ประธาน SSD ผู้คิดเทคโนโลยี XaviX เคยเป็นหนึ่งในทีมสร้างฟามิคอม เผยใช้แนวคิดพัฒนาซอฟต์ความบันเทิงแบบไร้ข้อจำกัดด้วยการอัปเกรดภายในตลับแทนตัวเครื่อง แถมลดปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ก๊อปง่ายเหมือนแผ่นซีดี ยึดหลักความสำเร็จเพียงแค่ “อย่าย่อมแพ้” ผู้ร่วมทุนชาวไทยเปิดราคาเครื่อง XaviXPORT เพียง 1,799 บาท ชุดซอฟต์แวร์ถูกสุดอยู่ที่ 1,399 บาท
บริษัทซาวิคซ์เชื้อเชิญทีมงานแมเนเจอร์ เกมส์มานั่งพูดคุยแบบเจาะลึกถึงผลิตภัณฑ์เกมภายใต้แบรนด์ “XaviX”ที่มีคนไทยเข้าไปร่วมทุนและนำเข้ามาจำหน่ายในภาคพื้นตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีทั้งตัวผู้บริหารระดับสูงชาวไทยและชาวต่างชาติมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปและการทำการตลาดในประเทศไทย ก่อนจะตั้งต้นเปิดขายอย่างเป็นทางการในงานมหกรรม “ไทยแลนด์ เกมโชว์ 2010” ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 8-10 ม.ค.นี้
“คัตซึยะ นาคางาวะ” ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทSSD COMPANY LIMITED เล่าถึงประวัติของตัวเองคร่าวๆว่า เขาเป็น 1 ใน 5 ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทนินเทนโด ในสมัยทำเครื่องวิดีโอเกมแบบ 8-บิต หรือในชื่อทางการค้าที่เรารู้จักกันในนาม “ฟามิคอม” จากนั้นเขาได้ลาออกจากนินเทนโดเพื่อมาตั้งบริษัทของตัวเอง โดยตั้งเป้าว่าจะผลิตสินค้าเพื่อความบันเทิงในรูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากเกม เน้นพัฒนาไปที่ตัวชิปโปรเซสเซอร์ ด้านคำว่า XaviX นั้น จะเห็นได้ว่ามีตัว X อยู่ 2 ตัว สื่อถึงเครื่องหมายอินฟินิตี้ที่หมายถึงความไม่มีที่สิ้นสุดและยังหมายถึงปริศนาที่น่าค้นหา ส่วนตัว avi ก็มาจากคำว่า Audio-Visual-Interactive
โปรเซสเซอร์รุ่นแรกผลิตขึ้นมาเมื่อปี 1999 จนถึงตอนนี้ก็มีมาแล้ว 5 รุ่นด้วยกัน ตัวโปรเซสเซอร์ของ XaviX ได้แตกไลน์ออกเป็นสินค้ากว่า 300 ชนิด และมีจำนวนของสินค้าผลิตออกมาแล้วถึง 30 ล้านชิ้น โดยสินค้าตัวแรกออกมาขายในปี 2000 ในรูปแบบของเล่นเด็ก นั่นก็คือเบสบอล จากนั้นก็มีผู้ผลิตของเล่นมาซื้อชิปของเขาไปใช้จำนวนมาก สินค้าที่ขายดีตัวหนึ่งก็คือไมโครโฟนร้องคาราโอเกะแบบต่อเข้าทีวีได้เลย นอกจากนี้ยังถูกนำไปใส่ในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและการศึกษา
นาคางาวะเปิดเผยว่า แนวคิดในการนำโปรเซสเซอร์มาใช้กับวิดีโอเกมในลักษณะปัจจุบัน มีมาในตอนก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1995 แล้ว เพียงแต่ว่าเขายังนึกลักษณะไม่ออก แต่คำถามสำคัญก็เกิดขึ้นในใจว่าจะสามารถทำโปรเซสเซอร์ราคาถูก แต่คุณภาพดีได้อย่างไร เมื่อผ่านไป 3 ปี เขาจึงทำมันได้สำเร็จ แม้จะล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง แต่สิ่งท่องเอาไว้ก็คือ “เขาไม่เคยยอมแพ้” นั่นคือหลักสำคัญสำหรับคนที่จะประสบความสำเร็จได้ ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 12 ปีมาแล้ว สำหรับองค์ประกอบภายในโปรเซสเซอร์หนึ่งตัวนั้น ข้างในจะมีโปรเซสเซอร์อีก 4 ตัวบรรจุอยู่ โดยมันจะแยกหน้าที่ในการควบคุมการทำงาน
เมื่อถามว่าทำไมถึงทำเกมออกมาเป็นแบบ “ตลับ” นาคางาวะตอบว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีของเครื่องเล่นเกมคอนโซลต่างๆ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องมาเรียนรู้ระบบเครื่องใหม่ แต่เมื่อใช้ในรูปแบบตลับมันก็สามารถใส่ตัวโปรเซสเซอร์ควบคุมลงไปได้ ซึ่งทำให้ตัวซอฟต์แวร์แต่ละตัวมีความแตกต่างจากเกมอื่นๆ และยังก๊อปปี้ไม่ง่ายเหมือนใช้บันทึกด้วยแผ่นซีดี ดังนั้น เมื่อต้องการความเปลี่ยนแปลงใหม่ ทางบริษัทจึงไม่ต้องอัปเกรดตัวเครื่อง “XaviXPORT” แต่ใช้การอัปเกรดผ่านทางตัวตลับที่บรรจุชิปโปรเซสเซอร์ลงไป โดยไม่มีข้อจำกัดให้กังวลใจเหมือนเครื่องเกมคอนโซล ดังนั้น เมื่อคิดอะไรใหม่ๆได้ก็ใส่ลงไปในตลับเกมเลย
ด้วยการมองอนาคตของเทคโนโลยี บริษัทได้นำ 5 เทคโนโลยีมาปรับประยุกต์ใช้ตามประเภทของเกม ก็คือ อินฟรา-เรด,คลื่นความถี่ 2.4 Ghz,บลูทูธ,Wi-Fi และระบบวิธีการสื่อสารที่คิดค้นขึ้นมาเอง โดยการใช้อินฟรา-เรดเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดในบรรดา 5 อย่างนี้ ทั้งนี้ เมื่อลองถามถึงไอเดียใหม่ๆเกี่ยวกับระบบการเล่น นาคางาวะบอกว่า เขามีอยู่หลายตัวทีเดียว แต่ตอนนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ (รูปแบบการเล่นแบบจับความเคลื่อนไหวนั้น ทาง SSD พัฒนามาก่อน Wii ราว 2 ปี)
ในส่วนของพอร์ต Expansion Jack ด้านข้างเครื่องนั้น นาคางาวะอธิบายว่า มันเป็นเหมือนพอร์ตสารพัดประโยชน์เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต ทั้งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต,สัญญาณ RF,กล้อง,เครื่องเล่นMP3 อย่าง iPod โดยยกตัวอย่างซอฟต์แวร์ที่ชื่อ Music & Circuit ที่ใช้บริการเจ้าพอร์ตนี้ ตัวซอฟต์แวร์สามารถเข้าไปจับจังหวะของเพลงแล้วแปลงออกมาเป็นเกม เพื่อให้ผู้เล่นเต้นรำหรือวิ่งให้เข้ากับจังหวะ
ราคาผลิตภัณฑ์ที่ขายในไทย อย่างตัวเครื่อง XaviXPORT จะอยู่ที่ 1,799 บาท ส่วนตลับเกมที่มาพร้อมอุปกรณ์จะแบ่งออกเป็น 7 ระดับราคา เริ่มที่กลุ่ม XaviXTENNIS,XaviXBOWLING และXaviXBASEBALL ถูกตั้งราคาไว้ตัวละที่ 1,399 บาท ตามมาด้วยกลุ่ม 3 เกมขายดี PowerBoxing,XaviXGolf และ J-MAT ขายในราคาตัวละ 2,499 บาท ด้านชุด XaviX Music & Circuit ขายที่ราคา 2,899บาท ชุดเบ็ดตกปลา XaviXBassFISHING อยู่ที่ 2,999 บาท และชุดXaviX Lifestyle Manager ปักราคาไว้ที่ 3,899 บาท แต่หากใครอยากซื้อทีเดียวหลายอุปกรณ์ก็มีชุดซูเปอร์ สปอร์ต เซ็ตให้เลือกในราคา 9,999 บาท มัดขายเหมาทั้งเครื่อง XaviXPORT ,ชุดกอล์ฟ,เทนนิส,ชกมวย,โบว์ลิ่ง และJ-MAT ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์มีการรับประกันตัวเครื่อง 180 วัน
อย่างไรก็ตาม ตลับเกมของ XaviX ที่วางขายในประเทศไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ในญี่ปุ่นยังมีอีกหลายต่อหลายตัว แต่เลือกตัวที่ถูกทำเป็นภาษาอังกฤษก่อน โดยในอนาคตจะมีเกมประเภทเสริมทักษะและพัฒนาการของเด็กอีกหลายตัวมาสมทบ อย่างเกมพาวเวอร์คิด ที่ช่วยฝึกทักษะการแยกแยะ,การจำ,การคำนวณ และการวิเคราะห์
นายพล อภิธนาคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซาวิคซ์ กล่าวว่า สาเหตุที่เข้าไปร่วมทุนก็คือมองเห็นโอกาสในการพัฒนาซอฟต์แวร์และผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีของ XaviX ขึ้นภายในประเทศแล้วส่งออกไปขายในภูมิภาคเราและทั่วโลกผ่านช่องทาง SSD โดยเราไม่ได้มองแค่เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะไม่ได้ประโยชน์กับคนไทย ส่วนเป้าหมายทางการตลาดจะเน้นไปที่กลุ่มความบันเทิงในครอบครัว ,กลุ่มที่ต้องการออกกำลังกายภายในบ้าน และกลุ่มที่เล่นแล้วประเทืองปัญญา นอกเหนือจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของเรายังมีแสดงในนิทรรศการเกมวิทย์ที่งาน TGS ด้วย
ตลอดการสัมภาษณ์มีฮิโรมุ อุเอชิมะ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารและรองประธานอาวุโสแผนกวิจัย&พัฒนา รวมถึงปีเตอร์ นิวแมน ผู้จัดการทั่วไปบริษัทSSD อเมริกา ช่วยเสริมข้อมูลต่างๆเพิ่มขึ้น โดยมีทีมงาน SSD หลายคนเดินทางมาจากญี่ปุ่นเพื่อเปิดตัวในงาน TGS วันนี้ด้วย(8ม.ค.)
เว็บไซต์เกี่ยวข้อง
http://www.xavix.co.th