xs
xsm
sm
md
lg

Review: Marvel’s Spider-Man ยอดยุทธ์ มนุษย์ไต่ใย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แนว แอ็คชั่น
ระบบ PS4
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป

การกลับมาของ ยอดฮีโร่ผู้พิทักษ์ชุมชน ที่สมบูรณ์แบบ และสนุกยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนเราต้องยกให้มันเป็นเกมสไปดี้หนึ่งเดียวในโลก ที่ควรค่าแก่ตราสัญลักษณ์ "มาร์เวล"

เชื่อว่าเกมเมอร์หลายคน คงเคยผ่านประสบการณ์ และมีภาพจำติดตาฝังใจกันมาบ้าง กับเกม "สไปเดอร์แมน" ในแบบฉบับของทาง Activision บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ที่ในอดีตเคยเหมาครองผูกขาดลิขสิทธิ์เกม ไอ้แมงมุม แต่เพียงผู้เดียว แถมพวกเขายังขยันผลิตเกมออกมาป้อนตลาดไม่เว้นแต่ละปี มีดีบ้างแย่บ้างสลับกันไป ซึ่งตอนนี้หากใครเดินเข้าร้านเกม แล้วบังเอิญสะดุดตากับแผ่นเกมปกสีแดงๆ ก็อย่าเพิ่งผงะถอยห่างเบือนหน้าหนี เพราะว่าการคัมแบ็คกลับมาในครั้งนี้ของ วีรบุรุษยิงใย เกิดจากแรงปรารถนาตั้งใจของค่าย Marvel ที่เป็นฝ่ายวิ่งเต้นร้องขอให้ทาง Sony ผลิตมันขึ้นมาด้วยงบประมาณทุนสร้าง และคุณภาพในระดับที่ทัดเทียมเทียบเท่าเหล่าเกมเฟิร์สปาร์ตี้ดังๆของพวกเขา

สำหรับเกม Marvel’s Spider-Man ที่เรานำมารีวิวนี้ เนื้อหาภายในของมัน ค่อนข้างสดใหม่ไม่ซ้ำใคร และมีความเป็นออริจินอลสูง เนื่องด้วยมันไม่ได้ดำเนินตามรอยเวอร์ชันภาพยนตร์ หรือเดินเรื่องตรงเป๊ะตามต้นฉบับคอมิค ซะทีเดียว โดยตัวเกมจะเลือกบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของ "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" เด็กหนุ่มไฟแรงวัย 23 ปี ตัวละครเอกของเกม ที่ปัจจุบันได้เรียนจบ และกำลังทำงานในฐานะนักวิทยาศาสตร์ประจำห้องแล็บแห่งหนึ่ง ซึ่งหากเทียบกับชีวิตลับส่วนตัวอีกด้าน เขาก็คงเป็น ไอ้แมงมุม ในเวอร์ชันตัวโตเต็มวัย ที่ออกพิทักษ์ปกป้องชาวนิวยอร์ก และผ่านประสบการณ์ระทึกเสี่ยงตายมาอย่างโชกโชน

แน่นอนว่า หัวใจหลักของเกม "สไปเดอร์แมน" ที่ถูกทำเป็นแนว โอเพ่นเวิลด์ ย่อมต้องเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสวมชุดแดงท่องตระเวนโหนใยสำรวจทั่วทั้งเกาะแมนฮัตตัน คอยช่วยเหลือชาวเมือง รวมถึงเลือกรับไซด์เควสต์ที่ต้องการได้อิสระเสรี ซึ่งเกมนี้ได้มีการหยิบนำลีลาพลิ้วไหวสไตล์ ปากัวร์ เข้ามาผสมกับแอ็คชั่นโหนใยได้อย่างลงตัว อีกทั้งในส่วนของเควสต์เองก็ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งการตามหาของลับที่ซ่อนอยู่ภายในฉาก, ติดตามไล่ล่ารถยนต์คนร้าย, ขัดขวางแผนปล้น, ช่วยพลเรือนที่ประสบอุบัติเหตุ, ทลายแหล่งซ่องสุม หรือประกอบกิจกรรมพิเศษอื่นๆ ที่ตัวเกมช่างสรรหามาให้เราได้งัดความสามารถทุกหยาดหยดของ "สไปเดอร์แมน" ออกมาใช้ได้ไม่ซ้ำแบบกันเลย

ทางฝั่งระบบการต่อสู้ พูดง่ายๆมันคือการหยิบนำเอาระบบของเกม Batman Arkham มาดัดแปลงให้เป็นแบบเฉพาะของไอ้แมงมุม ด้วยการเร่งสปีด และเติมแต่งเพิ่มคอมโบกลางอากาศลงไป ซึ่งบอกได้เลยว่า มันค่อนข้างอิสระ หลากหลาย รวดเร็วฉับไว และใช้มันสมองมากกว่าเกมแบทแมนต้นฉบับเสียอีก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องการตอบสนองกดปุ่มโต้กลับให้ทันเท่านั้น แต่ผู้เล่นยังต้องคิดวางแผนล่วงหน้าว่าจะออกสเต็ปอะไรต่อ แม้ขณะที่ตัวละครลอยอยู่กลางอากาศ เราก็ยังมีออพชั่นทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะหลบหลีกกระสุน โหนใยไซด์คิกใส่ศัตรู รัวหมัดกลางเวหา ผละตัวพักเหนื่อยสักพัก แล้วดึงตัวตามไปเผด็จศึก เหวี่ยงปาข้าวของภายในฉาก เปลี่ยนใช้อุปกรณ์แก็ดเจ็ต พ่นใยใส่ศัตรูบนพื้น หรือแม้กระทั่งยิงใยดึงเหยื่อข้างล่างขึ้นมาทำคอมโบวนลูปเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งหากใครคุมสติได้ดี และปล่อยให้จินตนาการพรั่งพรู ก็จะบังเกิดเป็นท่าคอมโบต่อเนื่องอันสวยงามโดยที่เท้าของเราไม่ได้แตะพื้น เลยทีเดียว

แต่ใช่ว่า ตัวเกมจะบีบบังคับให้ผู้เล่นต้องใช้กำลังลงไม้ลงมือเสมอไป เพราะในบางฉากบางสถานการณ์ เราอาจต้องใช้วิธีแอบย่องลอบเร้น ไล่เทคดาวน์เก็บศัตรูทีละตัวจากบนฝ้าผนังหลังคา หรือบางทีต้องคอยแก้ปริศนา ในฐานะตัวละครประกอบอื่นๆที่เป็นปุถุชนคนธรรมดาอย่าง "แมรี่ เจน วัตสัน" เหยี่ยวสาวหวานใจ ผู้มีลูกเล่นแพรวพราวเพื่อได้ข่าวหน้าหนึ่ง รวมไปถึง "ไมล์ส โมราเลส" เด็กหนุ่มผิวสีใจกล้าที่เหล่าสาวกสไปดี้คงรู้อนาคตของเขากันดี หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนสลับมารับบทบาทเป็น "ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์" ที่พยายามสอนแทรกแง่คิดให้รู้ว่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลัง หรือชุดหนังรัดรูปเท่ๆ เราทุกคนก็มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้น่าอยู่ขึ้นได้

แม้ตัวละคร "ไอ้แมงมุม" ในช่วงตอนต้นเริ่มเกม จะมีความเก่งกาจเหนือมนุษย์อยู่แล้ว แต่ผู้เล่นก็ยังสามารถพัฒนาอัปเกรด ฮีโร่ขวัญใจ ให้ทั้งอึดถึก ว่องไว แข็งแกร่ง และเทพไร้เทียมทานขึ้นไปได้อีก ผ่านองค์ประกอบที่มีลักษณะคล้ายกับเกมแนว อาร์พีจี ที่ผู้เล่นจะได้รับค่าประสบการณ์ Exp จากการต่อสู้ และจากการเคลียร์เควสต์ มายกระดับอัปเลเวลตัวละคร พร้อมมีแต้มพอยท์เอาไปปลดล็อคท่าโจมตี และสกิลใหม่ๆ อีกทั้งเรายังสามารถคราฟต์อุปกรณ์แก็ดเจ็ต หรือสร้างชุดคอสตูมแปลกๆ ที่มาพร้อมความสามารถพิเศษเฉพาะ ซึ่งที่เห็นก็มีให้เลือกสวมใส่อยู่หลากหลายชุดด้วยกัน ทั้งชุดที่มาจากหนังสือคอมิคต้นฉบับเอง ไปจนถึงชุดที่สร้างอ้างอิงจากหนังล่าสุดอย่าง Spider-Man: Homecoming และ Avengers: Infinity War

วกมาพูดเรื่อง กราฟิก กันบ้าง ตรงจุดนี้เรามีความรู้สึกที่ขัดแย้งแตกแยกออกเป็นสองฝั่งสองเสียง โดยเสียงหนึ่งค่อนข้างรู้สึกทึ่งประทับใจ ในการเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆภายในฉาก โอเพ่นเวิลด์ โดยเฉพาะบนท้องถนน ที่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ทั้งรถยนต์ที่สัญจรไปมา และฝูงชนที่เดินผ่านเข้ามาโบกมือทักทาย ขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ ไอ้แมงมุม อีกทั้งฉากดวลต่อสู้กับบอส ที่ถูกเซตขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบปิด ก็มีการจัดเต็มเอฟเฟกต์แสงสีเงาสะท้อนออกมาได้อย่างดีเลิศ จนเรานึกอยากเลี้ยงไข้ถ่วงเวลาเอาไว้ไม่ยอมรีบเร่งเผด็จศึก เพื่อที่จะได้อยู่สู้กับมันในฉากหลังอันสวยงามตระการตานั้นไปนานๆ

แต่ถึงกระนั้น ในประเด็นเรื่องเดียวกัน มันก็ยังมีเสียงค้านเล็กๆดังเล็ดลอดออกมา เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่ตัวเกมตัดสลับกลับมาที่ฉากการเล่นปกติยิงใยโหนข้ามหลังคาตึกระฟ้า เรากลับพบว่า คุณภาพกราฟิกในเกม ถูกดร็อปลงอย่างสังเกตเห็นได้ชัด รายละเอียดดูด้อย ไม่เน้นแสงเงาเท่าที่ควร และในบางทีพื้นผิวตึกอาคารโดนเบลอซะจนเรานึกว่ากล่องกระดาษ ซึ่งถ้าหากมองเรื่องนี้ในมุมบวกแล้ว มันคงเป็นความปรารถนาดีของทีมงาน ที่ต้องการพยายามรักษาเกมเพลย์ ยิงใยท่องสำรวจเมือง ให้ยังคงความต่อเนื่องลื่นไหล นั่นเอง

สิ่งสุดท้ายที่ต้องขอเชยชมก่อนจาก คงเป็นเรื่องที่ตัวเกมมีจิตวิญญาณความเป็น Marvel อยู่เอ่อล้น ซึ่งหากใครได้ติดตามค่ายนี้มาตลอด คงรู้ดีถึงเสน่ห์จุดขายที่ทำให้หนังของพวกเขาโดดเด่นแตกต่างไปจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป ที่ไม่ได้หวังนำเสนอมุมมองตัวเอกเพียงด้านเดียว หรือเจอหน้าก็ซัดกันนัวเพียงเพราะฝั่งนั้นเป็นศัตรู แต่พวกเขาจะพยายามสอดแทรกเรื่องราวดราม่าประวัติความเป็นมา รวมถึงเหตุผลที่บีบให้ตนต้องถูกตราหน้าว่าเป็นวายร้าย เพื่อให้เราได้เห็นเหรียญครบถ้วนทั้งสองด้าน และทำให้ทุกฉากการต่อสู้มันแลดูมีความหมายมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่แฟนๆต่างชื่นชอบหลงรักในจักรวาล มาร์เวล ทุกอย่างมันได้ถูกเก็บรวบรวมเอาไว้ภายในเกมๆนี้

พูดกันตามตรงแล้ว Marvel’s Spider-Man นับเป็นความโชคดีของสตูดิโอ Insomniac Games ที่พวกเขาได้มารับผิดชอบรังสรรค์เกมซูเปอร์ฮีโร่ อันมีผลงานเกมรุ่นพี่ทั้งที่ประสบความสำเร็จ และผิดพลาดมากมาย มาให้ดูเป็นแบบอย่าง แต่ส่วนหนึ่งก็คงต้องยกเครดิตให้กับความสามารถของทีมงาน ที่หยิบนำบทเรียนในอดีตมาปรับจูนแก้ไข และสอดแทรกความเป็นตัวเองลงไป จนกระทั่งได้ออกมาเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอันแสนเพอร์เฟกต์ ที่หากใครได้ลองเป็นต้องวิงวอนร้องขอให้ทาง Sony กับ Marvel ประสานมือจูงเดินพากันไปให้สุด อย่าได้คิดหยุดอยู่เพียงแค่ "ไอ้แมงมุม"

เกมการเล่น10
กราฟิก9
เสียง10
ความคิดสร้างสรรค์10
ภาพรวม9.8


ข้อดี : แอ็คชั่นตัวละครสุดพลิ้วไหว, ระบบต่อสู้ทำคอมโบลื่นไหลสะใจ, เควสต์หลากหลายได้ใช้ทุกสกิล, ฉากฉะดวลกับบอสอันแสนตื่นตา, พล็อตเรื่องถูกวางมาดีมีมิติตามสไตล์ มาร์เวล, สีหน้าอารมณ์ตัวละครทำเอาขนลุก และก้าวข้ามเหนือทุกเกมฮีโร่ที่เคยมีมา
ข้อเสีย : กราฟิกในบางช่วงเวลาอาจไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่

Shin
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอนเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง สาขาสิงคโปร์ (หรือ SIES) และบริษัท Next Generation InnovationNGIN










*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*






































กำลังโหลดความคิดเห็น