Rate ESRB E สำหรับผู้มีอายุ 6 ปีขึ้นไป (ทั้ง2เกม)
หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมา 2 ปีกว่า เครื่องนินเทนโด วี (Wii)ที่มากด้วยลูกเล่น และประสบความสำเร็จทั่วโลก ทำให้ผู้เล่นสนุกและแตกต่างจากรูปแบบการเล่นทั่วไปด้วยสัมผัสที่สมจริงกว่า แต่ในช่วงที่ผ่านมาเกมที่ออกบนเครื่องวี กลับทำไม่สนุกดั่งที่คาดไว้ การควบคุมส่วนใหญ่แค่นั่งสะบัดจอยวี รีโมตไปมา เรียกได้ว่า ถ้าตัวเกมไม่ดีจริง เกมก็ไปไม่รอด จนบางมีคนตั้งคำถามว่า "เครื่องวีหมดมุกแล้วหรือ?" แต่ในที่สุด ความหวังใหม่ของเครื่องวี วี โมชัน พลัส (Wii Motion Plus) ก็ได้ฤกษ์ออกมาเสริมเติมพลังกันเสียที ดังนั้นจึงขอรีวิวเกมที่ออกมารองรับด้วยกัน 2 เกม ทั้งแนวเทนนิสอย่าง "Virtua tennis 2009" ของค่าย SEGA และเกมตีกอล์ฟ "Tiger Wood PGA Tour 10" ของค่าย EA เรามาดูกันว่าจะสมจริงและเป็นความหวังใหม่เหมือนดั่งคำโฆษณาหรือไม่
** รีวิวนี้จะเน้นไปที่การควบคุมบังคับเป็นหลัก**
แรกเริ่มเปิดกล่อง คุณจะพบกับ "วี โมชัน พลัส" ที่บรรจุอยู่ในซอง ซิลิโคนอันใหม่ที่ยาวขึ้น เพื่อรองรับทั้งตัววี รีโมต และรองรับวี โมชัน พลัสด้วย การประกอบกับวี รีโมตนั้นก็ทำได้ง่ายดายเหมือนใส่ซองซิลิโคนทั่วไป และเมื่อเสียบแล้วต้องดันสวิตช์เพื่อล็อก แต่ถ้าคุณไม่ชอบซิลิโคนก็สามารถถอดเอาวี โมชัน พลัสมาติดอย่างเดียวก็ได้ โดยที่เมื่อติดแล้วยังสามารถใช้ "นันชัก" ได้ตามปกติโดยเอามาเสียบต่อกับวี โมชัน พลัสได้เลย ข้อเสียของการสวมวี โมชัน พลัส คือ ตัวจอยมีความยาวขึ้น จนเมื่อเล่นเกมที่ต้องจับวี รีโมตในแนวนอนที่ต้องกดปุ่ม 1 และ 2 ร่วมด้วยอาจจะทำให้กดได้ลำบากเล็กน้อย
ในการควบคุมบังคับ สำหรับเกม “Virtua Tennis 2009” การบังคับวี รีโมตเพื่อเลียนแบบไม้เทนนิส เพื่อตี Backhand ,Forehand รวมถึงแรงการตีลูกและมุมตกกระทบลูกเทนนิสเพื่อกำหนดทิศทางนั้นทำได้ดีและแม่นยำขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่คุณต้องจับวี รีโมตให้ถูกต้อง โดยการจับใช้การจับด้านข้าง คล้ายๆกับลักษณะการจับไม้เทนนิสจริงๆ และสำหรับผู้ที่อยากบังคับตัวละครให้เคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง Virtua Tennis นั้น สามารถบังคับตัวละครได้ด้วย D-pad หรือนันชัก (แนะนำว่าให้ตีอย่างเดียวดีกว่า) โดยรวมทำได้ดีกว่าการเล่นโดยไม่ใช้วี โมชัน พลัส และถ้าเล่นแบบไม่ใช้วี โมชัน พลัสจะมีแถบพลังมาให้กำหนดทิศทางในการตีแทน ทำให้รูปแบบการเล่นแตกต่างกับไม่ใช้พอสมควร
มาต่อกันที่เกมตีกอล์ฟที่มีภาคต่อมายาวนานอย่าง “Tiger Wood PGA Tour 10” อันนี้ต้องยกนิ้วให้ค่าย EA ที่ทำการบ้านมาดีมาก เพราะสามารถจับรายละเอียดได้สุดๆแบบ 1 ต่อ1 นอกจากนี้ เรายังสามารถบิดข้อมือเพื่อเปลี่ยนทิศทางลูกได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเที่ยงตรงและละเอียดสมจริงมาก โดยการควบคุมบังคับใช้ร่วมกับการกดปุ่ม โดยกด A เพื่อดูทิศทางการตี และปรับทิศทางได้โดยใช้ D-pad และเมื่อได้ทิศทางที่ต้องการ ก็ให้จับวี รีโมตชี้ลงพื้นเหมือนทำท่าเหมือนจับไม้กอล์ฟ และกด B เพื่อตี ส่วนถ้ากด A พร้อม B เพื่อทดสอบวงสวิง โดยตัวเกมมีเมนูที่ดูง่าย และยังมีระบบ All Play ไว้ให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้สนุกกันแบบง่ายๆ เพราะโหมดนี้จะมีตัวช่วยบอกทางและแถบพลังที่ละเอียดมาก แต่ถ้าคุณชอบความท้าทายก็สามารถปรับเป็นแบบมืออาชีพก็ย่อมได้
นอกจากนี้ ทั้ง 2 เกม ยังขนโหมดต่างๆมาให้เล่นกันมากมายจนแทบบรรยายไม่หมด ทั้งโหมด ที่ให้คุณสามารถสร้างตัวละครเองได้ และมินิเกมมากมายและมีการประยุกต์ให้เล่นกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน แต่ที่โดดเด่นคือ มินิเกมของเกม Tiger Wood ที่คุณจะได้ใช้ “จานร่อน” แทนลูกกอล์ฟ ที่เหมือนเป็นการทดสอบวี โมชัน พลัสได้ดีที่สุด เพราะเราสามารถจับบังคับจานร่อนได้ให้เคลื่อนไหวตามเราได้ 100% และเมื่อฝึกในโหมดนี้จนชำนาญ คุณอาจจะติดใจระบบจานร่อนจนลืมเล่นโหมดอื่นๆไปเลย ส่วน Virtua Tennis ก็มีมินิเกมให้เล่นทั้งในโหมด Play และในโหมด World Tour แม้จะสู้ Tiger Wood ยังไม่ได้แต่ก็ถือว่ามีไว้เล่นเพลินๆ
ส่วนโหมดออนไลน์ก็มีมาให้เล่นทั้ง 2 เกม แต่ที่สุดยอดและคือระบบ EA Online ของ Tiger Wood PGA tour 10 ที่ไม่ต้องยุ่งยากกับระบบ Friend Code อีกต่อไป โดยคุณสามารถสมัครชื่อที่คุณต้องการผ่านเครื่องวีได้เลย นอกจากนี้ เกมยังมีโหมด Tournaments กับแบบแข่งกับเพื่อนได้ทั่วโลก ทั้งแบบรายวันและรายเดือน รวมทั้งยังมีระบบสภาพอากาศภายในเกมตรงตามสภาพอากาศจริงอีกด้วย ส่วนนี้เหมือนเป็นการส่งสัญญาณไปยังระบบออนไลน์อันแสนเชยของนินเทนโดเองว่า ถ้าตั้งใจทำจริงๆ วี ก็สร้างสังคมออนไลน์ที่ดีได้เช่นกัน เพียงแต่จะตั้งใจทำกันหรือเปล่าเท่านั้น
ทั้ง 2 เกมมีการทำสถิติ รวมทั้งการทำคะแนนเพื่อปลดล็อก หรืออัปเกรดค่าพลังต่างได้อีกด้วย และก่อนจะจบรีวิว ขอวกกลับเข้ามาดูด้านกราฟิกและระบบเสียงของทั้ง 2 เกมกันสักนิดโดยรวมดูเหมือนไม่ต่างจากภาคก่อนๆนัก และหลายส่วนยังดูหยาบมาก ก็เป็นเรื่องปกติของเกมที่เน้นลูกเล่นบนเครื่องวีที่จะลืมส่วนนี้ เพราะความจริง วีทำกราฟิกได้ดีกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามที 2 เกมนี้ก็ไม่ได้มีกราฟิก และดนตรีประกอบที่เลวร้ายแต่อย่างใด และอย่างน้อยๆก็มีนักเทนนิส และนักกอล์ฟชื่อดังมาให้เลือกเล่นกันมากมายหลายคน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะลืมข้อด้อยเรื่องภาพได้
สรุปแล้วหลังจากการทดสอบวี โมชัน พลัสเสร็จสิ้น คำถามที่ต้องถูกถามมาแน่นอนคือ มันแม่นยำแค่ไหน และคุ้มหรือไม่ที่จะซื้อมาเล่น ความจริงนั้นความสนุกของเกมไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ ฮาร์ดแวร์ เท่านั้นแต่ยังอยู่ที่ซอฟต์แวร์ด้วย ถ้าเทียบกับ 2 เกมนี้ Virtua Tennis ก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง ส่วน Tiger Wood ทำได้เยี่ยมกว่า ทั้งโหมดเยอะ ,สนามเพียบ ,ระบบการเล่นที่สมบูรณ์ และระบบออนไลน์ที่สุดยอด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเกมเองที่สร้างออกมาได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว วี โมชัน พลัสเป็นเพียงส่วนเสริมเติมเต็มให้เกมสมจริงขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ถ้าถามว่าคุ้มหรือไม่? คงต้องลงลึกไปถึง ตัวเกมเองว่าดึงความสามารถของเครื่อง และสร้างตัวเกมออกมาได้สนุกแค่ไหน และทั้ง 2 เกม แม้จะไม่ได้ออกมาจากนินเทนโดเอง ก็ยังถือว่าสอบผ่านในการเป็นเกมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ ตัวใหม่ของปู่นิน ส่วนวี โมชัน พลัสจะเป็นความหวังใหม่ของวีได้หรือไม่คงต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์กันต่อไป
Wii Motion Plus ราคาประมาณ 900-1100 บาท
ขอขอบคุณ "ณัฐ" เพื่อนพันธมิตรที่แสนดีที่ให้ยืม "วี โมชัน พลัส" มารีวิวในครั้งนี้
คะแนน Virtua Tennis 2009
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 7 |
การควบคุมบังคับ | 8.5 |
ความคุ้มค่า | การควบคุมที่สมจริงขึ้น |
ภาพรวม | 8 |
คะแนน Tiger Wood 10
เกมการเล่น | 9 |
กราฟิก | 7 |
เสียง | 7 |
การควบคุมบังคับ | 9.5 |
ความคุ้มค่า | เกมกอล์ฟที่ดีที่สุดบนวี |
ภาพรวม | 9 |
Darth.Vader (วงศกร ปฐมชัยวัฒน์)