ศึกมรดก! อดีตเมีย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” ขอความเป็นธรรม ถูกขับไล่ออกจากบ้านที่อยู่อาศัยนานกว่า 20 ปี สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของสามี ลูกสาวโต้กลับ เลิกไปตั้ง 4-5 ปี ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น
กลายเป็นประเด็นเลยทีเดียว สำหรับกรณี “อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ” ประธานชมรมสันติประชาธรรม พา “เอ๋ พลอยรัชษ์ ชินรัตน์วาณิช” อดีตภรรยานักแสดงอาวุโส “เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร” ร้องขอความเป็นธรรม ต่ออัยการคุ้มครองสิทธิ สำนักงานอัยการสูงสุด หลังถูกขับไล่ออกจากบ้านที่อาศัยมานานกว่า 20 ปี และมีข้อสงสัยเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของนักแสดงผู้ล่วงลับ
-เอ๋ พลอยรัชษ์ เผยว่า แต่งงานอยู่กินกับไพโรจน์ 20 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียน โดยแต่งงานปี 2552 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
-วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ไพโรจน์เดินทางออกจากบ้านไปหาเพื่อนที่ต่างจังหวัด จากนั้นวันที่ 3 ตนเองก็ได้รับข่าวว่าเอ๋ ไพโรจน์เสียชีวิตแล้วทำให้เสียใจเป็นอย่างมาก
-ไม่มีโอกาสไปรับศพ ไม่ได้มีโอกาสเห็นใบมรณบัตรของไพโรจน์ รวมถึงในพิธีฌาปนกิจของไพโรจน์ ตนเองเปรียบเสมือนไม่สิทธิที่จะยืนอยู่ในงาน
-หลังจากไพโรจน์เสียชีวิตได้ 15 วัน ลูกสาวคุณไพโรจน์ได้ทักไลน์มา บอกว่าบ้านที่ตนเองอยู่กับไพโรจน์มาร่วม 20 ปี พ่อได้โอนไปให้ผู้อื่นแล้ว และอย่าบอกใครว่าพ่อขายบ้านแล้วเพราะว่าไม่อยากให้คนอื่นมองพ่อไม่ดี รวมบ้านหลังนั้นลูกๆทุกคนไม่มีใครมีสิทธิ์ได้ พอตนถามไปก็ไล่ให้ตนเองไปตรวจสอบ
-ลูกสาวของคุณไพโรจน์ ทักไลน์มาถามว่าจะออกจากบ้านเมื่อไหร่ จะเคลียร์หนี้สินของพ่อ รวมถึงทางลูกสาว จะส่งข้อความมาเร่งให้ตนเองต้องย้ายออกจากบ้าน
- 1 กรกฎาคม 2568 หลังจากที่ตนเองกลับมาที่บ้าน เห็นว่าที่บ้านกลับถูกเปลี่ยนลูกบิดกุญแจทำให้ไม่สามารถเข้าบ้านได้ จึงเดินทางไปแจ้งความ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเรียกช่างมาสะเดาะกุญแจเพื่อที่จะเข้าไปในบ้าน
-หลังจากเข้าไปในบ้านปรากฏว่าห้องพระของตนเองถูกรื้อและมีพระที่บูชาของตนเองหายไป มูลค่านับล้านบาท และยังมีทรัพย์สิน ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ หายไปอีกหลายอย่างด้วย
-วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ขณะที่ตนเองอยู่ในบ้าน อยู่ๆ มาตำรวจมาที่หน้าบ้าน ก่อนเชิญตนเองออกจากบ้านที่เคยอยู่ อ้างว่าตนบุกรุก ตนจึงจำเป็นต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน
-ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนเองอยู่กับไพโรจน์ตนเองได้ทำธุรกิจร่วมกันทั้งหมด 4 บริษัท เพิ่งสามารถตรวจสอบได้ รวมถึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบเรื่องของทรัพย์สินเนื่องจากตนเองถูกกีดกันจากลูกของอดีตภรรยา
-อีกมุมจาก “เบส ปณิชา” ลูกสาว เอ๋ ไพโรจน์ โต้ทุกข้อกล่าวหากับข่าวสดออนไลน์ ยืนยันว่าเขาไม่ใช่ภรรยาพ่อแล้ว และพร้อมสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย
-ข้อเท็จจริงในสิ่งที่พ่อพูด มันมีอยู่แล้วในคลับฟรายเดย์พ่อพูดค่อนข้างจะครบถ้วน เขาเลิกกันมา 4-5 ปีแล้ว
-ปัญหาคืออีกฝ่ายกำลังพยายามอ้างและประกาศให้ผู้คนรู้ว่าทุกวันนี้ จน ณ เวลาที่พ่อเสียชีวิต จริงๆ เขาเป็นเมียอยู่นะ ที่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของพ่อ แต่ในความเป็นจริง คือเขาเลิกกันแล้ว เขาไม่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้มีทะเบียนสมรส ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาร้องอะไรได้อยู่แล้ว
-หลังจากที่เสร็จงานพ่อ ได้คุยกับเขาแล้วว่า ในเรื่องสิทธิ์ในทรัพย์สินมันไม่มี แต่ตนยินดีที่จะช่วยเหลือในบางส่วน ในการที่จะหาที่อยู่ใหม่ หรืออะไรก็ตาม คิดว่าคุยกันจบแล้ว เข้าใจตรงกัน แต่ก็มีการพยายามที่จะทำอะไรต่อ คุยกับคนโน้นคนนี้ เพื่อที่จะประกาศให้สังคมรู้ว่า เขาเป็นเมียอยู่ อ้างว่ามีทรัพย์สินที่หาได้ร่วมกัน แต่ในความเป็นจริง มันไม่มีอะไรที่หาได้ร่วมกัน
-บ้านพ่อก็มีอยู่แล้ว รถก็มีอยู่แล้ว และรถคันนึงทุกวันนี้ เขายืมไปใช้ก็ไม่คืน ทุกวันนี้รถอยู่ไหนก็ไม่รู้ คงเอาไปซ่อน พอทวงถามเฉยเมย ทำให้ไปแจ้งว่ายักยอกทรัพย์ไปก่อน
-ทางโน้นพยายามจะทำข่าว ให้นักข่าวสนใจเยอะๆ เพื่อที่จะได้เป็นประเด็นในสิ่งที่เขาต้องการว่า เขามีสิทธิ์ว่าเขาเป็นเมีย แต่ในความจริงไม่มีเลย
-เรื่องบ้าน ตนอยู่ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตั้งแต่อีกฝ่ายเข้ามา พยายามใช้พื้นที่ทั้งหมด รวมทั้งห้องนอนตน จนตนไม่สามารถกลับเข้าไปนอนได้ ตนก็ไม่ว่า เพราะคอนโดก็มี ไม่ติดใจตรงนี้
-แต่จะบอกว่า สิทธิ์ในทรัพย์สินบ้านเขาไม่มีอยู่แล้ว เพราะว่าบ้านนี้มันมีอยู่แล้วก่อนที่เขาจะเข้ามา มันมีตั้งแต่ตนยังไม่เกิด
-หลังพ่อเลิกกับเขา เขาก็ยังอยู่ที่บ้าน แยกห้องนอนกัน ต่างคนก็ต่างล็อกห้องนอนตัวเอง พูดง่ายๆ คือคนภายนอกอาจจะเห็นว่าอยู่บ้านเดียวกัน แต่ถ้าคนอยู่ใกล้ๆ รอบๆ ตัว ก็จะเห็นเลยว่าเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไร
-สิ่งที่เขาทำ สรุปง่ายๆ คือเรื่องมรดก จริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว
-ของบางอย่างมีการหาย เอะใจไม่เชื่อว่าเขาไม่มีกุญแจ คนอยู่ในบ้านแค่นี้ ไม่มีคนนอกมาหยิบได้
-ไปแจ้งความ ถามตร.ว่าขอเปลี่ยนกุญแจได้ไหม เพราะมีของในบ้านที่มีคุณค่ามีราคา ตำรวจบอกทำได้ในฐานะทายาท ไม่ต้องรอเป็นผู้จัดการมรดก
-เขากลับเข้ามาเขาก็มาสะเดาะกลอนของเราหมดเลย ตร.บอกเชิญไปคุยโรงพัก แต่เขาไม่ได้มา
-หลังจากนั้นตนกลับไปอีกเพราะต้องการจะเข้าบ้าน แต่ปรากฏว่าเขาเอาแม่กุญแจเขามาล็อก ก็เข้าบ้านไม่ได้เหมือนกัน
-ในมุมที่เขาติดใจการตายของพ่อ เขาอาจจะไม่เคยเห็นใบมรณบัตรพ่อหรือเปล่า เขาไม่ได้ไปรับศพพ่อเขาไม่ได้ไปยื่นเอกสารเขาไม่ได้ทำอะไรเลย คนที่ทำคือตน ซึ่งใบมรณบัตรมันก็ชัดเจนมีการชันสูตรศพแล้วถึงออกใบมรณบัตรได้ ว่าเป็นลิ่มเลือดหัวใจอุดตัน
-ประเด็นที่สอง ถ้าคุณบอกว่าเป็นเมียหรืออยู่ในบ้านเดียวกัน คุณก็ต้องรู้สิว่าอาการพ่อเป็นยังไง พ่อมีอาการลิ้นแข็งพูดไม่ชัด ต้องรู้อยู่แล้ว จะมาติดใจอะไร ญาติพี่น้องไม่มีใครติดใจอะไร รับรู้กันอยู่แล้ว เขาพยายามสร้างประเด็น
-วันงานศพพ่อ เขามีการไปรับซองโดยไม่ได้บอกตน
-ส่วนมูลค่ามรดก ไม่ได้รู้ขนาดนั้นว่าบ้านจะขายได้เท่าไหร่ แต่รู้ว่ามีหนี้อะไร ซึ่งหนี้มีเกินบ้านจะรับผิดชอบได้ไหม
