“เอม สรรเพชญ์” แจง บอก “เบสท์” เป็นสเปกไม่ได้แปลว่าจะจีบ รู้สึกเกินไปกับคอมเมนต์บอกให้หนี เห็นใจอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิด ยืดอกป้องแมนๆ ตัวเองเป็นคนพูดทำไมไม่โดนบ้าง เผยละครเรื่องแรกเตรียมเปิดตัว 27 ต.ค. นี้ พ่อ “ดู๋ สัญญา” ให้คำปรึกษาตลอด อนาคตถ้าได้แสดงด้วยกันแบบไม่ใช่บท พ่อ-ลูก คงสนุก เห็นด้วยที่พ่อคอยมองหาคอมเมนต์ตำหนิ เพื่อเอามาพัฒนาตัวเอง
กลายเป็นดรามาแบบงงๆ หลังหนุ่ม “เอม สรรเพชญ์ คุณากร” ลูกชายของคุณพ่อ “ดู๋ สัญญา คุณากร” โดนพิธีกรในรายการหนึ่งชงถามแซวๆ ว่า สาว “เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์” เป็นสาวในสเปกไหม ซึ่งเอมตอบว่า สเปก เพราะชอบคนที่มีความเป็นตัวเอง เป็นคนเก่ง งานนี้มีทั้งคนที่แอบจิ้น และพากันบอกให้เอมหนีไป จนทำให้เบสท์ถึงกับนอยด์ ถามว่าตนทำอะไรผิด
ล่าสุดวันนี้ (6 ต.ค. 67) ได้เจอเอม ที่มาร่วมเดินแบบในงาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2024 ในโชว์ของ Leisure Projects presented by CITIZEN เจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ ว่าเห็นใจเบสท์มาก เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พร้อมให้กำลังใจ เชื่อสามารถรับมือดรามาได้
“ก็ได้เห็นข่าวครับ แต่ที่ผมตอบว่าตรงสเปก ก็คือตรงสเปกครับ สเปกของผมคือคนที่เก่ง และเป็นตัวของตัวเอง แต่ว่าการตรงสเปกมันไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปจีบเขา มันแค่หมายความว่าเราเห็นบางสิ่งบางอย่าง ที่เราชื่นชมในตัวเขา ซึ่งผมเห็นจริงๆ ว่าเขาเก่ง
แต่ว่าการที่มีคนมาบอกให้หนีไป ผมว่ามันเกินไปครับ แต่ว่าก็เป็นความคิดเห็นของเขา ผมก็มีความคิดของผม (เห็นใจเบสท์เหมือนกัน?) ใช่ครับ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย (หัวเราะ) ทำไมผมไม่โดนบ้าง แต่ก็เข้าใจครับ ผมไม่ได้คิดอะไร เราเป็นเพื่อนกัน น้องเบสท์เขาน่าจะมีประสบการณ์มากกว่าผม เขาน่าจะรับมือได้ดีกว่าผม แต่ก็ส่งกำลังใจให้ครับ ก็งงนิดหนึ่งที่เป็นข่าว เป็นดรามา แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ทุกอย่างโอเค”
เผยละครเรื่องแรกเริ่มถ่ายทำแล้ว เตรียมเปิดตัวในอีเวนต์ของช่องวัน 31 วันที่ 27 ต.ค. นี้
“ละครเริ่มถ่ายแล้วครับ เดี๋ยวจะมีอีเวนต์วันที่ 27 ตุลาคมนี้ ก็จะประกาศทุกอย่างเลย ว่าได้เล่นกับใคร เรื่องราวเป็นยังไง แล้วก็อาจจะมีทีเซอร์ หรือคลิปอะไรให้ได้ดูเร็วๆ นี้ครับ ถามว่าจะว้าวเลยไหม อันนี้ผมพูดเองไม่ได้ แต่ส่วนตัว ผมพยายามมองในมุมมองที่ไม่ใช่นักแสดงที่ร่วมงาน คือผมชอบ ตัวละครผมก็ชอบ เท่าที่ถ่ายทำมาก็สนุกทุกวัน แต่ว่าเหนื่อยทุกวัน และเรียนรู้ทุกอย่างทุกวัน ทั้งเกี่ยวกับตัวเอง การถ่ายทำและวงการ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ ก็อยากจะทำต่อ”
การทำงานคล้ายกับที่คิดไว้ แต่มีคุยปรึกษากับคุณพ่อตลอด
“คล้ายๆ ครับ คล้ายกับที่เราคิดไว้ในหัว แต่มันไม่มีทางเทียบกับของจริงได้ แต่ก็ยังรับมือได้อยู่ครับ ตอนนี้ยังรอดอยู่ครับ คอยดู (หัวเราะ) ทุกครั้งที่กลับบ้านก็ได้คุยกับคุณพ่อ เล่าเรื่องทุกอย่าง คุณพ่อก็ให้คำแนะนำ เพราะเราก็คล้ายๆ กัน ยิ่งเรื่องที่เรารู้สึกว่าเรายังทำไม่ถูก เราก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็เข้าใจและปรับปรุงไปด้วยกัน
คือฉากที่ต้องใช้อารมณ์ ตอนซ้อมเราทำได้ แต่พอถ่ายจริง มันมีสถานการณ์หลายสิ่ง ที่ทำให้เราทำไม่ได้เท่าที่เราเคยทำมาก่อน คุณพ่อก็เตือนให้มีสติ ให้อยู่กับคาแร็กเตอร์ ไม่คิดมาก เพราะทั้งผมและพ่อเป็นคนที่คิดมาก มันเป็นงานที่ต้องผสมผสานกับระหว่างการคิดเยอะ จำบท ใช้ภาษาให้ดี และการใช้อารมณ์ การอินกับตัวละครและคาแร็กเตอร์ ก็ต้องบาลานซ์กัน”
เผยคุณพ่อยังไม่เคยไปหาที่กองถ่าย เปรยอนาคตถ้าได้เล่นด้วยกัน แบบไม่ใช่บท พ่อ-ลูก น่าจะสนุกดี
“ไม่เคยครับ คุณพ่อยังไม่ค่อยกล้า แต่ว่าถ้าเกิดผมเคยชินกว่านี้ อาจจะมีโอกาสครับ ตอนนี้ก็เป็นไปได้ว่าคุณพ่ออาจจะกลัวเราเกร็ง หรือว่าคุณพ่ออาจจะกลัวโดยรวมก็ได้ (หัวเราะ) แต่ถามว่าถ้าคุณพ่อไปด้วยเราโอเคไหม สำหรับผมอาจจะไม่นะ เพราะผมอาจจะหลุดออกจากคาแร็กเตอร์ทันทีเลย สมมติเล่นละครกับพ่อ ผมว่าผมอาจจะเล่นแข็งเลยแหละ แต่ในอนาคตอาจจะได้ครับ แต่ต้องไม่ใช่บท พ่อ-ลูก นะ ผมว่าน่าจะสนุกดีถ้าได้เล่นด้วยกัน แบบไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน”
เห็นด้วยกับคุณพ่อ ที่จะดูแต่คอมเมนต์ที่ตำหนิ เอม เพื่อเอามาพัฒนาตัวเอง
“เห็นด้วยครับ เพราะว่าคำชมมันสามารถทำให้เราเปลี่ยนมุมมอง และสร้างอีโก้ แต่คุณพ่อคือจุดแข็งที่คอยเตือนเรา เพื่อที่เราจะพัฒนาได้ต่อไป ส่วนตัวผมตอนนี้ผลงานยังไม่เยอะ คอมเมนต์ตำหนิก็เลยยังไม่เยอะ รอดูครับ เดี๋ยวผมหาแน่ (ยิ้ม) แต่สำหรับคอมเมนต์ชม ก็ต้องขอบคุณครับ รู้สึกเหมือนทุกคนสนับสนุน และเอ็นดู”
คุณพ่อไม่ได้สอนเรื่องการอยู่ในวงการ แต่สอนให้เป็นคนดี และตรงต่อเวลา
“ใช่ครับ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับวงการบันเทิงเป็นพิเศษ แค่ให้เป็นคนที่ตรงต่อเวลา ทำงานได้ดี และเป็นคนดี มันกลายเป็นคาแร็กเตอร์ของผมไปแล้ว”