xs
xsm
sm
md
lg

SACIT จัดงาน “SACIT Symposium 2025” สืบทอดภูมิปัญญางานหัตถศิลป์ที่คิดถึง สู่อนาคตอย่างยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT (Sustainable Arts and Crafts Institute of Thailand) จัดงานประชุมวิชาการ “SACIT Symposium 2025” ภายใต้แนวคิด “Crafting Sustainability across ASEAN and Beyond” ระหว่างวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2568, ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งแรกของเวทีวิชาการด้านศิลปหัตถกรรมไทย กับงานประชุมครั้งสำคัญที่รวมผู้เชี่ยวชาญ ศิลปิน ช่างฝีมือ และองค์กรพันธมิตรจากทั่วเอเชีย ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จาก “เครื่องรัก” สู่ “นวัตกรรมความยั่งยืน” ใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ การสืบสาน คงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาดั้งเดิม, การสร้างสรรค์ พัฒนาเทคนิคและรูปแบบร่วมสมัยและการส่งเสริม ยกระดับภาพลักษณ์และองค์ความรู้งานหัตถศิลป์ไทยสู่ระดับสากลในฐานะองค์การมหาชน ภายใต้การกำกับของกระทรวงพาณิชย์ที่ SACIT มีบทบาทในการขับเคลื่อนงานศิลปหัตถกรรมไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม งานศิลปหัตถกรรมไทยทุกมิติ ให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืน” มุ่งมั่นสืบสานงานหัตถศิลป์ที่คิดถึง สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดเชิงพาณิชย์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมการตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น เห็นได้จากการพลิกโฉมงานหัตถกรรมไทยผ่านการดำเนินงานครอบคลุม
3 มิติ ได้แก่ ต่อยอดงานหัตถศิลป์ที่คิดถึง ยกระดับงานคราฟต์ผ่านเครือข่ายพันธมิตร และพัฒนางานคราฟต์ภายใต้แนวคิด ESG
ปี 2568 นับเป็นก้าวสำคัญของ SACIT กับการยกระดับงานองค์ความรู้งานหัตถศิลป์สู่เวทีวิชาการระดับนานาชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการตระหนักถึงปัญหาความท้าทายที่สำคัญของวงการศิลปหัตถกรรมไทย นั่นคือการขาดแคลนวัตถุดิบพื้นถิ่นที่ใช้ในการสร้างสรรค์งานคราฟต์ โดยเฉพาะ “ยางรัก” ที่จำเป็นต่อการทำเครื่องรัก–เครื่องเขิน และงานหัตถกรรมอีกหลากหลายประเภท รวมถึงองค์ความรู้ในการสร้างสรรค์งานประเภท “เครื่องรัก – เครื่องเขิน” และงานศิลปหัตถกรรมที่ใช้ยางรักเริ่มมีผู้สืบทอดน้อยลงไปในทุก ๆ ปี ด้วยเหตุนี้ SACIT จึงริเริ่มการประชุมวิชาการระดับนานาชาติครั้งนี้ขึ้น เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการระดมสมองและหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วภูมิภาคอาเซียนและจากนานาชาติ เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนให้กับงานศิลปหัตถกรรมในระยะยาว

งาน SACIT Symposium 2025 จึงมิใช่เพียงงานประชุมวิชาการ แต่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจุดประกายแนวทางการต่อยอดทั้งเชิงวิชาการและเชิงการสร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

ผศ. ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า
“งาน Symposium ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้รวมตัวพันธมิตรหลากหลายภาคส่วน ทั้งช่างฝีมือ ศิลปิน นักสะสม นักวิชาการจากทั้งในและต่างประเทศ เครือข่ายครูอาจารย์และสถาบันการศึกษา เพื่อมาร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมที่ใช้ ยางรัก เป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงาน ทั้งในเชิงเทคนิค ศิลปะ และวัฒนธรรม พร้อมกันนี้ เรายังได้เชิญเครือข่ายช่างจากหลายประเทศในอาเซียน เอเชีย รวมถึงยุโรป เข้าร่วมพูดคุยถึงแนวทางการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนในอนาคต
Symposium ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การนำเสนอผลงานวิชาการในรูปแบบเอกสารเท่านั้น แต่ได้รวมไปถึงการแสดงผลงานสร้างสรรค์จากช่างรุ่นใหม่ การนำเสนอผลงานสะสมหายากที่เปิดให้ชมเป็นครั้งพิเศษ ซึ่งรวมถึงงานเครื่องรักจากต่างประเทศด้วย ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง”

โดยไฮไลต์ของงานที่จะเกิดขึ้น อาทิ การได้รับเกียรติจาก Dr. Feng Jing แห่ง UNESCO ที่จะร่วมชี้ให้เห็นถึง “หัตถกรรม” ในฐานะโครงสร้างวัฒนธรรมของอาเซียน ร่วมด้วยพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย ประจำปี 2568 ใน 3 สาขา รวม 30 ท่าน ได้แก่ ครูศิลป์ของแผ่นดิน, ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้สืบสานงานหัตถศิลป์
เวทีเสวนาและการนำเสนอผลงานจากผู้เชี่ยวชาญจาก 9 ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และยุโรป แบ่งเป็นหน่วยงาน และองค์กรพันธมิตรจากต่างประเทศ 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และออสเตรีย ร่วมถึงศิลปินและช่างฝีมือ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม เมียนมาร์ และ สปป.ลาว ร่วมด้วยการบรรยายพิเศษจาก 4 นักสร้างสรรค์ศิลปินและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนงานศิลปะหัตถกรรมไทยระดับนานาชาติ ได้แก่ คุณวิชดา สีตกะลิน (Jim Thompson), คุณรัฐ เปลี่ยนสุข (สัมผัสแกลเลอรี), คุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ (Qualy Design) และ คุณอรช บุญ-หลง (Greater Chiang Mai)

หนึ่งในตัวอย่างของไฮไลต์ คือการบรรยายพิเศษระดับนานาชาติว่าด้วย "เครื่องรัก" นำเสนอองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิด้านเครื่องรักจาก 7 ประเทศ ในหัวข้อ “Craft Ecologies: Materials, Communities, and Wisdom” เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง เรื่องวัสดุ ภูมิปัญญา และชุมชน ในการรักษา พัฒนา และต่อยอดงานเครื่องรักในยุคสมัยใหม่ ตัวอย่างวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับนานาชาติ ได้แก่ Prof. Sakurako Matsushima ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องรักญี่ปุ่น Mr. Suo Chao นักวิชาการด้านเครื่องรักจากจีน Mr. U Maung Maung ประธานสมาคมเครื่องรักเมียนมา Mrs. Nguyen Thi Tu Quyen ศิลปินและผู้เชี่ยวชาญการใช้รักสีแบบเวียดนาม เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสวนาพิเศษ หัวข้อ “From Forest to Form: Lacquer Sap and the Thai Craft Ecology” โดยวิทยากรชาวไทยผู้เชี่ยวชาญด้านยางรักตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงการใช้งานและการสร้างสรรค์รวม 6 ท่าน อาทิ คุณสนั่น รัตนะ ราชบัณฑิตสาขาศิลปกรรม รศ.พิศมัย อาวะกุลพาณิชย์ สาขาวิชาการออกแบบ ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณธวัชชัย ทำทอง คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และผู้เชี่ยวชาญด้านงานเครื่องรักล้านนา เป็นต้น

ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ “The Lacquer Legacy” โดย ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) บอกเล่าเรื่องราวของ “ยางรัก” และการใช้ยางรักในงานศิลปหัตถกรรมไทย พร้อมโซนสาธิตกระบวนการสร้างสรรค์จากศิลปิน และช่างฝีมือจากไทยและต่างประเทศมากกว่า 12 ท่าน ได้แก่ ญี่ปุ่น, จีน, พม่า, เวียดนาม, ลาว และงานเครื่องรักประเภทต่าง ๆ ของไทยอีกมากกว่า 7 ท่าน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสงานศิลป์อย่างใกล้ชิด
งาน SACIT Symposium 2025 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของ SACIT ในการแสดงบทบาทผู้นำด้านศิลปหัตถกรรมไทยบนเวทีโลก โดยมุ่งหวังให้เกิดการตื่นตัวและสนใจงานหัตถกรรมไทยในวงกว้าง เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างหน่วยงานและผู้สร้างสรรค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงต่อยอดองค์ความรู้สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต ทั้งนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของ SACIT ในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติด้านศิลปหัตถกรรมภายในปี พ.ศ. 2570 ภายใต้แนวคิด “Crafting Sustainability across ASEAN and Beyond” เพื่อยกระดับศูนย์กลางองค์ความรู้และเครือข่ายงานคราฟต์ของอาเซียนอย่างแท้จริง

“งาน SACIT Symposium 2025 คือหมุดหมายใหม่ที่เราต้องการให้นานาชาติและคนในยุคปัจจุบันได้เห็นว่า ศิลปหัตถกรรมไทยยังมีชีวิตยังเติบโต และยังพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งในมิติทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจและนวัตกรรม เราเชื่อว่างานหัตถศิลป์ไทยไม่ได้เป็นเพียง ‘ของเก่า’ แต่คือพลังสร้างสรรค์ที่สามารถนำพาไปสู่อนาคตได้อย่างสง่างาม หากได้รับการสืบสานอย่างเข้าใจและร่วมมือกันอย่างจริงจังในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ” ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข้อมูลข่าวสารของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ได้ที่เว็บไซต์ www.sacit.or.th สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “SACIT Symposium 2025” ได้ทางเฟซบุ๊ก SACITOFFICIAL หรือ https://symposium.sacit.or.th













กำลังโหลดความคิดเห็น