ระบบ Xbox360,PS3,PC
เรตเกม ESRB M สำหรับผู้ที่อายุ 17 ปีขึ้นไป
ปกติแล้วภาคต่อของเกมชื่อดังมักจะลดทอนความสนุกลง แต่คำนี้คงใช้ไม่ได้กับเกมสงครามจักรวาล Mass Effect ที่ในทุกภาคล้วนทวีความสนุกมากขึ้นด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้นตลอดในทุกภาค โดยในภาคนี้ถือเป็นการปิดฉากมหาสงครามกับพวก Reapers ที่คราวนี้เกิดทั่วทั้งจักรวาล
เริ่มเกมมาความมันก็บังเกิด เมื่อโลกของเราถูกรุกรานแบบไม่ให้ตั้งตัวจากพวก Reapers ทำให้พระเอกมาดเข้มอย่าง Commander Shepard ต้องรับหน้าที่ในการออกไปรวบรวมเอเลี่ยนทุกเผ่าในจักรวาลเพื่อมารวมพลังสามัคคีกันจัดการกับ Reapers ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป และการดำเนินเนื้อเรื่องที่เข้มข้นของเกมนั้นผู้เล่นจะสามารถเลือกตอบคำถามหรือเลือกคำพูดเพื่อเดินเรื่องได้เองตามใจ รวมทั้งการกดปุ่มการกระทำซึ่งเป็นจุดเด่นของเกม Mass Effect มาตั้งแต่ภาคแรก
ในภาคนี้นั้นไม่ธรรมดา เพราะการเลือกตอบคำถามหรือการกระทำของเราอาจส่งผลสะเทือนทั้ง แกแล็คซี่ระดับที่ทำให้บางเผ่าพันธุ์อาจต้องสูญหายไป และมันส่งผลกับฉากจบที่ชวนตะลึงด้วย แต่สำหรับผู้ที่ไม่สันทัดเรื่องภาษา หรือขี้เกียจมานั่งเลือกตอบเราก็สามารถให้เกมดำเนินเนื้อเรื่องให้เองก็ได้ แต่เชื่อได้เลยว่าแฟนๆ Mass Effect คงเลือกแบบเลือกตอบเองดีกว่า นอกจากจะเลือกตอบคำถามผ่านการใส่คำสั่งแล้วมันยังรองรับการสั่งการด้วยเสียงผ่านกล้อง Kinect บน Xbox360 อีกด้วย ซึ่งเอาไว้เลือกคำตอบและสั่งเปลี่ยนปืนได้
โดยระบบการเล่นนอกจากการเดินเรื่องที่เป็นเกมแนว RPG แล้วที่เหลือจะเป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 3 แบบมองข้ามไหล่และแม้มันจะเป็นลูกผสม แต่ความลื่นไหลในการเล่นก็มีมากขึ้นทั้งการกลิ้งตัวหลบ หรือการหลบเข้าที่กำบัง การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ที่ทำได้ดีเรียกว่าแทบจะเทียบเท่าเกมยิงเทพๆอย่าง Gear Of War แล้วแถมออกแบบด่านได้ฉลาด มีอะไรให้ประหลาดใจและแทบไม่ซ้ำกันในแต่ภารกิจ ตั้งแต่ฉากอวกาศที่ไร้แรงดึงดูด ฉากสงครามที่มันสะใจ หรือฉากในโลกเสมือนจริงที่ต้องเล่นแบบเกม พัซเซิ่ล ก็มีการใส่เข้ามา และมีบางฉากที่มีส่วนคล้ายกับหนังสยองอย่าง Aliens ด้วย จนทำให้แทบไม่มีส่วนไหนของเกมที่น่าเบื่อเลย
ส่วนระบบการอัพเกรดตัวละครยังคงแนวเดิมจากภาคที่แล้วแต่ปรับให้เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งถ้าคุณเบื่อที่ต้องมานั่งอัพเกรดเองยังสามารถเลือกให้เกมอัพค่าพลังแบบอัตโนมัติได้ด้วย ส่วนระบบอาวุธปืนแม้จะดูไม่ได้แตกต่างจากเกมยิงเกมอื่นที่มี ปืนกล,ปืนพก, ปืน shotgun ,ปืนสไนเปอร์ และปืนระเบิดแนวจรวด RPG โดยระบบปืนได้ปรับสมดุลมาอย่างดี และเรายังสามารถปรับแต่งปืนได้ง่ายดายผ่านการนำอุปกรณ์เสริมมาอัพเกรด รวมทั้งชุดเกราะมีรูปลักษณ์ที่ปรับแต่งได้ง่ายสวยงาม โดยรวมทำให้การปรับแต่งตั้งค่าไม่ได้มีความยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย
รวมทั้งระบบการเล่นที่เข้าใจง่าย เพราะมีจุดบอกว่าต้องไปทำอะไรที่ไหนตลอดเกม โดยยังคงเป็นการรับภารกิจสั้นๆในแต่ละสถานที่ทั้งดวงดาว,สถานีอวกาศ และเรามีอิสระในการเลือกทำได้ตามใจไม่มีใครบังคับ รวมทั้งการเลือกจีบตัวละครในเกมได้ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเอเลี่ยน รวมทั้งภาคนี้ยังเลือกจีบเพศเดียวกันได้อีกด้วย ตัวเกมมีความยาวประมาณ 15-20 ชั่วโมงในการทำภารกิจหลัก แต่ถ้านั่งเก็บเควสย่อยทั้งหมดแล้วคุณอาจต้องใช้เวลาท่องอวกาศนานกว่า 40 ชั่วโมง
การท่องจักรวาลในครั้งนี้ ถูกจำลองภาพด้วย Unreal Engine3 ซึ่งมันยังคงทำหน้าที่ได้ดี แถมในภาค 3 ยังเพิ่มความละเอียดคมขึ้นไปอีก อีกทั้งคัทซีนในภาคนี้ที่ยิ่งใหญ่อลังการจนนึกว่าดู Starwars ส่วนการแสดงสีหน้าของตัวละครในเกมทำได้ดี เพียงแต่อาการโหลดเทกเจอร์ ไม่ทันหรือเฟรมเรตตก ก็มีให้เห็นบ้างแต่ถือว่าน้อยมากๆ เพลงประกอบเกมก็ยังคงยิ่งใหญ่อลังการตามแนวทางของเกม ที่ผสมผสานธีมแนวเทคโน ซึ่งเข้ากันได้ดี และที่พิเศษสุดๆสำหรับภาคนี้เกมได้ใส่โหมดออนไลน์แบบช่วยกันเล่นกับเพื่อนแบบ Co-Op ในชื่อว่า Galaxy at War ที่เราต้องจัดการศัตรูตามที่เกมกำหนด ซึ่งแม้จะดูเหมือนเป็นของแถมแต่ความสนุกของเกมก็ไม่แพ้เกมยิงเกมอื่น
สรุปแล้วการร่วมทัพไปกับ Commander Shepard เพื่อร่วมปกป้องจักรวาลในครั้งที่ 3 ยังคงความสุดยอด ไม่ว่าจะเป็นแอ็คชั่นที่สนุกเร้าใจบทดราม่าที่เข้มข้น และผู้เล่นยังเลือกตอบเพื่อดำเนินเรื่องได้ ซึ่งเมื่อความสุดยอดมารวมกันทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมที่ไม่อยากให้มองข้ามไป และชะตากรรมของจักรวาลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคุณที่จะเป็นผู้กำหนดได้เองใน Mass Effect 3 สุดยอดเกม RPG แห่งปี
| เกมการเล่น | 10 |
| กราฟิก | 10 |
| เสียง | 10 |
| ความคิดสร้างสรรค์ | 10 |
| ความคุ้มค่า | สนุกที่สุดใน 3 ภาค |
| ภาพรวม | 10 |
ข้อดี : กราฟิกงามๆ, เกมเพลย์ที่ลื่นไหล , โหมดออนไลน์ที่สนุก
ข้อเสีย : ไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก
ข้อแนะนำ : สานต่อให้จบตำนานในภาคนี้
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)
สนับสนุน บทความโดย ร้านเกม NADZPROJECT
