"วอลต์ ดิสนีย์"ทุ่มทุนสร้างซื้อกิจการเจ้าของการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ “มาร์เวล” มูลค่าเหยียบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หวังดึงมาเสริมสร้างธุรกิจในอนาคตด้วยตัวละครกว่า 5,000 ตัว ชี้ตอนนี้ยังไม่ใช้ประโยชน์จากขุมทรัพย์ก้อนใหญ่มารุกตลาดวิดีโอเกมเต็มตัว
ข่าวช็อกวงการอุตสาหกรรมบันเทิงโลกเกิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการมายาระดับโลก “เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ คอมพานี” แถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงการซื้อกิจการบริษัท “มาร์เวล เอนเตอร์เทนเมนต์” เจ้าของตัวการ์ตูนชื่อดังมากมาย ด้วยมูลค่าหุ้นและเงินสดเป็นจำนวนถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 137,000 ล้านบาท เพื่อเดินแผนยุทธศาสตร์ในการสร้างคุณภาพของแบรนด์ คอนเทนต์
ดิสนีย์ เปิดเผยว่า ภายใต้ข้อตกลงของทั้งคู่ จะยึดเอาราคาหุ้นที่ปิดตลาดเมื่อวันที่ 28 ส.ค. โดยผู้ถือหุ้นของมาร์เวลจะได้รับเงิน 30 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น บวกด้วยสัดส่วนหุ้นของดิสนีย์ประมาณ 0.745 เมื่อคิดรวมแล้วก็จะมีมูลค่าอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น หรือเกือบ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โรเบิร์ต อัลเลน ไอเจอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเดอะ วอลต์ ดิสนีย์ คอมพานี กล่าวว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้นั้น ดิสนีย์มุ่งหวังที่จะอาศัยความแข็งแกร่งของแบรนด์ “มาร์เวล”ที่มีตัวละครเป็นที่รู้จักของโลกมากมาย อาทิ สไปเดอร์-แมน,ไอรอน แมน,เอ็กซ์-เมน,กัปตัน อเมริกา,แฟนแทสติก โฟร์ และทอร์ ผสมผสานกับทักษะความสามารถที่ดิสนีย์มีอยู่เพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์กระจายไปหลายๆแพลตฟอร์มและพื้นที่ต่างๆ
“Ike Ike Perlmutter” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาร์เวล แสดงความเห็นว่า ดิสนีย์คือบ้านดีพร้อมสำหรับเหล่าตัวละครในสังกัดมาร์เวล ถือเป็นการขยายช่องทางการสร้างคอนเทนต์และเรื่องลิขสิทธิ์ผ่านเครือข่ายของดิสนีย์ที่มีอยู่ทั่วโลก
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงนั้น ดิสนีย์จะได้ใช้คาแร็กเตอร์ของมาร์เวลที่มีมากกว่า 5,000 ตัวมาใช้ประโยชน์ โดย Ike Perlmutter จะยังคงมีบทบาทในบริษัทต่อไปและร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับดิสนีย์
บริษัทเดอะ วอลต์ ดิสนีย์ คอมพานีดำเนินธุรกิจมากมายในด้านความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นมีเดีย เน็ตเวิร์ก,สวนสนุก,รีสอร์ต,สตูดิโอผลิตสื่อบันเทิง,อินเตอร์แอ็คทีฟ มีเดีย และสินค้าอุปโภคบริโภค โดย 30 บริษัทในเครือทำรายได้ให้กับองค์กรเมื่อปีงบประมาณที่ผ่านมาเกือบ 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างมิกกี เมาส์,ABC,มิราแม็กซ์ และอื่นๆ
ปัจจุบันดิสนีย์ให้ความสนใจในธุรกิจวิดีโอเกม ด้วยการตั้งบริษัท “ดิสนีย์ อินเตอร์แอ็คทีฟ สตูดิโอส์”เข้ามาต่อยอดหนังในเครือให้มาเป็นเกม อาทิ G-Force , Hannah Montana: The Movie หรือเกมแข่งรถที่น่าจับตามองอย่าง Split/Second ขณะที่มาร์เวลก็ให้สิทธิ์บริษัทเกมต่างๆทำเกมจากตัวละครชื่อดัง เช่น แอ็คติวิชัน(Marvel Ultimate Alliance 2), แคปคอม (Marvel vs. Capcom 2), เซก้า (Iron Man 2) และ THQ (Marvel Super Hero Squad)
รายงานข่าวจากเว็บ Kotaku ระบุว่า ดิสนีย์อาจยังไม่นำผลิตผลของมาร์เวลมาพัฒนาเกม แม้จะมีสตูดิโอที่ทำงานด้านนี้ก็ตาม เพราะแต่ละค่ายเกมที่ได้ลิขสิทธิ์ตัวละครมาร์เวลไปล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญในการพัฒนาเกมอยู่แล้ว นอกจากนี้ มาร์เวลได้ให้ลิขสิทธิ์กับแอ็คติวิชันไปทำเกม Marvel Ultimate Alliance กับ Wolverine จนถึงปี 2017 ส่วนบริษัท Gazillion Entertainment ได้สิทธิ์ทำเกมออนไลน์ MMO ถึงปี 2019
ข้อมูลและภาพประกอบจาก...
www.gamespot.com
www.joystiq.com
marvel.com
kotaku.com
www.1up.com