กรณีคลิปวิดีโอแนะนำวิธีการรักษาแผลเบาหวาน และแก้พิษงู ด้วยการอาบน้ำต้มจากสมุนไพรปอขี้ตุ่นนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ชี้แจงว่า ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของการนำปอขี้ตุ่นมารักษาแผลเบาหวาน และแผลงูกัด อีกทั้งแผลทั้งสองชนิดสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
วันนี้ (11 ก.พ.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นสุขภาพในสื่อสังคมออนไลน์ เรื่อง ปอขี้ตุ่น ต้มน้ำอาบช่วยรักษาแผลเบาหวาน และแก้พิษงู ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการแชร์คลิปวิดีโอแนะนำวิธีการรักษาแผลเบาหวาน และแก้พิษงู ด้วยการอาบน้ำต้มจากสมุนไพรปอขี้ตุ่นนั้น ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า มีข้อมูลการนำปอขี้ตุ่นมาใช้ในตำรายาพื้นบ้านบางพื้นที่ในสรรพคุณตามข่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม พืชสมุนไพรดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของการรักษาแผลเบาหวาน และแผลงูกัด และเนื่องจากแผลทั้งสองชนิดสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน ดังนั้นไม่แนะนำใช้รักษาแผลดังกล่าว ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง สำหรับการแก้กษัย (ตามองค์ความรู้หมอพื้นบ้าน) จำเป็นอยู่ในความดูแลของหมอพื้นบ้านผู้มีประสบการณ์
สำหรับแผลเบาหวาน หรือแผลที่พบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด เป็นแผลที่หากรักษาไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การเสียชีวิตจากแผลที่ลุกลามทำให้การติดเชื้อในกระแสเลือดได้ อีกทั้งการถูกงูกัด ผู้ที่ถูกงูมีพิษหรืองูไม่มีพิษกัดจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ อันเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือประชาชนให้งดแชร์หรือส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จไปในช่องทางสื่อโซเชียลต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th หรือโทร. 02 5917007
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลและความปลอดภัยของการนำปอขี้ตุ่นมารักษาแผลเบาหวาน และแผลงูกัด อีกทั้งแผลทั้งสองชนิดสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้หากมีการติดเชื้อซ้ำซ้อน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง
หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
