ระบบ Playstation 3, Xbox360, Wii U, PC
เรตเกม PEGI: 16 เหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
เกมแบทแมนภาคปฐมบท ที่บอกเล่าเรื่องราวย้อนอดีตกลับไปในช่วงเริ่มต้นอาชีพมนุษย์ค้างคาวของมหาเศรษฐีหนุ่ม "บรูซ เวย์น" ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอันแสนยากลำบากจากเหล่าวายร้ายผู้ไม่เกรงกลัวกฏหมาย ไปพร้อมๆกับการปลุกความหวังให้แก่ชาวเมืองก็อธแฮมผู้ไร้ศรัทธา
มาถึงภาคที่สามแล้วกับซีรีส์เกมแอ็คชั่นอัศวินรัตติกาลที่มีฐานแฟนคลับทั่วโลกติดตามมากที่สุด ซึ่งในภาคใหม่ที่มีนามต่อท้ายว่า "Origins" นี้ไม่เชิงเป็นภาคต่อซะทีเดียว เนื่องด้วยรูปแบบการนำเสนอที่พาผู้เล่นย้อนกลับไปจุดกำเนิดเริ่มต้นของซีรีส์เกมแบทแมนตัวล่ำ แถมเป็นเรื่องราวที่ปะติดปะต่อโยงไปถึงช่วงต้นของเหตุการณ์ในเกมภาคแรก ไม่รู้ว่าติดกระแสมาจากเกมอื่นหรือทีมผู้พัฒนาหมดมุกหาทางไปต่อไม่ได้กันแน่
สำหรับเนื้อเรื่องในเกมภาคนี้จะย้อนไปในช่วงเวลา 5-7 ปีก่อนเกิดเหตุการณ์ในเกม Batman: Arkham Asylum เมื่อมหาเศรษฐีหนุ่ม "บรูซ เวย์น" อายุย่างเข้าวัย 26 ปี และเพิ่งสวมชุดฮีโร่มนุษย์ค้างคาวออกปกป้องเมืองก็อธแฮมยามกลางค่ำกลางคืนมาได้ไม่นาน จึงทำให้ผู้คนยังมองเขาเป็นเพียงแค่พวกอันพาลศาลเตี้ยชอบใช้ความรุนแรงไม่ใช่ฮีโร่เหมือนในสองภาคแรก โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องราวได้เริ่มขึ้น ณ คืนคริสต์มาสอีฟอันหนาวเหน็บ เมื่อกลุ่มวายร้ายหน้ากากดำ Black Mask ได้ยกพลบุกเรือนจำ Blackgate Penitentiary ช่วยนักโทษแหกคุกอย่างอุกอาจ พร้อมสังหารโหดผบ.ตำรวจ และหนีหลุดรอดลอยนวลไปได้
พร้อมกับคิดแผนการใหญ่ในการกวาดล้างเมืองก็อธแฮม และได้จ้างวาน 8 มือสังหารระดับพระกาฬมาเพื่อออกล่ากำจัดแบทแมนโดยเฉพาะ โดยตั้งค่าหัวเอาไว้สูงถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้พ่อฮีโร่ของเราถึงกับงานเข้ามือเป็นระวิง ไหนจะต้องฉีกหน้ากากเจ้าแบล็คแมสค์ ตามปราบมือสังหารฝีมือฉกาจ ปรับความเข้าใจกับสารวัตรหัวแข็ง "เจมส์ กอร์ดอน" ที่ฝังใจลึกว่าเราเป็นผู้ร้าย แถมยังเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกระหว่างแบทแมนกับจอมวายร้ายยิ้มแก้มฉีกคู่ปรับตลอดกาล ที่จะมาสานสัมพันธ์จนกลายเป็นชนวนเหตุเชื่อมโยงไปจนถึงเกมภาค Asylum
ระบบการเล่นในภาคใหม่นี้ เรียกได้ว่ายกของเดิมทุกอย่างจากภาคก่อนมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการยิงตะขอเกี่ยวขึ้นที่สูง บินร่อนลงมาจากฟ้า กดใช้ Detective Vision เพื่อส่องดูศัตรูหรือสิ่งของไฮไลท์ภายในฉาก รวมทั้งแอ็คชั่นต่อยเตะต่อคอมโบลื่นไหลดุจสายน้ำมีปุ่มสวนกลับการโจมตีของศัตรู สามารถประยุกต์ใช้อุปกรณ์เสริมในการต่อสู้ได้อย่างว่องหรือที่เรียกว่า Quickfire และมีสกิลท่าจบพิเศษเมื่อต่อคอมโบได้สูงถึงที่กำหนด อีกทั้งยังเสริมความสนุกใหม่ๆเข้าไปด้วยถุงมือไฟฟ้าที่สามารถต่อยช็อตทะลุทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ แต่แบตฯดันเสื่อมเก็บกักไฟไว้ไม่อยู่ต้องคอยทำคอมโบชาร์จไฟก่อนทุกครั้งไป สำหรับฝั่งศัตรูที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็มีเพียงแค่ตัวถนัดศิลปะป้องกันตัว ที่ให้เรากดปุ่มสวนกลับสองจังหวะเท่านั้น อย่างอื่นก็แทบไม่มีอะไรใหม่เลย แถมจังหวะการเข้าโจมตีของศัตรูในภาคนี้ยังแปลกๆดูมั่วๆชอบกลกะจังหวะสวนกลับลำบากทำให้คอมโบหยุดชะงักบ่อยครั้ง
ส่วนองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ คืออุปกรณ์แกดเจ็ทสารพัดประโยชน์รอบเข็มขัดของแบทแมน ในภาคนี้ได้มีการนำเสนออุปกรณ์ชนิดใหม่เข้ามา 4 อย่างด้วยกัน ชิ้นแรกคือถุงมือไฟฟ้า (Shock Gloves) ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น อันดับต่อมาคือเครื่องยิงสลิง (Remote Grapple) ที่สามารถยึดสองวัตถุและศัตรูให้ติดกันหรือใช้เป็นลวดโหนตัวข้ามไปอีกฝั่ง ส่วนชิ้นที่สามคือระเบิดกาว (Glue Grenade) ที่เมื่อระเบิดจะปล่อยยางเหนียวๆยึดจับหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู แถมสามารถใช้ปาลงน้ำเปลี่ยนเป็นแพพาข้ามฝั่งได้ และชิ้นสุดท้ายคือเครื่องสแกนหลักฐาน (Evidence Scanner) ที่ใช้สำหรับการสืบสวนไขคดีฆาตกรรมปริศนา ซึ่งมีความไฮเทคถึงขั้นสามารถจำลองสถานการณ์จริงในที่เกิดเหตุออกมาเป็นภาพสามมิติให้เราเลือกหมุนมุมกล้องหรือย้อนเวลาดูรีเพลย์กลับไปมาได้
และเช่นเคยตัวละครแบทแมนของเราสามารถเลเวลอัพ เพื่อปลดล็อคความสามารถใหม่ๆ โดยแบ่งออกเป็นสายโจมตีทำคอมโบ สายอัพเกรดอุปกรณ์แกดเจ็ทสำหรับพวกเล่นของ และสายสกิลลับพิเศษที่จะปลดล็อคได้มาก็ต่อเมื่อทำแอ็คชั่นตามเงื่อนไขไต่อันดับแรงค์ Dark Knight System แต่น่าเสียดายที่ภาคนี้มีแบทแมนให้เล่นแค่ตัวเดียว ต่างจากภาคก่อนที่มีเนื้อเรื่องพิเศษให้เล่นเป็นแคทวูแมนและโรบิน โดยเหล่าตัวละครเสริม DLC ทั้งหลายจะถูกจำกัดให้เล่นได้เฉพาะในโหมดชาเลนจ์เท่านั้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือทางทีมผู้พัฒนาได้เปลี่ยนคนให้เสียงพากย์ตัวละครแบทแมนจากเจ้าเก่าขาประจำ "เควิน คอนรอย" มาเป็น "โรเจอร์ เครก สมิธ" จึงทำให้เสียงที่ได้ออกมาเหมือนนักมวยปล้ำกำลังท่องบทฟังดูแล้วไร้อารมณ์ความรู้สึกขัดใจแฟนๆอยู่ไม่น้อย
กราฟฟิกในเกมนั้นดูไม่ต่างอะไรไปจากเดิมมากนัก คงเป็นเพราะใช้อันเรียลเอนจิ้น 3 ตัวเดียวกันกับสองภาคแรก แต่ยังดีที่ฉากแผนที่ในภาคนี้กว้างใหญ่ไพศาลกว่าเดิมมาก และมีขนาดใหญ่กว่าภาค Arkham City ที่บุกเบิกแนวโอเพ่นเวิลด์เอาไว้ถึงสองเท่า โดยมีพื้นที่ให้สำรวจได้อิสระถึง 2 เกาะที่เชื่อมต่อกันด้วยสะพานแขวน แบ่งแยกเป็นเมืองก็อธแฮมเก่าที่มีลักษณะเหมือนสลัมแออัด กับเมืองก็อธแฮมใหม่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า โดยตัวเกมจะมีเครื่องบินเจ็ท Batwing ให้ผู้เล่นใช้วาร์ปข้ามไปยังจุดต่างๆในเมืองเพื่อเป็นการประหยัดเวลา (ไม่ได้ขับเอง) แต่ฉากที่ใหญ่ขึ้นนี้ก็ส่งผลเสียให้มีบัคเกิดมากขึ้นตามมาด้วย ทั้งจุดยิงตะขอเกี่ยวที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ตามสโลแกน "ใกล้ๆไม่ ไกลๆติด", กำแพงที่ตัวเราสามารถทะลุผ่านเข้าไปแต่กลับออกมาไม่ได้, ลูกศรระบุตำแหน่งภารกิจหลักหาย รวมถึงเวลาที่เรากดบินโฉบลงมาโจมตีศัตรูหากมีอะไรขวางทางเล็กน้อยก็จะเกิดบัคแปลกๆให้ได้เห็นกัน
เมื่อมาในแนวโอเพ่นเวิลด์เต็มตัว รูปแบบการดำเนินเกมจึงคล้ายกับซีรีส์ GTA ที่เปิดให้ผู้เล่นได้โหนสลิงบินร่อนสำรวจเมืองได้อิสระ หรือหากคันไม้คันมืออยากโฉบลงไปจัดการแก๊งค์อันธพาลตามท้องถนนเพื่อเก็บเลเวลก็ทำได้ โดยที่ตัวเกมจะกำหนดเควสต์หลักมาให้เราเล่นเคลียร์ไปตามเนื้อเรื่อง ซึ่งจะแบ่งเป็นเกมเพลย์เล่นซ่อนหาลอบกำจัดศัตรูไม่ให้รู้ตัว ต่อสู้กับกลุ่มลูกสมุนที่ยกกันมาเป็นฝูง และการสู้ดวลกับบอสท้ายฉาก ส่วนเควสต์รองจะให้เราตามหากำจัดเหล่ามือสังหาร (แทนที่มันจะมาตามล่าเรา) นอกจากนั้นยังมีเควสต์มินิเกมฆ่าเวลาสนุกๆมาให้เล่นอย่างฝึกบินลอดช่อง ไขคดีช่วยตำรวจจับฆาตรกร และตามแก้ปริศนาของเจ้า Enigma ที่มาแทนริดเลอร์ในเกมภาคก่อนๆ
อีกทั้งภาคนี้ยังมีการบรรจุโหมดมัลติเพลย์เยอร์เข้ามาเป็นครั้งแรกของซีรีส์ ในชื่อโหมด "Invisible Predator Online" ที่แบ่งผู้เล่น 8 คนออกเป็น 3 ทีมสู้กันเองแบบ 3 vs 3 vs 2 โดยกำหนดให้ฝ่ายแก๊งค์ลูกสมุนโจ๊กเกอร์ เปิดฉากสงครามใช้ปืนยิงต่อสู้กับแก๊งค์เบนคู่อริในรูปแบบเกมยิงมุมมองบุคคลที่สาม ขณะเดียวกันฮีโร่สองคู่หูแบทแมนกับโรบิน จะมีหน้าที่ในการจับตัวสมาชิกแก๊งค์เพื่อยุติความวุ่นวาย และเมื่อเกมดำเนินไปสักระยะเราสามารถเปลี่ยนไปบังคับเล่นเป็นโจ๊กเกอร์หรือเบนได้ด้วย แต่ข้อเสียของโหมดนี้คือต้องรอให้คนครบ 8 คนถึงจะเล่นได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องยากเนื่องจากตอนนี้แค่หาใครสักคนมาเล่นด้วยก็เต็มกลืนแล้ว
"แบทแมน อาร์คัมออริจินส์" ถือว่าทำออกมาได้น่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ ทั้งระบบการเล่นที่ขาดความสดใหม่ รูปแบบการนำเสนอที่ไร้ไอเดียสร้างสรรค์แค่หยิบจับของเก่ามาเปลี่ยนเนื้อเรื่องเปลี่ยนตัวละครแล้วขายใหม่ รวมถึงบัคใหม่ต่างๆมากมายที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเมื่อมาเทียบกับระดับมาตรฐานที่ตัวเกมสองภาคแรกตั้งเอาไว้ซะสูง จึงทำให้เกมแบทแมนภาคนี้กลายเป็นจุดด่างพร้อยของซีรีส์
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 9 |
เสียง | 9 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7 |
ภาพรวม | 8 |
ข้อดี : เนื้อเรื่องเข้มข้น, เกมเพลย์ลอบเร้นและระบบการต่อสู้ที่ยังคงสนุก, เหล่าตัวละครวายร้ายมากมายที่ยกทัพกันมาจากหนังสือการ์ตูน
ข้อเสีย : ขาดไอเดียความสดใหม่, ปัญหาบัคจุกจิก และโหมดออนไลน์ที่เงียบเหงาไร้ผู้คน
ปู่ชิน
สนับสนุนแผ่นเวอร์ชัน PS3 ในการรีวิวโดยบริษัท นิวอีร่า อินเตอร์แอคทีฟ มีเดีย จำกัด New Era Games