ผู้บริหารใหญ่นินเทนโด ออกโรงแสดงความเชื่อมั่นแก่แฟนๆ ระบุสาเหตุที่ทำให้เครื่องคอนโซลของตนถูกคู่แข่งที่ตามมาทีหลังทิ้งห่างไปเป็นเพราะความล่าช้าของเกมระดับแม่เหล็ก พร้อมนอนยันเป้าหมายเดิมที่ต้องการขายให้ได้ร้อยล้านเครื่อง
หลังจากที่เมื่อก่อนเครื่องวี เคยนำโด่งเป็นจ้าวแห่งคอนโซลครองตลาดอันดับหนึ่งทิ้งขาดทั้งเอ็กบ็อกซ์360 และเพลย์สเตชัน 3 ไปแบบไม่เห็นฝุ่น แต่พอมาในยุคเครื่องคอนโซลเจเนอเรชันปัจจุบันผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม ทั้งๆที่เครื่องวียู ชิงออกวางตลาดมีเวลากอบโกยก่อนใครถึง 1 ปีเต็ม ทว่ายอดขายเครื่องดันไม่แรงเหมือนเคยแถมยังถูกเครื่องเพลย์สเตชัน 4 ของโซนี่ที่ตามหลังมาแซงขึ้นนำไปเรียบร้อย
จึงทำให้ล่าสุดทาง "เรจจี ฟิลส์ ไอเม" (Reggie Fils-Aime) ประธานบริษัทนินเทนโดอเมริกา จำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นแก่สาวกปู่นินฯ พร้อมรักษามาดนิ่งด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์ในแบบไม่รู้สึกสะทกสะท้าน โดยท่านผู้บริหารวัย 53 ปีคนนี้ได้กล่าวให้ความเห็นชี้ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเรื่องคอนเทนต์ ที่จะช่วยทำให้วียูกลับมาขายดีเทน้ำเทท่าเหมือนเดิม
"สำหรับเราแล้ว มันเป็นเรื่องของคอนเทนต์ล้วนๆ หากคุณลองมองย้อนกลับไปในอดีตถึงสิ่งที่เราเคยทำกับเครื่องวี สิ่งที่เราเคยทุ่มเทลงไปกับ DS รวมถึงที่เรากำลังทำอยู่ ณ ขณะนี้กับเครื่อง 3DS คุณจะรู้ได้ทันทีว่ามันขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายแพลตฟอร์ม และช่วยเพิ่มกลุ่มฐานลูกค้า ซึ่งถ้าเราทำแบบนั้นได้ผู้คนก็จะหลั่งไหลแห่กันเข้ามาซื้อตัวฮาร์ดแวร์"
"เมื่อผู้คนซื้อคอนโซลวียูไป พวกเขาจะบอกต่อถึงประสบการณ์ดีๆที่ตนได้รับแก่เพื่อนฝูง และนี่จะนำไปสู่ยอดขายเครื่องที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าเครื่องวียูจะออกสตาร์ทได้เชื่องช้ากว่าที่เราคาดหวังไว้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีทางขายได้แตะถึงหลักร้อยล้านเครื่องในสักวันหนึ่ง"
"นี่เป็นสิ่งที่เราเคยทำมาแล้วกับวีและ DS ซึ่งเราจะทำมันอีกครั้งกับทั้งเครื่องวียู และ 3DS แต่ทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นที่คอนเทนต์เป็นอันดับแรก และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้อีเวนท์ในงาน E3 ของเหล่านักพัฒนาเกมของเราต่างพูดถึงกันแต่เรื่องคอนเทนต์เกม รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆที่ถูกนำเสนอภายในงาน" เรจจี้ กล่าว
นอกจากนี้ทางเรจจี้ ยังยอมรับว่าสาเหตุที่เครื่องวียูออกสตาร์ทได้ช้ามันมาจากการที่เกมไตเติ้ลชื่อดังอย่าง Super Mario 3D World, Wii Fit U, Pikmin 3 และ The Legend of Zelda: The Wind Waker HD ออกสู่ตลาดล่าช้ากว่ากำหนด "มันมีเกมจำนวนมากที่เราตั้งใจอยากให้มันออกมาในช่วงยุคเริ่มแรกของวียู จึงส่งผลกระทบต่อโมเมนตัมยอดขายของเครื่อง"
"แต่ทุกสิ่งกำลังจะเปลี่ยนไปเห็นได้จากเกม Mario Kart 8 ที่สามารถทำยอดขายไปได้ถึง 2 ล้านชุดหลังวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และช่วยพยุงธุรกิจเกมของนินเทนโดให้กลับมาดีขึ้น ซึ่งในอนาคตเราได้ฝากความหวังไว้กับเกมอย่าง Bayonetta 2 และภาคใหม่ Super Smash Bros. ที่จะมาช่วยให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเราเชื่อว่าการป้อนเกมสู่ตลาดลักษณะนี้คือสิ่งจำเป็นในการกระตุ้นโมเมนตัมของเครื่องวียู" เรจจี้ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับตัวเลขยอดขายทั่วโลกของเครื่องคอนโซลในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง 3 ค่ายผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ เครื่องเพลย์สเตชัน 4 ของโซนี่ ได้เข้าวินมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยตัวเลขยอดขายพุ่งนำโด่งสูงถึง 7 ล้านเครื่อง ตามมาติดๆด้วยอันดับสองเครื่องวียูของนินเทนโด ที่ขายได้ 6.17 ล้านเครื่อง และปิดท้ายด้วยเครื่องเอ็กบ็อกซ์วันของไมโครซอฟต์ ที่รั้งท้ายอยู่อันดับบ๊วยกับยอดขายที่ไม่กล้าเปิดเผย แต่ที่รู้แน่ๆคือยอดส่งทะลุ 5 ล้านเครื่องแล้ว
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot
*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับรู้ข่าวสารวงการเกมครับ*