สำหรับเครื่องนินเทนโด วี (Wii) เกมแรกๆที่ผู้คนต้องนึกถึงคงหนีไม่พ้น “วี สปอร์ต” ที่ดูเหมือนเป็น เดโมมาให้ลองเล่นมากกว่าเล่นจริงๆจังๆ ดูไปแล้วเหมือนจะเป็นแนวทางให้ค่ายเกมอื่นๆนำไปสานต่อ ซึ่งเวลาก็ผ่านมาปีกว่า กลับไม่ค่อยมีเกมที่นำรูปแบบการเล่นจากวี สปอร์ต มาสร้างต่อได้สนุกและเรียบง่ายเท่าต้นฉบับ เหมือนราวกับว่าไม่มีใครรู้จัก “วี รีโมต”เท่าปู่นินเอง หรือเพราะเกมกีฬาบางเกมพอใส่กฎกติกาที่สมจริงแล้ว ผลที่ออกมาทำให้เกมที่น่าจะสนุกกลับกลายเป็นยุ่งยากเกินไปแทน
ดังนั้นการมาของ Top Spin 3 จึงไม่ได้เป็นที่ฮือฮาหรือคาดหวังอะไรสูงนัก ยิ่งเกมไม่ได้สร้างมาเพื่อเครื่องวี เพียงเครื่องเดียว(ออกเครื่อง PS3 ,XB360 และ NDS ด้วย) ยิ่งทำให้ไม่น่าสนใจ แต่อย่างไรเสียการที่ได้จับวี รีโมต สวมบทบาทเป็น “เฟด-เอ็กซ์" โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นั้นยั่วยวนให้ลองเกมนี้จนได้ และเป็นที่รู้กันว่า วี สปอร์ต เทนนิสนั้นไม่สามารถบังคับตัวละครให้เดินได้ ตัวเกมจึงกลายเป็นการกะจังหวะเพื่อตีลูกอย่างเดียว ซึ่งเล่นไปนานๆอาจเบื่อได้ ดังนั้นเกมนี้จึงสานต่อด้วยการบังคับให้ตัวละครได้ ที่แม้จะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่ก็ทำให้เกมมีมิติในการเล่นมากขึ้น
การควบคุมบังคับหลักๆ ยังคงใช้วี รีโมตหวดแทนไม้เทนนิสเหมือนเดิม โดยเกมนี้ให้ใช้ปุ่ม B เพื่อเข้าเกมแทนปุ่ม A เพื่อให้เราจับวี รีโมตด้านข้าง เพื่อป้องกันการกดปุ่มเข้าเมนูโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่วนเพิ่มเติมคือการบังคับให้ตัวละครเดิน และควบคุมทิศทางของลูกได้ด้วย ก้านแอนนาล็อกของ นันชัก การบังคับทิศทางลูกนั้นทำได้ระหว่างตวัดไม้ตี โดยใช้แอนนาล็อกบังคับทิศทางลูกไปยังทิศทางที่ต้องการได้ แต่การตียังออกหน่วงๆนิดหน่อย จนทำให้ต้องกะจังหวะตีล่วงหน้า จนเหมือนเรานั่งสะบัดข้อมือรัวๆก็ตีได้ อย่างไรก็ตาม การตีในจังหวะที่ถูกย่อมส่งผลที่ดีกว่า
ส่วนการเสิร์ฟลูกเลือกได้ทั้งแบบอัตโนมัติ และเสิร์ฟแบบกะจังหวะเองโดยกด C จะมีแถบพลังออกมาให้กะจังหวะตี และเพิ่มโอกาสตีลูกแรงขึ้นด้วยปุ่ม B โดยการเลือกแบบเสิร์ฟเองจะมีโอกาสเสิร์ฟลูกได้แรงกว่า แต่ก็มีโอกาสพลาดได้มากกว่าเช่นกัน ตัวเกมมีความสมจริงมากขึ้น มีทั้งการเล่นหน้าเน็ต ,การเล่นลูกวอลเลย์ ,การเล่นลูกหยอด(ด้วยการกด Z แล้วตี) และถ้านำรูปแบบการบังคับมาประยุกต์ ถือว่ามีลูกเล่นที่หลากหลายพอสมควร การบังคับถือว่าสอบผ่านสำหรับเกมที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อวีเครื่องเดียว
จุดเด่นของเกมนี้ คือ การมีนักเทนนิสดังมาให้เราสวมบทบาท อย่างเช่น แอนดี รอดดิก หรือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และนางฟ้า มาเรีย ชาราโปวา ของเราก็มา แถมด้วยรุ่นเก่า อย่างบอริส เบคเกอร์ หรือโมนิกา เซเลส ก็กลับมาให้เราหายคิดถึงกัน ในด้านกราฟิกสำหรับวีนั้นดูธรรมดากว่าเวอร์ชันอื่น การสร้างตัวละครในเกมก็พอดูได้(ว่าใครเป็นใคร) แต่คนดูข้างสนามที่แบนเป็นกระดาษ อันนี้ไม่น่าให้อภัยสำหรับเกมในยุคนี้ ความจริงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แต่อย่าเอาไปเทียบกับ Xbox 360 หรือ PS3 ละกันเพราะต่างชั้นกันสุดขั้ว ด้านเสียงประกอบที่ทำออกมาให้สมจริงกับเกมเทนนิส ที่ไม่มีดนตรีประกอบขณะเล่น มีเฉพาะเสียงประกอบเช่นเสียงตีลูก หรือเสียงกรรมการ ตัวเกมมีเพลงประกอบเฉพาะในเมนูโดยมีการเอาเพลงดังๆมาเปิด แต่ในส่วนอื่นๆเช่นฉากการฉลองชัยหรือผ่านด่าน “ดนตรีกลับทำออกมาได้จืดชืด ไร้อารมณ์สุดๆ”
โหมดต่างๆในเกมก็มีมาให้ตามปรกติทั้งโหมดทัวร์นาเมนท์ ที่มีโหมดย่อยให้เลือกเล่นเยอะพอสมควร ทั้งในการนับคะแนนแบบเทนนิสธรรมดา และแบบพิเศษ ที่เด่นๆมีลีกดังๆให้เล่นเช่น US Open หรือ Australian Open แต่ดันไม่มี Wimbledon ไปได้ไง ส่วนโหมด Party ที่ดูเหมือนจะสนุก กลับมีแค่การแข่งสะสมกุญแจ และโหมด The Invincible Man ที่แข่งกับนักเทนนิสหลายคนมาแข่งกันโดยนับคะแนนแพ้-ชนะ ซึ่งสำหรับเครื่องที่เน้น เฮฮาปาร์ตี้ ถือว่าน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก ยังดีที่โหมด VS ที่เล่นได้มากถึง 4 คน อันเป็นส่วนที่มาทดแทนโหมดอื่นเพราะดูเข้าท่าและสนุกกับการได้หวดเทนนิสกันเป็นหมู่คณะ
เสียดายที่เกมนี้เกือบจะดี เพราะการควบคุมบังคับถือว่าใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง เสียตรงที่โหมดต่างๆ จืดชืดเกินไปสำหรับเครื่องที่เน้นการเฮฮาปาร์ตี้อย่างเครื่องวี แต่การเล่นกับเพื่อนฝูงจัดว่าสนุก และเหมาะกับคนที่ชอบเกมเทนนิส และเบื่อวี สปอร์ตแล้วเกมนี้สามารถทดแทนได้ระดับหนึ่ง สรุปง่ายๆ ถ้าวี สปอร์ต คือว่างเรียบง่าย เกมนี้ได้สานต่อและเสริมให้ดีขึ้น แต่ยังขาดความเอาใจใส่ในรายละเอียดของเกมเท่านั้น ส่วนเกมของเครื่อง วี อนาคตจะเป็นอย่างไร คงต้องรอลุ้นกับอุปกรณ์เสริม Wii Motion Plus ที่ปู่นินเพิ่งจะประกาศ ในงาน E3 ว่าจะดีสมราคาคุยแค่ไหน เพราะถ้าออกมาดี รับรองว่าจะได้เห็นเกมที่สนุกมีการควบคุมดีๆ ออกมาอีกแน่นอน
เกมการเล่น | 8 |
กราฟิก | 7.5 |
เสียง | 6 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 7.5 |
ความคุ้มค่า | วี สปอร์ตอัปเกรด |
ภาพรวม | 7.5 |
วงศกร ปฐมชัยวัฒน์ (Darth.vader)