Review: Payday 2 Crimewave Edition รวยนัก งัดซะเลย (PS4)

แนว FPS
ระบบ PS4, XboxOne
เรตเกม PEGI: 18 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

ผลงานเกมแอ็คชั่นชูตติ้งโจรกรรมภาคต่อ ที่กลับมาบนเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ให้คุณได้สวมจิตวิญญาณมิจฉาชีพ ออกตระเวนปล้นฉกชิงทุกสิ่งที่ตีราคาได้อีกครั้ง

หากพูดถึงเกม FPS ในปัจจุบัน ส่วนมากเรามักจะเห็นแต่แนวสงครามทหาร หรือไม่ก็ตำรวจไล่ยิงผู้ร้าย แต่กลับไม่มีเกมไหนเลยที่กล้าสวนกระแสให้ผู้เล่นมาลองสวมบทเป็นฝั่งโจรผู้ร้ายดูบ้าง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกมดาวน์โหลดเล็กๆอย่าง "Payday: The Heist" แจ้งเกิดฮิตติดตลาดในชั่วข้ามคืน จนมีภาคสองออกตามมาและพอร์ตลงให้เหล่าสาวกบนเครื่องเพลย์สเตชัน 4 และเอ็กบ็อกซ์วัน ได้เล่นกันในท้ายที่สุด

สำหรับระบบเกมเพลย์นั้นจะไม่มีอะไรที่แตกต่างหรือแปลกใหม่ไปจากเกม "Payday 2" ต้นฉบับที่ออกมาเมื่อสองปีก่อน ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะวางขายเป็นเกมกล่อง แต่ความรู้สึกจะเหมือนเล่นเกมยิงออนไลน์ที่สามารถเลือกออฟไลน์เล่นได้คนเดียว โดยในโหมดออฟไลน์นั้นเราจะมี AI สองตัวมาเป็นเพื่อนร่วมปล้น สาเหตุที่ใช้คำว่า "ร่วม" นั้นเพราะมาแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย เอาแต่ยืนทื่อเป็นเป้านิ่งแถมยิงก็ไม่แม่น ยิ่งภารกิจลอบเร้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะความบื้อของมันจะทำให้ยามรู้ตัวตั้งแต่ไก่โห่ ส่งผลให้ภารกิจง่ายๆกลายเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงไม่อยากแนะนำสำหรับใครที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเพลย์สเตชันพลัส แล้วหวังซื้อเกมนี้มานั่งเล่นคนเดียว

กลับกันทางฝั่งของโหมดออนไลน์ที่เปรียบเสมือนหัวใจหลักของเกมนี้ ประสบการณ์ที่ได้รับจะแตกต่างจากการนั่งเล่นคนเดียวเหมือนเป็นคนละเกม โดยเรากับเพื่อนอีก 3 คนสามารถออกปล้นและเปิดฉากยิงต่อสู้ร่วมกันเป็นทีม ซึ่งให้อารมณ์คล้ายๆกับเกม Left4Dead เพียงแค่นำตำรวจมาแทนที่ซอมบี้ โดยภารกิจก็มีให้ทำหลากหลาย ไล่ตั้งแต่ปล้นร้านสะดวกซื้อ ทำลายทรัพย์สิน ฉกงานศิลป์ ไปจนถึงงานใหญ่อย่างปล้นธนาคาร ซึ่งความไวคือทุกสิ่งทุกอย่างของเกมนี้ เพราะหากเรายิ่งอยู่นานก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้ตำรวจได้เสริมกำลังด้วยยูนิตใหม่ๆอย่างพลแม่นปืน หรือหน่วยถือโล่ห์

เกมนี้จะมีรูปแบบการดำเนินที่ค่อนข้างเวียนวนซ้ำไปซ้ำมา คือ ออกปล้น รับเงินค่าจ้างมาซื้อปรับแต่งปืน แล้วออกไปปล้นต่อ หมุนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเสน่ห์ของเกมก็อยู่ตรงที่อาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีให้เลือกช็อปเลือกแต่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปืนหลัก ปืนพก มีด หน้ากาก เสื้อเกราะ นอกจากนี้ค่าประสบการณ์ที่ได้รับหลังจบภารกิจ ยังสามารถนำไปอัพเกรดปลดล็อคสกิลเจ๋งๆใหม่ๆให้กับตัวละคร

จากคำมั่นสัญญาของทีมพัฒนา และในตัวเทรลเลอร์โปรโมท ที่พยายามโฆษณาให้เห็นว่าตัวเกมเวอร์ชัน "Crimewave Edition" ได้รับการปรับปรุงภาพในส่วนของพื้นผิว แสงเงา และเฟรมเรต แต่เท่าที่เล่นมากลับรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงน้อยมากจนแทบไม่เห็นความแตกต่างจากเกมต้นฉบับบนพีซีเมื่อสองปีที่แล้ว ทั้งแสงสีที่ยังคงดูจืดชืด เท็กซ์เจอร์ที่ยังแตกเบลอ และอาการกระตุกที่ยังคงมีให้เห็น ราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่การพอร์ตธรรมดามาลงเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ เพื่อตามกระแสรีมาสเตอร์เกมเก่าของค่ายอื่นเท่านั้น แต่นับว่ายังดีที่ในเกมเวอร์ชันใหม่นี้ได้รวบรวมเอา DLC มาไว้ครบครัน ทั้งภารกิจ Armored Transport, Big Bank, อาวุธปืนใหม่ๆ รวมไปถึงตัวละคร "จอห์น วิค" จากหนังบู๊ของพ่อพระเอกหนุ่มมาดเท่ห์ "คีนู รีฟฟ์"

หากถามความเห็นส่วนตัวแล้ว ค่อนข้างรู้สึกผิดหวังกับการกลับมารอบสองของเกม "Payday 2" เนื่องด้วยภาพกราฟิกที่ไม่ได้พัฒนาไปจากเดิม ในขณะที่ปัญหาเก่าๆยังคงคั่งค้าง ไม่ว่าจะเป็นความสมองกลวงของตัวละคร AI, ฉากสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาไม่ดีจนเป็นเหตุให้เดินติดสิ่งกีดขวางล่องหนอยู่บ่อยครั้ง, การบังคับเล็งเป้าที่ไม่ค่อยสมูทเหมือนเกม FPS อื่นๆบนคอนโซล รวมไปถึงภารกิจที่ชวนสับสน เพราะไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าว่าเข้าทางไหน ตำแหน่งเป้าหมายก็ไม่ระบุให้ชัดเจน ส่วนทางหนีทีไล่ก็ต้องรอให้เสร็จภารกิจแล้วถึงจะรู้ว่าต้องหนีอย่างไร

ด้วยภาพอันน่าผิดหวัง และปัญหามากมายที่ติดมาจากต้นฉบับ ทำให้ "Payday 2 Crimewave Edition" ยากที่จะชนะใจทั้งแฟนเก่าที่อยากกลับมาเล่น และเหล่าเกมเมอร์หน้าใหม่ๆที่อยากลอง ซึ่งพูดจากใจจริงก็ไม่ได้นิยมชมชอบซีรีย์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะมองว่าการที่ให้ผู้เล่นด้อมๆมองๆสถานที่แล้วลงมือปล้นเดี๋ยวนั้น มันดูเหมือนเป็นการด้นสดของโจรสมัครเล่น มากกว่าการปล้นจริงของหัวขโมยมืออาชีพ

เกมการเล่น	7
กราฟิก	7
เสียง	7
ความคิดสร้างสรรค์	6
ภาพรวม	7

ข้อดี : ปรับแต่งปืน-ตัวละครได้หลากหลาย และโหมดออนไลน์ที่ยังคงความสนุก
ข้อเสีย : ภาพไม่สมกับเกมบน PS4, การบังคับเล็งยิงที่ไม่ลื่นไหล, AI แสนบื้อ, ภารกิจคลุมเครือ และปัญหาเก่าๆที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

ปู่ชิน
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Next Generation InnovationNGIN