Review: Final Fantasy Type 0 HD ศึกตำรามหาเวทย์ฉบับเอชดี

ระบบ PS4, XboxOne
เรตเกม ESRB: M เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 17 ปีขึ้นไป

ผลงานเกมไฟนอลฯสไตล์แอ็คชั่นอาร์พีจีที่ถูกนำกลับมาเล่าใหม่อีกครั้ง ด้วยภาพกราฟิกที่ดูสวยขึ้นแบบผิดหูผิดตา แม้ว่าปัญหาจากเกมต้นฉบับจะยังคงอยู่

หากพูดชื่อ "ไฟนอลแฟนตาซี ไทป์ ซีโร่" เชื่อว่าหลายคนที่เป็นสาวกเครื่องเล่นพกพาของโซนี่ คงได้เคยผ่านมือกันมาบ้างแล้วเมื่อครั้งตอนที่มันออกเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นลงบนเครื่อง PSP ทว่าการกลับมาในคราวนี้ จะไม่ได้มีเพียงแค่ภาษาอังกฤษที่ถูกใส่เข้ามาให้ผู้เล่นทั่วโลกเข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น แต่จะมีการปรับเปลี่ยนมากมายในหลายๆจุดจนเหมือนเป็นคนละเกมจากต้นฉบับ พร้อมเพิ่มมูลค่าด้วยของแถมสุดพิเศษที่ถูกบรรจุอยู่ในแผ่นล็อตแรก กับเดโมน้ำจิ้มยั่วน้ำลายสอ "Final Fantasy XV: Episode Duscae" ให้แฟนๆได้ลิ้มลองสัมผัสก่อนใคร

ซึ่งในที่นี้เราจะไม่ขอพูดถึงเดโมเกมไฟนอลฯภาคหลักที่ปัจจุบันได้กลายพันธุ์เป็นเกมแอ็คชั่นเต็มตัวไปเรียบร้อย แต่จะมาบอกเล่าเกี่ยวกับเกมไฟนอลฯไทป์ซีโร่ที่ถูกปรับปรุงใหม่แบบเพียวๆ โดยโครงเรื่องทุกอย่างจะยังคงเหมือนเวอร์ชัน PSP ที่กล่าวถึงดินแดน Orience ที่ถูกแบ่งแยกออกเป็น 4 อาณาจักรใหญ่ตามสัตว์สัญลักษณ์คริสตัล อันได้แก่ นกไฟ เสือขาว มังกรฟ้า และเต่าทมิฬ ซึ่งผู้เล่นจะได้สวมบทกลุ่มนักเรียนชั้นพิเศษ "คลาส ซีโร่" สังกัดถิ่นเวทย์มนต์ Vermilion Bird ที่ต้องถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจเพื่อขัดขวางแผนการรุกรานทำสงครามของจักรวรรดิจักรกล White Tiger ที่หมายยึดโลกทั้งใบมาครอง

แนวเกมจะถูกทำมาในสไตล์แอ็คชั่นอาร์พีจี ที่ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครเดินเหินในฉากต่อสู้ได้อิสระ ไม่ว่าจะออกแอ็คชั่นทำคอมโบ หรือหลบการโจมตีของศัตรู ซึ่งดูแล้วชวนให้นึกถึงเกมรุ่นพี่อย่าง "คิงดอมฮาร์ต" แต่ต่างกันตรงระดับความรุนแรงที่เกมนี้ใส่มาเยอะทั้งฉากเลือดนองที่สะท้อนความโหดร้ายของสงคราม รวมถึงยังมีระบบที่ท้าทายเกมเมอร์ฮาร์ดคอร์ อย่างฟีเจอร์ Critical โจมตีเลือดศัตรูลดฮวบ หรือฟีเจอร์ Killsight สังหารศัตรูได้ภายในดาบเดียว ที่ต้องอาศัยทักษะขั้นสูงในการเฝ้าสังเกตจดจำและรอจังหวะให้ศัตรูเปิดช่องโหว่ ซึ่งด้วยฟีเจอร์ดังกล่าวต่อให้เราเจอศัตรูที่มีเลเวลสูงกว่าตัวละครหลายเท่าตัว ก็มีโอกาสล้มมันได้หากเราฝึกใช้จนชำนาญ

ระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นสามารถเลือกสลับเปลี่ยนใช้ 3 ตัวละครในกลุ่มปาร์ตี้ได้ตลอดเวลา แถมยังมีการสะสมเกจเพื่อกดใช้ท่าประสาน หรือเรียกเหล่ามนต์อสูรออกมาต่อสู้ ซึ่งจุดเด่นพิเศษของเกมไฟนอลฯไทป์ซีโร่นั้นมันก็อยู่ตรงที่เราสามารถบังคับมนต์อสูร Eidolon ที่เรียกออกมาได้เหมือนตัวละครปกติ แต่จะมีการจำกัดเวลาและต้องสละชีวิตตัวละครในกลุ่มที่เป็นคนเรียกมันออกมา ซึ่งฟังดูก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหากเทียบกับจำนวนสมาชิกเพื่อนในห้องที่มีมาให้สังเวยมากเกินโหล แต่เวลาเล่นจริงกลับไม่ยักรู้สึกอยากใช้บริการมนต์อสูรเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยความสมองกลวงของเพื่อนร่วมทีมปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่รู้ว่าตนถืออาวุธอะไรอยู่ในมือ และมักวิ่งทื่อเข้าหาศัตรูไม่ยอมหลบหลีกหรือป้องกันใดๆทั้งสิ้นจนเป็นเหตุให้ตายฟรีอยู่บ่อยครั้ง แถม AI ศัตรูเองก็มัวล็อคเป้าแต่ผู้เล่นไม่สนสิ่งของประกอบฉากสองตัวที่ยืนประกบข้าง ทำให้ต้องคิดหนักเวลาที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปบังคับตัวละครสายซัพพอร์ตดูบ้าง แถมข้อบกพร่องในเกมต้นฉบับที่ให้เราดูดเก็บลูก Phantoma ทุกครั้งหลังศัตรูตายก็ยังคงกลับมาหลอกหลอนให้เราเสียจังหวะขณะต่อสู้

กลุ่มเพื่อนร่วมชั้นทั้ง 14 ตัวละครที่มีชื่อเรียงตามตัวเลขสำรับไพ่นี้ เมื่อตายแล้วจะตายไปเลยจนจบภารกิจ ซึ่งจากเรื่องน่าปวดหัวทั้งหลายที่สาธยายมาข้างต้น จึงเป็นเรื่องยากที่ผู้เล่นจะรักษาสมาชิกทั้งหมดให้อยู่กันครบถ้วนพร้อมหน้าไปตลอดรอดฝั่ง อีกทั้งเกมนี้มันก็เป็นเกมอาร์พีจีที่มีระบบค่อนข้างเก่าแก่และโบราณจากการที่ไม่มีจุดเช็คพอยท์ หากเผลอเรอปล่อยให้ตัวละครตายหมดยกห้องจนเกมโอเวอร์ ก็ต้องโหลดเซฟเล่นใหม่สถานเดียว ส่วนใครที่กังวลว่าด้วยจำนวนตัวละครที่มีอยู่เยอะจะทำให้เกิดปัญหาเก็บเลเวลได้ไม่ทั่วถึง ตัวเกมก็มีช่องทางเพิ่มเลเวลตัวละครโดยไม่ต้องนั่งเล่นเองผ่าน Battle Arena ซึ่งในเกมเวอร์ชันเอชดีนี้จะต่างจากเวอร์ชัน PSP เล็กน้อยตรงที่อาศัยจับเวลาในเครื่องแทน ซึ่งบอกใบ้ขนาดนี้หากใครหัวหมอหน่อยก็คงนึกวิธีปั๊มเลเวลง่ายๆกันออกแล้ว

ในฐานะที่เราเป็นนักเรียนในสถาบัน Akademia รูปแบบการดำเนินเกมจะเป็นไปในลักษณะของมิชชั่น ที่เราต้องรับคำสั่งแล้วออกไปปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย พอทำเสร็จก็เดินกลับสู่โรงเรียนวนเวียนเช่นนี้เรื่อยไปตลอดทั้งเกม แม้ในบางภารกิจอาจสอดแทรกมินิเกมให้เรานำทัพตีหัวเมืองในฉากแผนที่คล้ายเกมวางแผนการรบ หรือบังคับป้อมปืนยิงมอนสเตอร์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยขจัดความน่าเบื่อของเกมกับการที่ต้องมาทนเห็นฉากโถงทางเดินเดิมๆซ้ำๆหลายสิบรอบ และจะยิ่งเพิ่มเป็นร้อยเป็นพันรอบสำหรับคนที่ต้องการเคลียร์มันหมดทุกเควสต์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่านี่เป็นความตั้งใจของทีมงานหรือเปล่า? ที่ต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนเวลาที่อยู่ในโรงเรียน

ในช่วงระหว่างว่างเว้นจากภารกิจ ผู้เล่นจะมีเวลาว่างเป็นวันหรือชั่วโมงเพื่อเลือกทำอะไรต่างๆในโรงเรียนได้อิสระ ซึ่งก็เหมือนกับชีวิตจริงที่เราจำเป็นต้องบริหารเวลาให้เหมาะสม ทั้งการศึกษาเล่าเรียน พูดคุยปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆในโรงเรียน หรือรับทำเควสต์รอง แต่ติดตรงที่ตัวเกมกำหนดให้รับได้ทีละเควสต์เท่านั้น ทำให้ต้องเสียเวลาเดินไปเดินกลับหลายเที่ยวโดยใช่เรื่อง อีกทั้งรูปแบบเควสต์ก็คล้ายๆกันหากไม่หาของให้ ก็สั่งให้ไปสังหารมอนสเตอร์ จึงไม่น่าแปลกอะไรที่คนส่วนใหญ่มักเลือกมองข้ามไม่สนใจมัน ส่วนแฟนๆที่อยากเล่นเกมนี้แบบมัลติเพลย์เยอร์เหมือนเวอร์ชันต้นฉบับ PSP คงต้องแสดงความเสียใจด้วยเพราะทางไดเร็กเตอร์ "ฮาจิเมะ ทาบาตะ" ออกมายืนยันกับปากแล้วว่าไม่ได้ใส่มา ซึ่งระบบ SPP ที่ยังคงปรากฏให้เห็นกันในเกม เป็นเพียงแค่ร่างแต่ไร้วิญญาณที่อาจดูเหมือนมีผู้เล่นเข้ามาแจม แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงตัวละคร AI ที่แกล้งสลับกันเข้าๆออกๆหลอกให้รู้สึกเหมือนมีคนออนไลน์เข้ามาในเกมของเราเท่านั้น

สิ่งหนึ่งที่ต้องขอเชยชมในเกมเวอร์ชันปรับปรุงใหม่นี้คือเรื่อง กราฟิก ที่ถูกอัพเกรดเหนือชั้นกว่าบรรดาโปรเจกต์เกมรีมาสเตอร์ทั้งหลายที่มีคำว่า "เอชดี" พ่วงต่อท้าย เพราะมีการยกเครื่องใหม่หมดทั้งในส่วนของโมเดลตัวละคร จำนวนโพลิกอน แสงเงา ไปจนถึงรายละเอียดพื้นผิวโดยเฉพาะเกราะทองตรงบ่าตัวละครที่เงาวับสะดุดตา ซึ่งดูสวยงามกว่าต้นฉบับมากมายหลายขุมจนอยากใช้คำว่ารีเมคมากกว่ารีมาสเตอร์ สมทบด้วยเหล่าเอฟเฟกต์ใหม่ๆที่มาช่วยเพิ่มความสมจริงถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาด้านลบอย่าง Depth of Field และเอฟเฟกต์ Motion Blur ตัวปัญหาที่ใส่มาล้นทะลักซะจนมองอะไรไม่รู้เรื่อง และไม่ใช่เพียงแค่ฉากการต่อสู้เท่านั้น เวลาหมุนมุมกล้องช้าๆเพื่อดูความสวยสดงดงามของสภาพแวดล้อมก็ยังอุตส่าห์เบลอ

แม้จะมีจุดบกพร้องของเก่ามากมายที่ยังไม่ได้รับการปรับปรุงแก้ไข หรือเหล่าปัญหากวนใจใหม่ๆที่ให้ผู้เล่นคิ้วขมวดมากกว่าเดิม แต่มันก็ยังเป็นเกมไฟนอลฯที่ควรค่าหาซื้อมาเล่น ด้วยระบบแอ็คชั่นต่อสู้ที่เป็นจุดแข็ง พร้อมด้วยคุณภาพกราฟิกที่ต่างกับต้นฉบับราวฟ้ากับเหว และเรื่องราวมิตรภาพสุดตราตรึงใจ ที่ไม่ว่าใครเมื่อได้ลองสัมผัสแล้วจะยิ่งรักเพื่อนมากกว่าเคย คุโปะ!

เกมการเล่น	8
กราฟิก	10
เสียง	8
ความคิดสร้างสรรค์	8
ภาพรวม	8.5

ข้อดี : ภาพสวยเหมือนสร้างใหม่, ตัวละครเยอะ, เกมเพลย์ต่อสู้สนุกฉับไว และเรื่องราวมิตรภาพสุดประทับใจ
ข้อเสีย : ความฉลาดน้อยของ AI, ภาพเบลอชวนปวดหัว, ระบบล็อคเป้ามิอาจคาดเดา และไซด์เควสต์ที่อยากปล่อยผ่าน

ปู่ชิน
สนับสนุนบทความรีวิวโดยบริษัท Next Generation InnovationNGIN