ม็อดเกม FPS ในตำนานชื่อดังฉบับแฟนทำเอง ที่เป็นการนำเกมต้นฉบับในอดีตเมื่อปี 1998 กลับมาทำใหม่หมดด้วย Source Engine กำลังออกมาให้สาวกเล่นกันกลางเดือนนี้
หลังจากทำให้แฟนๆต้องผิดหวังกับเกม "Half-Life: Source" ที่ออกมาเมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นผลงานการรีเมคของทางทีมงานวาล์ว ซอฟต์แวร์ ในการนำเกม "Half-Life" มารันบนเอนจิ้น Source ตัวใหม่เท่านั้นโดยที่ไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักแล้วกลับมาวางขายอีกรอบ จนทำให้สาวกซีรีส์นี้อดรนทนไม่ไหวตัดสินใจรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่ม Black Mesa Modification Team โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเกมฮาล์ฟไลฟ์ภาคแรกขึ้นมาแบบยกเครื่องใหม่หมดกับม็อด "Black Mesa" (หรือชื่อเดิม Black Mesa: Source)
ล่าสุดบนหน้าเว็บไซต์หลัก Blackmesa Source ได้มีการประกาศเริ่มนับถอยหลัง 10 วันสำหรับการปล่อยดาวน์โหลดส่วนแรกของเกม "Black Mesa" (ทีมพัฒนาม็อดระบุว่าเนื่องจากการสร้างทั้งเกมจะกินระยะเวลานานจึงขอทำเกมแยกออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะสิ้นสุดที่ด่าน Lambda Core รวมระยะเวลาการเล่นกว่า 8-10 ชั่วโมงด้วยกัน)
"ในวันที่ 14 กันยายนนี้ ทุกคนจะได้เห็นการปล่อยตัวครั้งแรกของเกม Black Mesa ซึ่งภายในจะบรรจุเกม Half-Life ที่ถูกปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ตั้งแต่ฉากเริ่มเกมไปจนถึงด่าน Lambda Core โดยเราเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งมอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบร่วม 8-10 ชั่วโมง ที่จะทำให้เหล่าแฟนๆมีความสุขและช่วยเราสร้างเกมอันยอดเยี่ยมที่สุดในทุกๆด้านเท่าที่จะทำได้" Carlos Montero หัวหน้าโปรเจกต์เกม Black Mesa กล่าว
สำหรับโปรเจกต์ม็อดดังกล่าวถูกเริ่มมาตั้งแต่ปี 2004 หลัง "Half-Life: Source" วางจำหน่ายไปได้ไม่นาน ซึ่งม็อดตัวนี้จะเป็นการรีเมคเกม "Half-Life" ภาคแรกบนพีซีเมื่อปี 1998 ด้วย Source Engine โดยทางทีมผู้พัฒนาระบุว่าจะสร้างตัวเกมขึ้นมาใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นทั้งโมเดล ฉาก ซาวด์แทร็คประกอบ การให้เสียงตัวละคร และพื้นผิวเท็กซ์เจอร์ต่างๆ อย่างไรก็ตามเกมรีเมคตัวนี้ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของต้นฉบับทั้งเนื้อเรื่องที่มีตัวเอกอย่าง "กอร์ดอน ฟรีแมน" รวมไปถึงตัวละครและฉากสภาพแวดล้อมอื่นๆ
ม็อด "Black Mesa" ของเกมฮาลฟ์ไลฟ์ มีกำหนดเริ่มเปิดให้ดาวน์โหลดกันไปเล่นฟรีบนเครื่องพีซี ในวันที่ 14 กันยายนนี้ โดยผู้เล่นไม่จำเป็นต้องมีเกมภาคต้นฉบับอยู่ในเครื่อง ขอเพียงแค่มีเกมที่สร้างจาก Source Engine ติดตั้งบนสตีมเอาไว้ก็พอ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot
joystiq
kotaku
