ไกล่เกลี่ยนัดแรกคดีลอยแพพนักงาน "ไวรัส" ผู้บริหารค่ายเกมไม่เดินทางมาศาล ส่งทนายยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ขอให้ศาลเลื่อนคดีนัดหนึ่ง เผยยินดีเจรจาตกลงกับฝ่ายโจทก์แต่ติดธุระ ฝ่ายกลุ่มอดีตพนักงานไวรัสเตรียมจัดทำสรุปข้อเสนอมาเสนอต่อศาลและมอบให้จำเลยรับไปพิจารณาในนัดหน้า
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 9.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 18 ศาลแรงงานกลาง ศาลได้นัดไกล่เกลี่ย นัดพิจารณาและสืบพยานโจทย์ คดีหมายเลขดำ 2735-2757/2554 ที่นายณัฐวุฒิ ทองใหม่ กับพวกรวม 23 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ไวรัส สทิวดิโอ จำกัด โดยนายอาริยา มิลินธนาภา ผู้มีอำนาจกระทำการแทน กับพวกรวม 3 คน ในความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
ทั้งนี้ ฝ่ายโจทก์ นายณัฐวุฒิ ทองใหม่ กับพวกได้เดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ขณะที่ฝ่ายจำเลยได้มอบหมายให้ นายพัฒนธน ปานสมบัติ ทนายความเดินทางมาศาลแทน
ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยมีความประสงค์ที่จะเจรจาตกลงกับโจทก์ทั้ง 23 คน แต่ในวันนี้ติดธุระไม่สามารถมาศาลได้ ประกอบกับทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ ขอให้ศาลเลื่อนคดีออกไปสักนัดหนึ่ง ทนายโจทก์ไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดีและไม่ขัดข้องหากจำเลยจะยื่นคำให้การในนัดหน้า
ทนายโจทก์แถลงว่า โจทก์ทั้ง 23 ประสงค์จะเจรจาตกลงกับจำเลยเช่นกัน โดยในนัดหน้าจะจัดทำสรุปข้อเสนอของโจทก์แต่ละรายมาเสนอต่อศาลและมอบให้จำเลยรับไปพิจารณา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีทางตกลงกันได้และจะเป็นประโยชน์แก่คู่ความ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554 เวลา 13.00 น. พร้อมอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำให้การของจำเลยทั้งสามจนถึงนัดหน้า
หลังออกจากห้องพิจารณาคดี นายพัฒนธน ปานสมบัติ ทนายจำเลย ได้ระบุถึงสาเหตุที่จำเลยไม่มาศาลในวันนี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่จำเลยอาจจะติดธุระ เป็นสิทธิของจำเลยที่อาจจะมาก็ได้ ไม่มาก็ได้ ตนไม่ทราบรายละเอียดเนื่องจากเป็นทนายบริษัทกฏหมาย รับงานมาจากหัวหน้า แต่ในนัดหน้าจำเลยคงต้องมาอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของรูปคดีตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริงมากนัก จะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากจำเลยผิดจริงก็จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฏหมายคุ้มครองแรงงานอยู่แล้ว
ด้านนายวัชระ อุปถัมภ์เจริญ ทนายโจทก์ ระบุว่า ถ้าพูดตามหลักข้อกฏหมาย การที่จำเลยไม่มาศาลเพราะมีเหตุจำเป็นถือเป็นสิทธิที่กระทำได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้คดีอย่างเท่าเทียมกัน การเลื่อนนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปเป็นวันที่ 21 กันยายน จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนัดครั้งนี้เป็นนัดแรกจำเลยอาจจะพึ่งแต่งตั้งทนาย การที่คำร้องของทนายจำเลยขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การก็อาจจะเป็นเพราะว่ายังเตรียมตัวไม่ทัน ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของการขอเวลาทำงาน ยังไม่สามารถพูดได้ว่าตั้งใจที่จะประวิงเวลาหรือไม่
นายวัชระ ระบุว่า บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเมื่อเช้าที่ผ่านมา ทางศาลเองก็อยากทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจทก์ ซึ่งโจทก์เองก็ได้ชี้แจงให้ศาลได้รับทราบแล้ว ส่วนเรื่องของการต่อสู้คดีจะต้องแยกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือจะชนะคดีหรือไม่ ส่วนประเด็นที่สองคือเมื่อชนะคดีแล้วจะได้รับการเยียวยาค่าเสียหายหรือไม่ เรื่องของการต่อสู้คดีจะชนะหรือไม่นั้น ตนในฐานะทนายโจทก์ย่อมที่จะมีความมั่นใจว่าจะชนะคดี แต่ศาลจะเห็นเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ไม่ว่าจะตัดสินออกมาเช่นไรก็จะต้องเคารพในคำตัดสิน
นายวัชระ ระบุว่า เรื่องของการบังคับคดี ถ้าผลออกมาว่าชนะคดีแล้วจะได้รับการเยียวยาหรือไม่ ทางศาลก็ได้รับทราบข้อเท็จจริงจากโจทก์ว่า บริษัทไวรัส สทิวดิโอ ไม่ได้ดำเนินการแล้ว อาจจะอยู่ในขั้นตอนของการปิดกิจการ อยู่ในขั้นตอนของการล้มละลายหรือถูกฟ้องล้มละลาย เป็นเช่นไรนั้นไม่ทราบได้ แต่หากมีลักษณะใดที่ไปในทิศทางนั้นแล้ว ก็จะเสี่ยงต่อการที่เมื่อชนะคดีแล้วโจทก์ทั้ง 23 อาจจะไม่ได้รับค่าเสียหายหรือได้รับค่าเสียหายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งตรงนี้นักกฏหมายจะทราบกันดีว่าการชนะคดีกับการบังคับคดีเป็นคนละส่วนกัน