จากกระแสนิยมของแนว RPG ที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วงปลายยุค 1980 ค่ายโคนามิก็ได้ตัดสินใจเอาเกมยอดฮิตอย่าง "แส้" มาดัดแปลงเพิ่มการสำรวจไขปริศนาเข้าไป จนกลายเป็นแอคชั่น RPG ต้นแบบของหลายๆภาคในปัจจุบัน
ตัวเอกในภาคนี้ยังคงเป็น "ชิมอน เบลมอนด์" คนเดียวกับภาคก่อน หลังจากที่เขาปราบแดร็คคิวล่าลงก็ถูกสาปให้มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน มีเพียงวิธีเดียวที่จะหยุดยั้งคำสาปคือการรวบรวมชิ้นส่วนของแดร็คคิวล่าที่กระจัดกระจายไปทั่ว เพื่อปลุกขึ้นมาและผนึกลงไปอีกครั้ง
รูปแบบการเล่นเกมยังคงคล้ายภาคเดิม ทำออกมาในแนวแอคชั่นลุยด่านด้านข้าง สู้ด้วยแส้เป็นอาวุธหลักและสามารถใช้อาวุธเสริมได้ แต่หันไปเน้นการแก้ปริศนาเป็นหลักและลดทอนการต่อสู้ลง แถมยังทำแผนที่กว้างให้เดินทางไปกลับได้ทั่วไม่มีแยกเป็นด่านอีกด้วย
วิธีบังคับจะใช้ปุ่มทิศทางซ้ายขวาเดิน บนขึ้นบันได ล่างก้ม ปุ่ม A กระโดด ปุ่ม B โจมตีด้วยแส้ ถ้ากดบนค้างกับ B จะเป็นการใช้ไอเทมเสริมที่เลือกเอาไว้ ปุ่ม Select ใช้เปิดเมนูเลือกไอเทมและดูค่าสเตตัสของตัวเรา ส่วนปุ่ม Start ใช้หยุดเกมเฉยๆ
อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆในภาคนี้จะใช้วิธีซื้อหรือหาจากเนื้อเรื่องเป็นส่วนใหญ่ มีแค่ไอเทมรูปหัวใจเท่านั้นที่หล่นจากศัตรู ซึ่งเป็นทั้งพลังงานให้อาวุธเสริม, ใช้แทนเงินซื้อของ, และยังให้ค่าประสบการณ์เพิ่มเลเวล ขยายหลอดพลัง ลดความเสียหายจากศัตรูอีกด้วย
อุปกรณ์ของชิมอนจะมีแบบที่ใช้ได้เรื่อยๆหรือบางอันก็มีจำกัดใช้แล้วหายไป และยังแบ่งเป็นพวกอาวุธเสริมเหมือนภาคก่อนกับของที่ต้องใช้ตามเนื้อเรื่องอีก เช่นมีดสั้นขว้างเป็นเส้นตรง, ขวดน้ำมนต์ที่ใช้ทำลายบล็อกได้ด้วย, ตะปูไม้ใช้เก็บชิ้นส่วนแดร็คคิวล่า, กิ่งไม้ทำให้เป็นอมตะชั่วครู่
นอกจากอุปกรณ์ที่ต้องกดใช้แล้ว ภาคนี้ยังมีอุปกรณ์แบบติดตั้งให้เลือกอีกชุด บางอันจะมีผลเพิ่มความสามารถโดยตรง อย่างกระดูกของแดร็คคิวล่าใช้แทนโล่ หรือกรงเล็บเพิ่มพลังให้แส้ทำลายบล็อกได้ และบางอันก็ต้องใช้ไปตามเนื้อเรื่อง อย่างแก้วผลึกทำให้มองเห็นทางลับที่ซ่อนอยู่
ตัวเกมจะเริ่มจากในเมือง ให้เราซื้อของ พูดคุยหาข้อมูล ฟังคำบอกใบ้ แล้วออกสู่ด้านนอก ตะลุยผ่านพื้นที่ต่างๆที่มีศัตรูและกับดัก รวบรวมไอเทม แก้ไขปริศนา เปิดทางตามเนื้อเรื่องเป็นลำดับ โดยมีจุดมุ่งหมายคือคฤหาสน์ 5 แห่งคล้ายกับดันเจี้ยนที่เก็บรักษาชิ้นส่วนของแดร็คคิวล่าไว้
รูปแบบฉากโดยรวมจะเน้นการสำรวจทางวงกต กระโดดข้ามเหว ขึ้นลิฟท์ค่อนข้างเยอะ มีศัตรูเฝ้าเป็นจุดๆคอยก่อกวน บางช่วงก็ค่อนข้างโหด โดนอัดทีเดียวตกเหวตกน้ำตายหรือพลาดหล่นแล้วต้องลุยใหม่ทั้งหมด แถมศัตรูยังฟื้นกลับมาเรื่อยๆอีกด้วย
ศัตรูระดับธรรมดาในภาคนี้จะไม่ค่อยร้ายกาจนัก แต่ใช้วิธีวางตำแหน่งให้สู้ลำบากมากกว่า อย่างยืนดักตรงบันไดขึ้นลง หรือบินวนไปมาในบริเวณที่เราต้องกระโดด ส่วนศัตรูระดับบอสก็มีอยู่ไม่กี่ตัว เน้นความอึดสู้กันนาน แต่การโจมตีก็หลบหลีกค่อนข้างง่าย
ลูกเล่นใหม่อีกอย่างหนึ่งคือองค์ประกอบของเวลาซึ่งดำเนินไประหว่างที่เราเล่น แบ่งเป็นช่วงกลางวันที่ศัตรูอ่อนแอและมีผู้คนในเมือง กับช่วงกลางคืนที่ศัตรูอึดกว่าปกติและในเมืองมีแต่ปีศาจ แถมเวลาที่เราใช้เล่นไปทั้งหมดจะมีผลต่อฉากจบอีกด้วย
รวมๆแล้วความยากของเกมไปตกอยู่ตรงการแก้ปริศนาเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งต้องรวบรวมข้อมูลคำบอกใบ้จากที่ต่างๆแล้วไปเลือกใช้ไอเทมหรือยืนให้ตรงจุดถึงจะเปิดทางไปต่อได้ ซึ่งถ้าไม่มีคู่มือก็อาจชวนให้ปวดหัวพอสมควร ด้านการต่อสู้ที่เคยเป็นจุดขายก็ดูด้อยลง ศัตรูทั้งเกมคล้ายกันหมดไม่มีการแบ่งด่าน บอสก็ขาดความท้าทาย แถมมีไอเทมอมตะชั่วครู่ให้ซื้อไปใช้สบายๆอีก
แม้แนวทางนี้จะดูไม่เวิร์คจนโคนามิต้องย้อนไปทำแบบดั้งเดิมต่ออีกหลายตอน แต่ในภาค "Symphony of the Night" ก็มีการเอาความเป็น RPG กลับมาใช้อีกครั้ง และก็ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของซีรี่ย์นี้ไปแล้ว
Dracula II: Noroi no Fuuin /Castlevania II: Simon's Quest
เครื่อง: Famicom Disk System /NES
ภาษา: ญี่ปุ่น 1987 /อังกฤษ 1988
บริษัท: Konami
แนวเกม: Action RPG
จำนวนผู้เล่น: 1 คน
