอยากเชื่อสายตาตัวเองว่า นี่คือเกมที่ทำลงเครื่องคอนโซล เพราะทั้งหยาบทั้งเหลี่ยมเต็มไปด้วยรอยแตกหยัก ตั้งแต่โมเดลรถแข่งยันป้ายโฆษณาข้างสนาม เงาสะท้อนแสงไฟอะไรก็ดูธรรมดาทำขึ้นมาแบบง่ายๆ ฟีเจอร์ HDR บนคอนโซลมีก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ ดูมุมไหนมองยังไงก็ไม่เห็นความสวยงามชวนน่าประทับใจเลยสักนิด หยิบจับขึ้นมาเล่นทีไรเป็นรู้สึกอยากปิดเกมแล้วไปหาอะไรอย่างอื่นทำที่เจริญหูเจริญตากว่า ระยะเวลาโหลดแต่ละสนามก็ค่อนข้างนาน เอาตรงๆกราฟิกภาคนี้เลวร้ายกว่าตัวเกมภาคแรกเสียอีก พูดไปก็งงใจไม่รู้พวกเขาซุ่มพัฒนากันอีท่าไหนถึงได้ภาพออกมาแย่กว่า ทั้งๆที่เอนจิ้นก็ใช้ตัวเดียวกัน แย่มากจนถึงขนาดหลายคนเอาไปเปรียบเทียบกับเกมมือถือ ซึ่งเรามองว่ามันไม่แฟร์ยุติธรรมเลย เพราะปัจจุบันเกมมือถือได้ก้าวไปไกลดูสวยงามน่าเล่นกว่านี้เยอะ

เหลี่ยมจัด ประหยัดจริง
อันที่จริง เกมนี้มีความผิดปกติอีกมากที่ซุกซ่อนอยู่รอให้คุณได้พบเจอ หากให้ร่ายยาวทั้งหมดวันนี้คงไม่จบ ดังนั้นเราจึงจะขอหยิบยกตัวอย่างบางส่วนที่เห็นได้ชัด เช่น การแต่งรถในเกมที่จำกัดแค่เลือกสีลวดลาย ล้อแม็ก และยางเท่านั้น จะหมุนมุมกล้องตรวจสอบสิ่งที่เราแต่งรอบคันก็ทำไม่ได้ ครั้นพอแต่งเสร็จจะลงแข่งขัน ตัวเกมก็ไม่ยอมโหลดลวดลายที่เราแต่งให้ในทันที ต้องทนใช้สีพื้นจากโรงงานไปก่อนหนึ่งสนาม สนามต่อไปลวดลายถึงจะค่อยปรากฏแสดงผล บางทีเล่นๆอยู่ภาพก็ล่มกลายเป็นฉากแบคกราวน์ขาวดำ หรือแต่งรถอยู่ดีๆเกมก็ Crash เด้งเข้าสู่หน้าจอโฮมของเครื่อง PS4 ซึ่งปัญหาต่างๆเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากความไม่ละเอียดรอบคอบ ไม่ตรวจสอบเทสต์ตัวเกมให้ดีก่อนวางจำหน่าย อันเป็นนิสัยเสียติดตัวแก้ยากของทีมงาน Slightly Mad Studios มาแต่ไหนแต่ไร และเชื่อว่ามันจะถูกปล่อยละเลยทิ้งไว้ไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนเช่นผลงานที่ผ่านๆมา


"หากกล่าวถึงผลงานแจ้งเกิดน่าจดจำของ Slightly Mad Studios และเป็นสิ่งที่เหล่าขาซิ่งทั่วโลกเฝ้ารอคอยจากพวกเขา มันคงหนีไม่พ้น Need for Speed: Shift อีกหนึ่งเกมขับรถในตำนานที่ไม่ได้รับการสานต่อจิตวิญญาณ อันเป็นส่วนผสมจุดกึ่งกลางที่ลงตัวระหว่างแนวซิมูเลชั่นและอาร์เขต มิได้เทหนักไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งตัวเกม Project CARS ทั้งสามที่ปล่อยออกมากลับไม่มีภาคไหนเลยที่มอบประสบการณ์ความรู้สึกใกล้เคียงสิ่งเหล่านั้น และเราคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาควรจะไตร่ตรองลองมองย้อนกลับไปค้นหาตัวตนในอดีต ซึ่งผลลัพธ์มันก็น่าจะดีกว่าการพยายามเสแสร้งแกล้งลืมฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่หนทางถนัดของตัวเอง"

เกมการเล่น5
กราฟิก5
เสียง5
ความคิดสร้างสรรค์6
ภาพรวม5.3


ข้อดี : สนามแข่งขันค่อนข้างเยอะ, ปลดอีเวนท์ที่อยากเล่นได้ไม่ต้องไล่เรียงตามลำดับ และมีหลากรถหลายยี่ห้อดังทั้งเก่า-ใหม่ให้เลือกขับ
ข้อเสีย : กราฟิกดูด้อยค่าเกมโมบายยังสวยกว่า, ฟีลอารมณ์เหมือนเล่นเกมขับรถบัมพ์ชนกันไม่ผิดกติกา, AI คู่แข่งขาดแรงจูงใจไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับผู้เล่น, สัญลักษณ์ไอคอนบอกโค้งแบบใหม่ไม่ได้ช่วยอะไรนัก, ตัวเลือกปรับแต่งรถยนต์ที่จำกัด, เต็มไปด้วยบัคข้อผิดพลาด และโหมดออนไลน์ที่เงียบเหงาราวป่าช้า

Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Bandai Namco Entertainment










*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*












กำลังโหลดความคิดเห็น