ยันคดี "เอ็ม อภิดิศร์" ยกฟ้องเพราะหลักฐานชัดเจน ไม่เกี่ยวทนาย "ต." รับ 20 ล้านแล้วชิ่ง

กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งสำหรับชื่อของ "เอ็ม" อภิดิศร์ (อินทุลักษณ์) นักธุรกิจ ซีอีโอ ภายหลังจากที่ศาลได้ตัดสินยกฟ้องคดีที่เจ้าตัวถูกนักแสดงหญิงอิสระอักษรย่อ "น." แจ้งความอ้างถูกเจ้าตัววางยาข่มขืนกระทำชำเราก่อนที่ล่าสุดจะมีข่าวออกมาว่านายอภิดิศร์ได้ตัดสินใจที่จะฟ้องกลับอีกฝ่ายแล้ว

(อ่านข่าว :"เอ็ม อภิดิศร์" ฟ้องกลับดาราสาวกล่าวหาวางยาขืนใจ หลังศาลยกฟ้องชี้หลักฐานส่อ "สมยอม" ด้าน "ทนายตั้ม" โดนด้วย)

ย้อนกลับไปภายหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินยกฟ้องออกมาในช่วงปลายเดือนกันยายน ทางด้านของนางสาว น. พร้อมกับนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้ออกให้สัมภาษณ์ว่าที่ผ่านมาครอบครัวนายอภิดิศร์ได้ติดต่อฝ่ายหญิงมาเพื่อที่จะเสนอเงินให้ 20 ล้านแต่ว่าตัวฝ่ายหญิงไม่ขอรับเงินจะสู้คดีเพื่อความยุติธรรมโดยมี ทนาย "ต." มาช่วยทำคดีให้

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุดทีมข่าวได้รับการชี้แจงจากแหล่งข่าวของนายอภิดิศร์ระบุว่าที่ผ่านมาทางครอบครัวนายอภิดิศร์ไม่เคยยื่นข้อเสนอเงิน 20 ล้านให้กับฝ่ายหญิงเลย ส่วนกรณี ทนาย "ต." ที่อีกฝ่ายระบุซึ่งก็คือทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด รีบเข้ามาทำคดีนี้ก็เพราะฝ่ายหญิงบอกว่าเอ็มอภิดิศร์เป็นหลานอดีตรัฐมนตรีและคิดว่าเป็นตระกูลที่มีเงินมาก แต่ก็ได้ถอนตัวไปในภายหลังหลังจากเห็นหลักฐานพยานจากฝ่ายจำเลย โดยยังคงส่งลูกน้องในออฟฟิศมาทำหน้าที่ต่อ

แหล่งข่าวยังระบุว่าด้วยว่าทำไมทางครอบครัวนายอภิดิศร์จะต้องเอาเงินไปให้กับทนายตั้มทั้งที่ทนายตั้มเอาเรื่องของนายอภิดิศร์ไปพูดผ่านรายการทีวีแบบเสียๆ หายๆ โดยกล่าวหาว่านายอภิดิศร์มีการถ่ายคลิปวิดีโอที่เข้าข่ายอนาจารจนเป็นเหตุให้เจ้าตัวกำลังจะถูกนายอภิดิศร์ฟ้องอยู่ในตอนนี้ เพราะทนายตั้มในขณะนั้นเป็นที่น่าเชือถือของสังคมและออกมาพูดทำนองว่าเป็นคลิปอนาจารซึ่งแท้จริงรู้ดีว่าเป็นคลิปอะไรหลังจากนั้นจึงขอถอนตัวจากคดีเนื่องจากเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งฝ่ายหญิงกล่าวหานายอภิดิศร์นั้นไม่เป็นความจริง

ส่วนการตัดสินของศาลที่ออกมานั้นก็เป็นการตัดสินจากประจักษ์พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิป กล้องวงจรปิด ตลอดจนแชตการสนทนาที่ชี้ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสมยอม ไม่เกี่ยวกับการที่ฝ่ายหญิงได้ออกมาขอความเป็นธรรมโดยกล่าวว่าที่แพ้คดีเพราะโดนทนายตั้มได้เงินไป 20 ล้านเลยทิ้งคดีไปแต่อย่างใด

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางนายอภิดิศร์ ยืนยันมาตลอดตั้งแต่ถูกดำเนินคดีในครั้งแรกว่าตนไม่ได้กระทำความผิด จนถึงกระทั่งศาลตัดสินมีคำพิพากษายกฟ้องเด็ดขาด ซึ่งจากคำพิพากษานั้นสรุปได้ว่า พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ โดยเชื่อว่าขณะจำเลยมีการร่วมประเวณีกับโจทย์ โจทย์มีสติ ไม่ได้นอนหลับและยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยด้วยความสมัครใจ

โดยปรากฏตามคลิปที่มีการเปิดเป็นประจักษ์พยานวัตถุนั้นแสดงให้เห็นว่าฝ่ายหญิงกำลังจัดเตียงเก็บผ้าปูที่นอนอยู่ นั่งดื่มน้ำและมีการคุยเล่นหัวเราะกับนายอภิดิศร์ได้และก็ใส่ชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย ขณะที่คลิปกล้องวงจรปิดของโรงแรมยังสามารถเห็นฝ่ายหญิงเดินออกมาส่งนายอภิดิศร์มายืนคุยที่หน้าห้องพักของโรงแรมและเดินไปขึ้นรถที่หน้าโรงแรมได้อย่างปกติและยังสามารถเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน grab เดินทางกลับบ้านด้วยตนเอง แสดงให้เห็นถึงว่านางสาวน. ก็ยังมีสติสัมปชัญญะดีจนถึงขณะนั่งรถกลับบ้าน

นั่นหมายถึงความชัดเจนว่าไม่ได้มีการข่มชืนและไม่ได้มีการมอมยาและฝ่ายหญิงไม่เคยหมดสติแต่อย่างใด ซึ่งพยานหลักฐานที่โจทย์นำสืบมายังไม่มีพยานหลักฐานใดที่มีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอให้รับฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษา "ยกฟ้อง” แล้วเหตุใดทางจำเลยจะต้อง ไปเสนอเงินให้ทางนางสาว น. ถึง 20,000,000 บาทด้วย

นอกจากนี้คลิปดังกล่าวนั้นจึงไม่ใช่คลิปอนาจารตามที่ประชาชนเข้าใจผิดจากการให้สัมภาษณ์ของทนายตั้ม และนายอภิดิศร์เองก็ไม่เคยถ่ายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ไว้อย่างแน่นอน ความจำเป็นในขณะที่ถ่ายนางสาว น. ก็เนื่องจากว่าพี่สาวของนางสาว น. พาตำรวจเข้ามาในรีสอร์ทเห็นทีท่าไม่ดีจึงถ่ายไว้ว่าภายในห้องมีเหตุการณ์อย่างไรบ้าง

ทั้งนี้แหล่งข่าวคนเดิมยังบอกด้วยว่า ทางนายอภิดิศร์เองอาจจะมีการฟ้องไปยังดารานักแสดง "อ." คนดังที่เพิ่งเริ่มทำงานในแวดวงการเมืองที่ก่อนหน้าเคยออกมากล่าวหานายอภิดิศร์ทำนองว่า ข่มขืนดาราสาว และใช้เพจจริงของตนเองมาคอมเม้นต์ทำให้นายอภิดิศร์ได้รับความเสียหายอย่างมาก