กลับมาอีกครั้งกับเกมชนแหลกแบบไม่ยั้งในซีรีส์ เบิร์นเอ้าท์ โดยการมาครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาชนแหลกกับบนเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ ซึ่งก็ไม่ทำให้ผู้ที่รอคอยผิดหวังด้วยภาพกราฟิกอันงดงาม และระบบโอเพ่นเวิลด์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ขับรถโลดแล่นอย่างอิสระในเมืองใหญ่
ในความคิดผมเกมรถแข่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่แนวสมจริง อย่างซีรีส์ "Gran turismo" ที่ต้องเข้าโค้งให้ถูกไลน์ หากผิดไลน์เพียงนิดเดียวหลุดโค้งไล่ตามคันหน้าไม่ทัน ส่วนอีกแนวคือเน้นมันไม่เอาความสมจริงเท่าไร อย่างซีรีส์ นีดฟอร์สปีด และซีรีส์ เบิร์นเอ้าท์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นานผมได้รีวิวเกม นีดฟอร์สปีด โปรสตรีท ไปแล้ว ล่าสุดก็ถึงคราวเกมรถแข่งบ้าคลั่งของแท้อย่าง "เบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์" ที่มาเปิดศักราชบนเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่เป็นครั้งแรก โดยผมได้ทดลองเล่นเกมนี้บนเครื่องเพลย์สเตชั่น 3
"เบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์" แตกต่างจากเกมภาคก่อนๆอย่างสิ้นเชิง ด้วยระบบการเล่นใหม่แบบโอเพ่นเวิลด์(Open world) เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจฉากได้อย่างอิสระ ฉากที่ว่านี้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า "พาราไดซ์ ซิตี้" มีถนนมากมาย ทั้งในรูปแบบชุมชน และ รูปแบบชานเมืองที่มีป่าเขาหรือแม่น้ำโอบล้อม สิ่งแรกที่ผู้เล่นจะได้เจอเมื่อเริ่มเล่นเกมคือการถ่ายรูปติดใบขับขี่ เกมนี้จะรองรับเพลย์สเตชั่น อายด้วย ถ้ามีอุปกรณ์ดังกล่าวผู้เล่นก็สามารถ่ายรูปตัวเองในมุมเก๋ๆไว้ได้ นอกจากนั้นถ้าเล่นผ่านออนไลน์แล้วติดกล้องไว้อาจจะได้เห็นหน้าเหวอๆของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกเทคดาวน์อีกด้วย
สิ่งแรกที่ผู้เล่นควรจะทำคือการลองขับรถสำรวจเส้นทางต่างๆ พร้อมกับจดจำจุดสำคัญต่างๆให้ได้(เล่นใหม่ๆจะจำเส้นทางไม่ค่อยได้ หรือแม้ว่าเล่นไปนานแล้วก็อาจจะจำไม่ค่อยได้อยู่ดี) ตามถนนในเมืองพาราไดซ์จะมีเส้นทางลัดมากมายเต็มไปหมด การสำรวจจะช่วยผู้เล่นเปิดจุดลับพิเศษที่ซ่อนเอาไว้ ไม่สามารถดูได้จากแผนที่ขนาดเล็กที่อยู่ด้านล่างขวาของหน้าจอ
เมื่อขับรถเล่นสักพักแล้วชักอยากลองลงแข่งในรายการต่างๆ ก็ทำได้โดยการขับไปหยุดตามแยกต่างๆในเมืองพาราไดซ์ ซึ่งจะมีรายการแข่งขันบอกขึ้นมาทางด้านขวามือของหน้าจอ ถ้าต้องการเล่นก็สามารถกดปุ่ม L2+R2 เพื่อลงเล่นได้เลย โดยการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 5 แบบ ได้แก่ Race(แสดงสีฟ้าบนแผนที่) เป็นการแข่งจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ผู้เล่นต้องเข้าเส้นชัยในฐานะที่หนึ่งเพื่อชนะในการแข่งขันนั้น , Stunt run(แสดงสีเขียวบนแผนที่) เป็นการแข่งทำแต้มคอมโบ ผู้เล่นต้องพยายามขับรถผานโผน , กระโดดสูง , ขับรถดริฟต์ , ขับรถชนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ อะไรทำนองนี้ เพื่อให้ได้แต้มตามที่กำหนดไว้ การแข่งแบบนี้ผมแนะนำให้ขับรถชะลอช้านิดหน่อยเพื่อดูว่ามีที่ทางสำหรับให้รถทะยานหรือไม่ แล้วค่อยใส่ความเร็วสูงสุดเข้าหาจุดนั้น อีกอย่างคือแนะนำให้พยายามขับรถไปในเส้นทางเลียบแม่น้ำจะมีที่สำหรับกระโดดซ่อนอยู่เยอะ
Road Rage(แสดงสีแดงบนแผนที่) น่าจะเป็นการแข่งที่แฟนๆเกมนี้ชอบ เป็นการขับรถไปเพื่อเทคดาวน์(ชนให้คันอื่นกระเด็นชนเสียหาย)ตามที่กำหนดไว้ การเล่นจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อเวลาหมด หรือรถของผู้เล่นถูกชนหลายครั้งจนยับเยินเกินเยียวยา , marked-man(แสดงสีเหลืองบนแผนที่) เป็นการแข่งขันที่ผู้เล่นต้องพยายามขับรถจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยไม่ให้ถูกคันอื่นเทคดาวน์ ผมว่าการแข่งขันอันนี้ไม่ง่ายเท่าไรนัก เพราะว่า AI ฉลาดพอสมควร ในจังหวะที่เลี้ยวตามสี่แยก AI จะพยายามเข้ามาอัดในจังหวะนั้นบ่อยครั้ง แต่ถ้าผู้เล่นมีรถขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งแล้วก็ไม่ง่ายเช่นกันที่ AI จะมาเทคดาวน์ได้ง่ายๆ สุดท้ายคือการแข่งแบบ Burning Route(แสดงสีส้มบนแผนที่) การแข่งลักษณะนี้จะกำหนดรถที่ใช้ลงแข่งเฉพาะ รถคันอื่นจะลงแข่งไม่ได้ ถ้าผู้เล่นใช้รถคันหนึ่งอยู่แล้วอยากแข่งในรายการนี้ ให้ดูที่แผนที่สังเกตสีส้มและเป็นรูปดาว ให้ไปที่นั่นได้เลย รูปแบบการแข่งจะเป็นการแข่งกับเวลา จากจุดหนึ่งไปยังเส้นชัยภายใต้เวลาที่กำหนด หากสามารถทำได้ จะได้รถคันใหม่ที่เป็นลักษณะของรถคันเดิมแต่มีการอัพเกรดประสิทธิภาพขึ้นไป
เมื่อผู้เล่นลงแข่งในรายการต่างๆ แล้วชนะ ก็จะได้รางวัลเป็น "วิน"(Win) ซึ่งจะไปมีส่วนช่วยในการเลื่อนคลาสใบขับขี่ ใบขับขี่จะขยับเลื่อนจาก D > C > B > A การเลื่อนไปในคลาสที่สูงขึ้นจะบอกว่าต้องชนะอีกกี่วิน เวลาที่จะตัดสินใจลงแข่งในรายการต่างๆ ผู้เล่นควรสังเกตหน้าจอทางขวานิดนึง ถ้ารายการนี้แข่งและชนะไปแล้ว จะมีเครื่องหมายถูกติ๊กไว้ ซึ่งถ้าผู้เล่นไปแข่งแล้วชนะอีกจะไม่มีผลในการเพิ่มวินเพื่ออัพเกรดใบขับขี่ ฉะนั้นควรลงแข่งในรายการที่ยังไม่ได้มีเครื่องหมายติ๊กไว้(หรือถ้าติดใจรายการนั้นจะแข่งอีกก็ตามแต่ศรัทธา)
สำหรับผู้ที่เคยเล่นเกมเบิร์นเอ้าท์ ภาคก่อนๆจะคุ้นเคยกับ "crash mode" ที่เป็นการทำลายล้างรถคันอื่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในภาค พาราไดซ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโหมดใหม่ที่เรียกว่า "showtime" mode ผู้เล่นสามารถเข้าสู่โหมดนี้ได้ทันทีเมื่อไรก็ได้ ด้วยการกดปุ่ม R1+L1 การสร้างความเสียหายจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อบูซ(สีเขียวๆ)หมดลง ระหว่างที่บูซยังไม่หมดผู้เล่นสามารถกดปุ่ม X เพื่อกระเด้งรถไปหารถคันอื่นๆต่อได้ หนทางจะทำให้ได้คะแนนเยอะๆคือเล็งเป้าไปที่รถบัส หรือรถขนาดใหญ่ คะแนนจากการเล่นในโหมดนี้สามารถนำไปเปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่นได้ผ่านระบบออนไลน์
ตลอดการขับรถตระเวนผู้เล่นจะได้เจอสถานีต่างๆ ซึ่งการเข้าสถานีล้วนแต่ให้ประโยชน์กับผู้เล่นในด้านต่างๆ การเข้าสถานีผู้เล่นเพียงแค่ขับผ่านเท่านั้น เมื่อผู้เล่นขับรถเข้าร้านซ่อมรถ จากรถเก่าๆสภาพพังยับเยินก็จะออกมาเป็นรถใหม่เอี่ยม ไม่มีรอยขีดข่วน บุบสลายใดๆทั้งสิ้น เมื่อขับผ่านปั้มน้ำมันก็จะได้บูซไว้ยิงเทอร์โบเพิ่ม หากขับผ่านร้านทำสีรถ รถที่ขับเข้าไปออกจะออกใหม่ด้วยสีสันใหม่โฉบเฉี่ยว สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือโรงรถ ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนไปใช้รถคันอื่นได้ที่นี่ และที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งรวมรถทุกคันที่ผู้เล่นได้มา
การชนะในบางรายการจะทำให้ผู้เล่นได้รถคันใหม่เข้ามาอยู่ในโรงรถ นอกจากนั้นยังมีอีกวิธีที่จะทำให้ผู้เล่นได้รถแข่งใหม่ บางครั้งหลังจากที่ผู้เล่นชนะในการลงแข่ง ก็จะมีการบอกว่ามีรถคันใหม่เข้ามาในเมือง ถ้าผู้เล่นเจอรถคันนั้นแล้วสามารถไปเทคดาวน์ได้ก็จะได้รถคันนั้นมาครอง วิธีสังเกตรถพวกนี้คือจะขับเร็วเป็นพิเศษ ถ้าเจอรถที่ขับเร็วๆ ก็ให้ตามไปเทคดาวน์ได้เลย แล้วรถคันนั้นก็จะเป็นของเรา
การลงแข่งขันในรายการต่างๆ หากผู้เล่นแพ้ไม่สามารถกดเล่นใหม่อีกครั้งได้ แต่ถ้าหากผู้เล่นรู้สึกกังขาอยากขอแก้ตัวอีกครั้งจริงๆก็ต้องกลับไปยังจุดที่เริ่มต้นรายการแข่งขัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าระยะทางถือว่าไม่ใกล้เลย ทางที่ดีผู้เล่นน่าจะลองหารายการแข่งขันอื่นๆ เล่นในบริเวณนั้นแทน
แผนที่ และเส้นทาง เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจและต้องพูดถึง ระหว่างที่เล่นเกม จะมีการแสดงแผนที่ขนาดเล็กบริเวณด้านล่างขวาของหน้าจอ ซึ่งแผนที่ขนาดเล็กนี้ดูจะช่วยผู้เล่นได้ไม่มากเท่าไร แถมบางครั้งเวลาชำเลืองไปมองแผนที่เล็กเพียงชั่วพริบตาก็อาจจะขับรถอัดเข้ากับอะไรก็ได้ ซึ่งใครหลายคนอาจจะแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการกดปุ่ม Select เพื่อดูแผนที่ใหญ่ไปเลย แถมยังไม่ต้องเสี่ยงไปชนกับอะไรอีกด้วย อย่างไรก็ตามระบบของเกมก็ดูเหมือนจะมีทางออกให้ด้วยฟีเจอร์บอกถนน เมื่อผู้เล่นขับรถบนถนนหนึ่งด้านบนกลางของหน้าจอจะบอกว่าผู้เล่นขับอยู่บนถนนอะไร และจะมีบอกด้วยว่าแยกข้างหน้าที่จะถึงนี้ เลี้ยวขวาจะไปถนนอะไร หรือเลี้ยวซ้ายจะไปถนนอะไร เวลาที่ลงแข่งในรายการใดรายการหนึ่ง หากการเลี้ยวขวาข้างหน้าจะเป็นเส้นทางลัดหรือทำให้ถึงเส้นชัยได้เร็ว ระบบเกมจะมีการกะพริบบอกเป็นชื่อถนนจากด้านขวา ซึ่งผู้เล่นก็ต้องเตรียมตัวเลี้ยวให้ดี แต่บ่อยครั้งที่ผู้เล่นอาจจะเลี้ยวผิดพลาดไปบ้างจนเกิดการชนได้
การเล่นออนไลน์ในภาคพาราไดซ์สามารถเล่นได้สูงสุด 8 คนแบบแข่งขันกันหรือเล่นร่วมกัน การเข้าสู่การเล่นออนไลน์ก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องรอเข้าล้อบบี้พร้อมกัน ขณะที่ผู้เล่นขับรถอยู่สามารถกดปุ่มขวาที่ D-pad ได้ทันทีเพื่อเข้าสู่การเล่นออนไลน์ เมื่อเข้าสู่ระบบออนไลน์ ผู้เล่นสร้างสามารถสร้างการแข่งขันขึ้นเองได้ พร้อมกับกำหนดจุดเริ่มต้นและเส้นชัย หรือจะเลือกสร้างจุดเช็กพ้อยต์บังคับให้ทุกคนผ่านจุดนั้นๆก็ได้ รูปแบบของการเล่นในการเล่นออนไลน์จะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เล่นที่เข้ามาออนไลน์พร้อมกัน มีการแข่งขันท้าทายผ่านออนไลน์มากมาย อาทิ การขับชนกับรถคันอื่น หรือ การนัดไปเจอยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผนที่ , การขับรถทะยายพร้อมกันหรือแม้กระทั่ง power-parking challenges แข่งจอดรถให้ดีขณะที่รถมีความเร็วสูง
ภาพกราฟิกทำออกมาได้ถือว่าแจ่มทีเดียว ในส่วนของฉากเมืองพาราไดซ์ ซิตี้ แสงจากพระอาทิตย์ที่ส่องมาในเมือง และสิ่งก่อสร้างในเมืองทำได้อย่างดี อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือกราฟิกการชนในเกม หลังจากการชนอย่างหนักเกิดขึ้น ภาพจะตัดเข้าคัทซีนแบบสโลว์โมชั่นที่แสดงการชน ถ้าหากชนแบบเต็มๆแล้วละก็ จะได้เห็นรถย่นบุบกันเต็มตา กระจกแตก ล้อหลุด อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูๆแล้วก็สมจริงตามหลักฟิสิกส์ ระบบเสียงก็น่าสนใจไม่น้อย โดยส่วนตัวชอบในเสียงสตาร์ทเครื่อง ที่ดูทรงพลัง จุดเด่นคงเป็นซาวแทรกซ์ที่มีเพลงมันๆของศิลปินชื่อดังรวมอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือเพลง "Girlfriend" ของ Avril Lavigne ถ้าหากวางจอยไว้เฉยๆไม่เล่นจะตัดเข้าสู่ภาพขาวดำบรรยากาศของพาราไดซ์ ซิตี้ ซึ่งมีเพลงคลาสสิคคลอประกอบถือว่าตัดกันอย่างรุนแรงกับแนวรถแข่งสุดบ้าบิ่น มองโดยรวมแล้วเชื่อว่าเบิร์นเอ้าท์ พาราไดซ์ บนเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่ จะสามารถสะกดให้ผู้เล่นสนุกสนานกับเกมนี้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยระบบโอเพ่นเวิลด์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เดินทางไปไหนก็ได้อย่างอิสระ พร้อมด้วยภาพกราฟิกอันงดงาม และซาวด์แทรคสุดมันประกอบเกมเป็นตัวสนับสนุน
คะแนนการเล่น | 9 |
กราฟิก | 9.5 |
เสียง | 8.5 |
ความคิดสร้างสรรค์ | 9 |
ความคุ้มค่า | ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง |
ภาพรวม | 9 |
by...bireley