กรณีภาพและข้อความที่ถูกแชร์ว่า ประชาชนที่รับเงินจากโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้ถือว่าเป็นรายได้ที่ต้องนำไปคำนวนเสียภาษีนั้น ทางกรมสรรพากรได้ชี้แจงว่า ประชาชนที่ได้รับเงินจากโครงการ "คนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน" ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างยกร่างกฎหมาย เพื่อเสนอกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรีต่อไป
วันนี้ (5 ม.ค.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการโพสต์และแชร์ข้อความในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง รับเงินจากโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน ต้องเสียภาษีเงินได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
กรณีภาพและข้อความที่ถูกแชร์ว่า ประชาชนที่รับเงินจากโครงการ ‘คนละครึ่ง’ จำนวน 3,000 บาท ในปี 2563 และโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ที่ได้รับส่วนลดค่าที่พัก และคูปองอาหาร ให้ถือว่าเป็นรายได้ที่ต้องนำไปคำนวนเสียภาษีนั้น ทางกรมสรรพากรได้ตรวจสอบ และชี้แจงว่า คณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลัง เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับประชาชนที่ได้รับเงินจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้มีการขยายโครงการหลายครั้ง จึงต้องประมวลมาตรการทั้งหมดเพื่อร่างกฎหมายเสนอกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรีในคราวเดียว โดยจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับในปี 2563 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2564 และเงินที่ได้รับในปีภาษี 2564 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2565 ด้วย
ดังนั้นข้อมูลและภาพที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน จึงขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องภาษีต่างๆ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rd.go.th หรือโทร. ศูนย์สารนิเทศสรรพากร 1161
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ประชาชนที่ได้รับเงินจากโครงการ “คนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน” ได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างยกร่างกฎหมาย เพื่อเสนอกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรีต่อไป