แม้จะมีเกมเมอร์บางส่วนออกมาต่อต้านขู่บอยคอตเกม "โมเดิร์น วอร์แฟร์ 2" เวอร์ชั่นพีซีที่ตัดเซิร์ฟเวอร์กลางทิ้งไป แต่ก็ไม่สามารถหยุดความแรงของเกมนี้ได้ ล่าสุดแอคติวิชั่นออกมายืนยันว่าเกมชูตติ้งภาคสองเวอร์ชั่นพีซีนี้สามารถทำยอดขายได้ดีกว่าเกมภาคแรก
ก่อนที่เกมชูตติ้ง "Call of Duty: Modern Warfare 2" จะเปิดวางจำหน่าย มีเรื่องราวเกี่ยวกับเกมให้เกิดข้อถกเถียงกันหลายอย่าง นอกจากฉากที่ล่อแหลมในโหมดแคมเปญแล้ว สิ่งที่มีทำให้ผู้เล่นไม่พอใจเป็นอย่างคือการที่ตัวเกมเวอร์ชั่นพีซีจะไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง
หลังจากที่แอคติวิชั่นยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าเกม "โมเดิร์น วอร์แฟร์ 2" เวอร์ชั่นพีซีจะไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางรองรับการเล่นมัลติเพลเยอร์ เหล่าเกมเมอร์ที่ไม่พอใจกว่า 220,000 ก็ร่วมกันลงชื่อยื่นให้กับ "อินฟินิตี้ วอร์ด" ในฐานะผู้พัฒนาเกมเพื่อพิจารณานำเซิร์ฟเวอร์กลางกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางจะบอยคอตไม่ซื้อเกมมาเล่น
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงกำหนดวางจำหน่ายเกม "โมเดิร์น วอร์แฟร์ 2" เวอร์ชั่นพีซี ในวันที่ 10 พฤศจิกายน(พร้อมกับเวอร์ชั่น PS3 และ Xbox360) คำขู่ของเกมเมอร์ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อยอดขายเกม "โรเบิร์ต โบว์ลิ่ง" ผู้จัดการฝ่ายติดต่อสื่อสารของแอคติวิชั่น ระบุว่าเมื่อเทียบการเปิดวางจำหน่ายในสัปดาห์แรก เกมโมเดิร์น วอร์แฟร์ 2 เวอร์ชั่นพีซี ขายดีกว่าเกมภาคแรกเวอร์ชั่นเดียวกัน นอกจากนั้นเกมภาคสอง นี้ยังเป็นเกมเวอร์ชั่นพีซีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกด้วย อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยข้อมูลตัวแรกยอดขายเกมเวอร์ชั่นพีซีออกมา
"เกมโมเดิร์น วอร์แฟร์ 2 เวอร์ชั่นพีซี ขายได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเกมเดียวกันบนแพลตฟอร์มตัวอื่น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเวอร์ชั่นพีซีเป็นตลาดที่เล็กที่สุด โมเดิร์น วอร์แฟร์ 2 ทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้ดีกว่าเกมภาคแรก และมันก็เป็นเกมเวอร์ชั่นพีซีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด"
"จากเปอร์เซนต์ยอดขายทั้งหมดพิสูจน์ได้ว่าเกมเวอร์ชั่นคอนโซลขายดีเป็นอย่างมาก แต่มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเกมเวอร์ชั่นพีซีขายไม่ดี เพราะว่ามันเป็นคนละกรณีกัน เกมเวอร์ชั่นพีซีทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายในสัปดาห์แรกที่เปิดวางจำหน่าย ซึ่งดีกว่าเกมภาคแรก" โรเบิร์ต โบว์ลิ่ง ทิ้งท้าย
เกม "โมเดิร์น วอร์แฟร์ 2" เวอร์ชั่นพีซี ไม่ได้เป็นเวอร์ชั่นเดียวที่ทำยอดขายได้ดีกว่าเกมภาคแรก เกมเวอร์ชั่นเพลย์สเตชั่น 3 และ Xbox360 ก็ทำยอดขายได้ดีกว่าภาคแรกเช่นกัน โดยแอคติวิชั่นประมาณการณ์ว่าหลังเปิดวางจำหน่ายไปได้ 5 วัน เมื่อนับรวมทุกแพลตฟอร์มแล้วสามารถทำรายได้ทั่วโลกได้ 550 ล้านเหรียญสหรัฐ เหนือความบันเทิงอื่นๆ อาทิ เกมโหด Grand Theft Auto 4 , ภาพยนตร์ The Dark Knight และ Harry Potter and the Half-Blood Prince หรือนวนิยาย Harry Potter and the Deathly Hallows
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
gamespot.com
ign.com
gamasutra.com
