xs
xsm
sm
md
lg

หนังสือผู้ดีไม่ได้มีไว้ต้มกิน! “หมิว สิริลภัส - แฟนหนุ่ม” จวก “แขก คำผกา” จิกด่าเรียก “อี” แซะเรื่องซึมเศร้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทัวร์ลงหนัก สำหรับ “แขก คำผกา” หรือ “ลักขณา ปันวิชัย” และอีก 2 พิธีกรวอยซ์และรายการ “คุยคลายข่าว” จัดรายการในหัวข้อ “3 ปีนายกฯ 3 คน ลุ้นยุบสภาใน 4 เดือน / โหวตนายกรัฐมนตรีคนที่32” ทางช่องยูทิวบ์ โดยแขก คำผกา พูดจิกเรียก “หมิว สิริลภัส กองตระการ” ส.ส.พรรคประชาชน ระหว่างลุกขึ้นโหวต “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรีตามมติพรรค ด้วยข้อความว่า “อีหมิว อีหมิว อีหมิว อีหมิว อีหมิวซึมเศร้า (หัวเราะ) กูขอให้มึงซึมเศร้าร้องไห้ในสภา”

หลังคลิปดังกล่าวกระจายว่อนเน็ต “หมิว สิริลภัส” ได้โพสต์ฉะเดือด

“ค่ะ เป็นซึมเศร้าและรักษาอยู่ค่ะ

พรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯ ที่แขกชื่นชม เขายังมีมติ ครม.ออกมา เรื่องกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ มี Mind month ไม่รู้ว่าแขกรู้รึเปล่า

คนเขาร่วมรณรงค์กันแทบตายว่าอย่าตีตรา อย่าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น พยายามที่จะยกระดับระบบสุขภาพจิตให้ดีขึ้น

ตลกดีนะคะ แก่ขนาดนี้แล้วมาทำนิสัยแบบนี้กับคนอื่น

ถ้ามีเวลาลองไปประเมินภาวะตัวเองบ้างนะคะ แบบประเมินมีเยอะมาก ของรัฐก็มี เขาจะได้เก็บสถิติได้ ว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่

มานั่งเรียกจิกคนอื่นว่า อีหมิว อีหมิว ตอนเด็กๆ ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทหรอ เห็นมีความรู้ วิเคราะห์เรื่องนู้นเรื่องนี้ ก็นึกว่าจะเป็นผู้มีความรู้ ดูมาก ฟังมาก อ่านมาก

หนังสือสมบัติผู้ดี ไม่ได้มีไว้ให้ต้มกิน อ่านเพิ่มอีกซักเล่มแล้วลองมาปรับใช้ดูค่ะแขก”

ด้าน “ฟาโรห์” เตชภณ” แฟนหนุ่มของหมิวได้โพสต์ฉะเดือด

“วันที่แฟนผมร้องไห้ในสภาคือวันที่เธออภิปรายถึงความเจ็บปวดของงบประมาณการจัดการสุขภาพจิตของคนไทยที่มันต่ำเตี้ยจนน่าใจหายสวนทางกับอัตราการจากโลกนี้ไปของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน

และการที่ใครสักคนหนึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคสุขภาพทางจิตมันไม่ใช่เรื่องตลกขบขัน มันไม่ใช่สิ่งที่ใครสมควรจะเอามาเมคฟัน ในวันนี้คุณยังเป็นพิธีกรที่ดีไม่ได้ขออย่างน้อยที่สุดเป็นมนุษย์ที่ไม่หัวเราะกับความทุกข์ทรมานของคนอื่นให้ได้ก่อน”

ต่อมา หมิว ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวของแฟน พร้อมเขียนแคปชั่นว่า

“ขอบคุณมากคับแฟน ❤️ ขอบคุณที่อยู่กับหนู ซัปพอร์ตหนู และปกป้องหนูตลอด

ปล่อยมันไปเถอะ คนจะได้รู้ว่าสันดาน หรือ เนื้อแท้ของคนพวกนี้เป็นยังไง 😊

ดีแล้ว หนูจะได้มีแรงผลักดันเรื่องนี้ต่อไป

เพราะบางคนเขาต้องมี mental health literacy ที่สามารถจับสัญญาณเสี่ยง ประเมินตัวเอง และยอมรับได้ว่าป่วย ควรได้รับการช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษา

แค่นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วนะว่า “รัฐยังทำไม่มากพอ” 💪”











กำลังโหลดความคิดเห็น