xs
xsm
sm
md
lg

“อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” มาพร้อมกระโถน อดีตเคยเป็นหมอดูหลอกเงินคน ปีหน้าบวชยาว ตอบแต่ละคำถามอย่างพีก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรณีกระแส “หมอดูขโมยดวง” จากเรื่องเล่า “ทำไมดูเป็นคนดีจัง” ในรายการ THE GHOST RADIO จนทำให้สังคมตั้งคำถามว่า การขโมยดวงนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ก่อนที่ต่อมา “อ.เบียร์ คนตื่นธรรม” ได้ออกมาซัดแรงๆ แบบหงายเงิบว่าไม่มีใครขโมยดวงได้ แต่มีคนขโมยสมองได้ สับเละปัญญาอ่อน จนกระฉ่อนไปทั่วโลกออนไลน์

รายการโหนกระแส ออกอากาศวันที่ 4 ต.ค. 67 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์ อ. เบียร์ คนตื่นธรรม ที่มาพร้อม นาฟ ฉัฐนันท์ อดีตเคยชอบดูดวง แต่ตอนนี้เลิกแล้ว

เมื่อวานมีส่งมาว่าคนที่จะคุยเรื่องนี้ได้ดีไม่ใช่ใคร คืออ.เบียร์ คนตื่นธรรม วันนี้ท่านมาแล้ว อีกหนึ่งท่านที่ต้องพูดคุย เมื่อวานโฟนอินไปช่วงเวลานึง คุณนาฟ ฉัฐนันท์ ซึ่งไปดูหมอดูคนนี้มา และมีประสบการณ์เหมือนกัน แต่ประเด็นคือคุณนาฟบอกว่านาฟเลิกดูหมอแล้ว เมื่อก่อนชอบดูหมอมาก วันนี้เลิกดูเด็ดขาด?
นาฟ : ไม่ดูแล้ว ทำแต่งาน มีดูบ้างแต่ดูฤกษ์ที่ไม่ใช่การดูดวงของเรา เพราะเราจะดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ตัวเรา

ถามอาจารย์ก่อน ผมเป็นแฟนคลับอาจารย์มานานมาก ที่มาที่ไปอาจารย์ บางทีคนอาจไม่รู้ ที่มาที่ไปคนตื่นธรรมมาจากไหน?
อ.เบียร์ : ที่มาคนตื่นธรรม เริ่มจากอาจารย์ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติตามปกติ แต่วันนึงเรารู้สึกว่าชีวิตเรามีความทุกข์ มันรู้สึกว่าหาทางออกไม่เจอ หาทางแก้ไม่ได้ หลังๆ เลยไปดูดวง ทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ ต่อชะตา ทำทุกอย่างที่ทำได้ จนวันนึงเราคิดว่าเราเริ่มจากเราไปเชื่อคนอื่น เรากลับมาเชื่อตนเองดีกว่า แต่เราเชื่อตัวเองก็ยังมีความเห็นผิดอยู่ ก็เลยกระโดดเข้าวงการเป็นหมอดูซะเอง กระโดดเข้าวงการหมอดูเลย เป็นหมอดูมาก่อน (หัวเราะ) ก็ดูดวงมาเกือบ 7 ปี ดูมาเรื่อยๆ ดูไปก็มีลูกศิษย์ลูกหากลุ่มเราไป แต่บางทีรู้สึกว่าการดูดวงของเราบางทีก็แสวงหาผลประโยชน์ เพราะเป็นเรื่องรายได้ หาเงิน พอหาเงินมา เราก็รู้สึกว่าเราต้องหาวิธีความเชื่อ และความทุกข์ของเขา เราอยากได้ความทุกข์ของเขา มาทำคอนเทนต์ หาอะไรแก้ทุกข์แก้ดวงให้เขา แต่เจตจำนงจริงๆ คือเราอยากได้ทรัพย์จากเขา ตอนหลังมาเริ่มปฏิบัติธรรม เริ่มศึกษาธรรมะ คิดว่าทางนี้ไม่น่าเป็นทางช่วยคนแล้ว เจตนาแรกช่วยคนนะ เจตนาดี แต่หลังๆ ไปเริ่มมีรายได้แอบแฝงแล้ว เริ่มมีผลประโยชน์ นี่แหละปัญหาที่เราเริ่มเอะใจว่าเราทำถูกต้องหรือเปล่า กับการเป็นหมอดูของเรา ตอนแรกเรามีเจตนาดี แต่ตอนหลังเริ่มมีกลายๆ มีภาระหน้าที่ ก็อยากมีรายได้เพิ่มขึ้น

คิดอย่างนั้นจริงๆ ว่าน่าจะสักนิดนึง ดูแม่นมั้ยตอนนั้น?
อ.เบียร์ : ถ้าไม่แม่น คงไม่มีลูกศิษย์ลูกหา ก็แม่นอยู่

เคยขโมยดวงใครมั้ย?
อ.เบียร์ : ไม่เคย แต่ถ้าล่อลวงเงินเขาน่าจะมี

วันนี้เปิดหมดเลย หมอดูสะท้านเลยนะ สองท่านเหมือนกันอย่างนึง เมื่อก่อนอ.เบียร์เป็นอาจารย์ดูดวง เลิกแล้ว นาฟชอบดูดวง แต่ตอนนี้เลิกแล้วเหมือนกัน?
อ.เบียร์ : เราก็เริ่มหาวิธี เราก็ไปเรียนรู้เทคนิคจากหมอดูคนเก่าๆ ที่เขาเป็นเพื่อนเรา อาจารย์ เขาทำยังไง ก็เริ่มจากเอาของมาขาย ไอ้คนนี้มีความเห็นผิดมา มีความทุกข์มา ต้องเอาเงินจากมันยังไง ก็เริ่มเอาของมาขาย ต้นทุนไม่กี่บาท แล้วขายราคาแพงๆ เพราะเขาเชื่อ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะคนนี้ต้องใช้คำว่าฉลาดน้อย คนนี้ฉลาดมาก คนฉลาดมากจะเชื่อเราน้อยกว่า คนฉลาดน้อยจะเชื่อเรามากกว่า หลักภาษาทั่วๆ ไปก็ใช้คำว่าโง่ได้เลย อันนี้ต้องยอมรับตามความเป็นจริง อาจารย์ไม่ได้ว่าเขา แต่มันโง่จริงๆ เราก็สามารถหลอกเอาเงินจากมันได้มาก สมมติมันทุกข์ใจเรื่องสามีภรรยา สามีมีเมียน้อย เมียหลวง หรือทุกข์เรื่องหนี้สิน อาจารย์ก็ตั้งแล้วดูก่อนเลยว่าโหงวเฮ้งน่าจะมีตังค์ ดูทรงแล้วน่าจะมีตังค์ เจอกูแน่ งานนี้กูเล่นมึงแน่นอน มันมีเจตนาในใจอยู่แล้ว แต่เราก็อยากช่วยเขาด้วย เฮ้ย ไม่ได้เว้ย เดี๋ยวของเข้าตัวเรา ก็ต้องสรรหาวิธีต้องรับค่าครูหน่อย แต่ค่าครูสมมติ 99 บาท แต่เราบวกเข้าไปเป็นค่าทำพิธี ซื้อเป็ดซื้อไก่ ซื้อบายศรี ก็บวกเพิ่มไป ตัวลูกศิษย์ไม่รู้หรอก แต่คนที่รู้คือเรา เราก็หากินวิธีแบบนี้ หาไปเรื่อยๆ เงินก็ได้เยอะ โดยมากหลักการดูดวงเงินไม่เยอะ สมมติ 500 พันนึง หมื่นนึงก็ได้เท่านี้

เราบอกเป็นค่าอะไร?
อ.เบียร์ : ค่าครู แล้วแต่สมัครใจเลย แต่เราจะกำหนด ถ้าบอกว่า 100 นึง มันก็ใส่ร้อยนึงไง ถ้าเราบอกว่าแล้วแต่ศรัทธา เขาใส่ 20 บาทก็ยุ่งเลยนะ ก็เลยต้องกำหนดกฎเกณฑ์เงินเข้าไป สมมนติถ้าวันนึงจัดบายศรี ลูกเอามาสักหมื่น สักแสน เราก็ใส่เข้าไป แล้วไปบีบของ เอาเท่านี้ๆ แล้วแต่งโต๊ะเครื่องบวงสรวง ให้ดูดีหน่อย แล้วทำพิธีให้เขา เราจะได้รายได้เยอะสุดจากการทำพิธีนี่แหละ เพราะเราคำนวณเงินจากพิธีเหล่านี้มันง่าย เราไปบวกเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเราซื้อของเท่าไหร่ แล้วเขาไม่มีสิทธิ์ตรวจใบเสร็จเรา เพราะมันเหมาจ่าย เราแค่แต่งโต๊ะของโน่นนี่นั่นให้มันอลังการ แล้วทำพิธีไปเชิญเทพ เทวา มาสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น สุดท้ายพอเวลาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เรายิ่งโลภอยากได้มากขึ้น เอาไปบอกต่อ เราก็เริ่มแนะนำว่าถ้าเปิดดวงด้วยวิธีนี้นะ คือคนเราเวลาทุกข์ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ มันก็จะกลับมาทุกข์แบบนี้ซ้ำๆ เวลาแก้เรื่องนี้จบไป เดี๋ยวเรื่องใหม่เข้ามามันก็วนกลับมาอีก เราก็ได้แบบนี้เรื่อยๆ มันก็ไปบอกต่อว่าเออ แม่นจริง แต่บางทีเวลาแก้ไม่ได้ ทำพิธีเสร็จแล้วชีวิตไม่ดีขึ้นจะแก้ยังไง เราก็แนะนำว่าเฮ้ย รอแป๊บนึง ไม่นาน เดี๋ยวเจ้ากรรมนายเวรจะออกไป เพราะกำลังจะดีขึ้น รอก่อน ผลกำลังจะดีขึ้นแล้ว ต้องใช้เวลา เราก็ยื้อไปแบบนี้ จนเวลาเขาเริ่มหนักมาก ทำพิธีแบบนี้เพิ่มสิ เดี๋ยวหลุดแน่ มันก็จ่ายเพิ่ม ทีนี้คนนี้เริ่มเห็นว่าไม่มีอะไรดีขึ้น เงินก็ออกจากกระเป๋ามากขึ้น คนนี้ก็เริ่มเกลียดเราแล้ว นี่ลักษณะคนที่ออกมาฟ้องร้องหมอดู ก่อนหน้านี้ศรัทธา กราบไหว้ ไปไหนมาไหน จ่ายได้ทุกบาท แต่วันนึงเริ่มไม่เห็นผล แรกๆ ตื่นเต้น เพราะแม่นมาก แม่นครั้งเดียว ศรัทธาตลอดชีพ ศรัทธาจนวันตาย แต่ถ้าวันนึงเริ่มไม่แม่น และเริ่มยืดเยื้อ เรียบร้อยเลย

เป็นแบบนี้มั้ย แม่นครั้งเดียวศรัทธาตลอดมั้ย?
นาฟ : ไม่ตลอด (หัวเราะ) เวลาไปดูที่ไหนหนูไม่ได้บอกเขา หมอดูคนอื่นหนูไม่รู้แต่คนที่ไปดู เขาอาจเล่าแบบนี้ๆ ให้หมอดูฟัง หมอดูอาจเรียนจิตวิทยามาซะส่วนใหญ่ หนูจะดูเฉพาะหมอดูที่ไม่ได้ถามอะไรหนูเลย หนูเข้าไปแล้วเขาจะพูดเลย หนูจะไม่บอกอะไรกับเขา ว่าหนูเป็นใคร มาจากไหน แม้แต่จอง ก็เอาแอ็กหลุมไปจอง ไม่ได้เป็นชื่อหนูจริงๆ ไม่ให้เขารู้ชื่อ

มีมั้ยอาจารย์แบบนี้?
อ.เบียร์ : มีเยอะแยะ ก็อย่างที่บอกว่า ฉลาดมากก็เชื่อหมอดูน้อย ฉลาดน้อยก็เชื่อหมอดูมาก อย่างนี้เป็นเคส
ฉลาดมาก ต้องทักแม่นมากๆ มันถึงจะเชื่อ สมมติเดี๋ยวจะได้งานนะ เวลาได้ปุ๊บก็จะกลับมาอีก ก็จะเริ่มมาทำเสริม ลงนะหน้าทอง สะเดาะเคราะห์เพิ่มขึ้น เขียนยันต์ สักลายมือ

ขายหุ่นพยนต์มีมั้ย?
อ.เบียร์ : เมื่อก่อนก็เคยทำเหมือนกัน

นาฟ : อาจารย์รู้ยันต้องไปหล่อที่ไหน เป็นแฟนคลับ (หัวเราะ)

พวกหุ่นพยนต์ก็เป็นกุศโลบาย?
อ.เบียร์ : โอ้ย อย่าไปเรียกกุศโลบาย เรียกว่าขายโง่ดีกว่า กุศโลบายต้องนำคนไปในทางที่ดี นำคนไปในทางจริยธรรมคุณธรรม นำไปสู่ความเจริญ แต่เดรัจฉานวิชา หรือไสยศาสตร์พวกนี้ ไม่ได้นำไปสู่ความเจริญ แต่นำไปสู่ความเห็นผิด นำไปสู่ความหลงใหลได้ปลื้ม สุดท้ายแล้วตัวเขาเองก็ไปยึดมั่นถือมั่นว่าชีวิตเขาต้องพึ่งพาสิ่งนี้ถึงจะรวยได้ เจริญได้ แต่สุดท้ายแล้วชีวิตก็เป็นไปตามการกระทำของเขาอยู่ดี แต่จังหวะโบ๊ะบ๊ะเขาได้มาปุ๊บ มันได้งาน แต่จริงๆ งานที่เขาได้มา เขาไปดีลมาก่อนหมดแล้ว อาจจะปี สองปี แล้วอยู่ๆ มันติดต่อเข้ามา จู่ๆ ไม่เคยติดต่อใครเลย เอาหุ่นพยนต์ไป แล้วจะติดต่อกับใคร ใครจะจ้างเรา ใครจะติดต่อเรามา มันเป็นไปไม่ได้ งั้นพวกนี้มันมโน ถ้าเราไม่มีความลาดเอียง เทเอียงทางใจไปเชื่อสิ่งเหล่านี้ ให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อสิ่งเหล่านี้ หรือประสบความสำเร็จกับสายมูพวกนี้ได้เลย ฉะนั้นของพวกนี้เป็นของที่มันเป็นความเชื่อ เป็นความเห็นผิดของชาวพุทธในประเทศไทย

เป็นหมอดู แล้วเป็นคนตื่นธรรมได้ไง?
อ.เบียร์ : เราปฏิบัติธรรม เราศึกษาหลักคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ของพระพุทธเจ้า เราปฏิบัติด้วย ศึกษาด้วย จนวันนึงเราเข้าใจตามสัจจะความจริง ตามที่พระพุทธเจ้าบอก สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย แล้วมันเป็นโทษต่อเรา เป็นโทษต่อคนอื่นด้วย เราเห็นผิดคนเดียวไม่พอ ยังพาคนอื่นเห็นผิดตามเราอีก ไปชวนเขามาทำพิธีต่างๆ แล้วดึงเขาออกมาจากความเชื่อที่ถูกต้อง แล้วไม่สร้างกายกรรม วจีกรรมสุจริต กลายเป็นว่าเราก็เริ่มมองเห็นโทษเหล่านี้มากขึ้นๆ จนในที่สุดเราก็เดินออก

อาจารย์เชื่อมจิตได้มั้ย?
อ.เบียร์ : เชื่อมจิตไม่มี มีแต่เชื่อมกระโถน (หัวเราะ)

เรื่องคุณปอย ก็มีสองมุม บางมุมบอกว่ามีเรื่องแบบนี้จริงหรือเปล่า ส่วนอีกมุมก็เชื่อว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า เราจะตกเป็นเหยื่อของหมอดูไปเรื่อยๆ แบบนี้ทั้งชีวิตจริงๆ เหรอ ถามว่าหมอดูที่ดีมีจรรยาบรรณก็มี หมอดูไร้จรรยาบรรณ ก็มีมาก บางคนไม่มีความรู้เลย แต่ใช้หลักจิตวิทยา ทำนายทายทัก ใช้หลักสถิติต่างๆ นานา คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อเหมือนกัน ต้องบอกว่าทำเรื่องวันนี้ ไม่ต้องการโจมตีหมอดู แต่ต้องการให้ข้อคิดประชาชนหรือคนที่กำลังเชื่อเรื่องราวของหมอดูว่าคุณต้องแยกแยะให้ถูกก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะไปทางไหน คุณนาฟวันนี้เลิกดูหมอดูแล้ว?
นาฟ : ก็มีบ้าง แต่ดูอย่างใช้สติควบคู่กับการปฏิบัติ

ทำไมเลิกดู?
นาฟ : อาจเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่าเราต้องทำงาน ถ้าเราไปดูดวง แล้วเราบอกว่าเราอยากรวย แต่เราไม่ทำงานก็คงไม่ได้ เหมือนเราไปขอพรพระแล้วบอกว่าอยากได้ 100 ล้าน แต่เรายังนอนอยู่ ตื่น 9 โมง 11 โมง ไม่ได้ ชีวิตจริงคือต้องตื่น 6 โมงมาทำงาน ไลฟ์สดขายของ มันเป็นแบบนั้น

ถามอาจารย์ มุมคนที่เขาเชื่อ แล้วเขามีอาการ อย่างเครียด ปวดหัว บางคนเปลี่ยนไป หมอดูบอกโดนของ มันมีจริงมั้ย?
อ.เบียร์ : มีจริง แต่มีจริงแบบปัญญาอ่อน มันมโนไง ถ้าเราไม่คิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะเข้ามาเป็นเหตุปัจจัยเราไม่ได้ พระพุทธเจ้าบอกว่ามันเป็นความลาดเอียง เทเอียงในใจ ดังนั้นเราคิดถึงสิ่งใด ก็จะไปกังวลอยู่กับสิ่งนั้น เหมือนวันๆ คิดถึงแต่เรื่องผัวนอกใจ เมียนอกใจมั้ย ทั้งวันก็จะวนอยู่แต่เรื่องนี้ จิตตก มือไม้สั่น ทั้งวันกังวล วุ่นวายอยู่เรื่องเดียว วันๆ ไม่ทำอะไร นอกจากวิ่งตามหาสามีภรรยาของตน เวลาเราคิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหตุปัจจัยให้เรามโนเพ้อพก สุดท้ายอาการออก แล้วแบบนี้เหมือนโรคแพนิก เวลากลัวอะไรมากๆ จะเริ่มมือไม้สั่น เหงื่อออก หายใจไม่ทัน อาการเดียวกันเลย เพราะคิดไปล่วงหน้ากับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น อาการเดียวกันกับการเกิดความกลัว เราไปดูดวง รู้สึกศรัทธาคนดูดวง ทำพิธีมันดูน่ากลัวไง เวลาเราเอามาคิดจินตนาการล่วงหน้า เขาขู่ว่าไม่เชื่อว่าลบหลู่ ดูอย่างเดียว อย่าสงสัย ห้ามสงสัย ปฏิบัติไปเลยเดี๋ยวได้ดีเอง สั่งสอนกันแบบนี้มันก็จำ เวลาไปดูดวงก็คิดไปแล้ว ฝันไม่ดีบ้าง ได้กลิ่นบ้าง ผีมาหลอกหรือเปล่า มันก็จะไหลไปทางนี้ มันเลยเป็นเหตุทำให้คนหลงผิด คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันจะสามารถทำอันตรายแก่เราได้ อาจารย์ถึงบอกว่าถ้าไอ้สิ่งเหล่านี้ทำเดรัจฉานวิชา เสกเป่าให้คนกลัว โดนของ ขโมยดวงได้จริง เรานั่งในรายการแบบนี้ ก็ลองเสกเข้ามาดู ให้อาจารย์ร่วงหงายท้องตอนนี้ก็ได้ ถ้าทำได้ ถ้าเปรี้ยงก็แสดงว่ามีจริง ถ้าไม่เปรี้ยงก็แสดงว่าไม่มีจริง แล้วอาจารย์นั่งด่าหมอดูไลฟ์สดทุกวัน นั่งด่าเดรัจฉานวิชาทุกวันว่าไม่มีจริง ถ้าป่านนี้มันมีของจริง คงทำใส่อาจารย์ตั้งนานแล้ว เพราะมันคงเกลียดอาจารย์พอสมควร

ไม่กลัวหมอดูโกรธเหรอ?
อ.เบียร์ : มันเป็นเรื่องของเขา อาจารย์พูดตามความเป็นจริง ถ้ามันจะรับได้ หรือรับไม่ได้มันเป็นเรื่องของเขา อาจารย์มีหน้าที่ในการพูดตามหลักความจริง ว่าอันนี้มีเหตุผล อันนี้ไม่มีเหตุผล ดังนั้นใครต้องการคุยกับอาจารย์ ถ้ามีเหตุผลเพียงพอมาคุยเลย แต่ถ้าไม่มีเหตุผลก็อย่ามาคุย เสียเวลา ไม่ต้องมาฟังด้วย ใครไม่ฟังก็ไสหัวออกไป แค่นั้นเอง ง่ายๆ มีพอใจก็อยู่ฟังเด่ะ คือคนเราติดนิสัยพอไม่พอใจใคร ทำไมต้องพูดจาแบบนี้ ทำไมต้องดูถูกความเชื่อคนอื่น ไม่ฟัง ไม่อยากฟังก็ออก อาจารย์ก็พูดเสมอไสหัวออกไป ก็เท่านั้นเอง มึงจะมาฟังกูทำไม ถ้ามึงไม่ชอบกู มึงเกลียดก็มาฟังอยู่ได้ เกลียดมาก แต่มานั่งเฝ้า เกาะแข้งเกาะขามาก มันเพื่ออะไร

มีคนเอาอาจารย์ไปด่า ไปว่ามั้ย?
อ.เบียร์ : โอ้ย เยอะแยะ ใครบ้างไม่ด่า มันด่าทั้งนั้นแหละ หมอดูร่างทรงสารพัดจะเอาอาจารย์ไปด่า ทุกวันนี้ขวางผลประโยชน์ไง ฉะนั้นคนที่เกลียดอาจารย์แสดงว่ากูกำลังขวางผลประโยชน์มึงแล้ว มันเห็นชัดเจนเลย พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าคนในโลกทะเลาะกันได้เพราะอะไร หนึ่งความอิจฉา สองความขี้เหนียวต่อกัน ตอนนี้แสดงว่ามันกำลังอิจฉาอาจารย์ เพราะรายได้มันขาด มันไม่มีเงิน ไม่มีทอง คนเริ่มฉลาด เริ่มตื่นรู้ตื่นธรรมมากขึ้น หมอดูก็เริ่มขาดรายได้ เพราะอาจารย์ให้สัจจะความจริงตามหลักคำสอนว่าเฮ้ย มึงอยากมีเงินเยอะๆ อยากมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองต้องทำงาน ไม่ใช่ไปนั่งสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา เอาหุ่นพยนต์มาหาเงินหาทอง ถามว่ามึงเอาหุ่นพยนต์มาหาเงินยังไง ขนาดหุ่นพยนต์มึงยังไปซื้อมาเลย มึงยังต้องเอาเงินไปจ่ายให้มัน เอาน้ำไปเซ่นบวงสรวง

ซื้อมา 7 หมื่น แล้วขายต่อ 5 หมื่น?
อ.เบียร์ : ซื้อ 5 หมื่นก็ต้องเอาไปบูชา ซื้อของถวาย ซื้อของไหว้ ไหนบอกแน่จริงในการช่วยหาเงิน ทำไมไม่ให้มันไปซื้อของเอง เอาเงินวางไว้ก็ได้ ออลเมมเบอร์มีมั้ย ให้มันไปสแกนเองก็ได้ ก็มันบอกหาเงินได้

ตายแล้ว แรงมาก นี่หมอดูสะดุ้งเลยนะ อาจารย์ต้องมีกระโถน มีไว้ทำอะไร?
อ.เบียร์ : เอาไว้ตีกบาล ตีปากไง ตีปากพวกปัญญาอ่อน มันชอบดูถูกเหยียดหยามแบบนี้แหละ สอนธรรมะ ชอบไปดูถูกคนอื่นทำไม ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ก็ตีปากให้ กูสอนให้มึงเลิกโง่ ก็ยังไม่เลิกโง่อีก ยังพาชาวบ้านไปโง่อีก ก็ต้องตีปากสิ จะมาเก็บไว้ทำไม

คนส่งมาบอกว่าอาจารย์หล่อเยอะมาก อาจารย์บวชหรืออะไร?
อ.เบียร์ : รักษาศีล ก่อนหน้านี้จะไปบวช แต่เรามีปัญหาทางโลกอยู่ เรากลับมาเคลียร์หนี้สิน ปีหน้าเราจะไปบวช ระหว่างเรากลับมาก็รู้สึกว่าผมเป็นภาระ ต้องวิ่งไปตัด ต้องรักษา ต้องเซ็ตผม สมัยก่อนตอนปฏิบัติแรกๆ ยังรักษาผมอยู่เพราะต้องดูดวง

อาจารย์มีกล้ามด้วยนะ?
นาฟ : คนคอมเมนต์ว่าดูแล้วตื่นจริง

อ.เบียร์ : เมื่อก่อนเราเข้าฟิตเนส เพราะเรารู้สึกว่าโปรไฟล์เราต้องดูดี เพื่อเรียกกระแส เรียกคน ไม่งั้นมันไม่เข้ามา

ถ่ายรูปโชว์กล้าม?
อ.เบียร์ : ต้องสร้างโปรไฟล์ ต้องอวดไง สร้างมาตั้งนาน ไม่อวดได้ไง (หัวเราะ) เสียเงินเสียทองตั้งเยอะแยะ เหมือนคนดูดวงสมัยนี้ที่อวด ไปดูดวงแล้วหมอนี้เก่งจังเลย ของจริง กูเห็นมึงจริงมาไม่รู้กี่คนแล้ว ของแท้ กูเห็นมึงแท้มาไม่รู้กี่แท้ สุดท้ายมาจบที่โต๊ะนี้ทุกที กี่ครั้งแล้ว เห็นจัดรายการแบบนี้มา ไม่เห็นเข็ดกันสักที มันเอาวิชาชีพมาหลอก จะช่วยอะไรได้ ตัวมันเองทั้งนั้นจะโทษใคร

นาฟ : (หัวเราะถูกใจ)

ในฐานะศึกษาเรื่องของพุทธ เรื่องเลี้ยงผี มีจริงมั้ย?
อ.เบียร์ : ไม่มีหรอก มันมโนเพ้อพก

แล้วจะตอบคำถามประชาชนยังไง มีหมอดูบางคน ที่สามารถทายได้เลยว่าเจ้าที่เป็นแบบนั้น หรือคนที่บ้านชื่อนี้ แล้วเขาจะรู้ได้ไง จะมองแบบไหน?
อ.เบียร์ : มันก็รู้ได้ ไม่ใช่รู้ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไร พระพุทธเจ้าบอกว่าของพวกนี้มีอยู่แล้วในโลก ไม่ได้พิสดาร แต่คำถามคือรู้แล้วยังไง แก้อะไรได้ รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว รู้ว่าผ้าปูที่นอนสีแดง ประตูหน้าเป็นแบบนี้ ศาลพระภูมิอยู่ขวาอยู่ซ้าย คำถามคือรู้แล้วเกิดประโยชน์อะไร กูก็รู้นะ บ้านกูทำไมจะไม่รู้ ประเด็นคือมึงเดินไปถามหมอดู เพื่อให้หมอดูเล่าว่าชีวิตมึงเป็นยังไง แล้วมึงก็บอกว่าหมอดูแม่น แต่ชีวิตมึงเองจะไม่รู้เลยเหรอ คำถามคือวิเศษยังไง เขาแก้ให้มึงยังไงได้ เป็นหนี้เท่านี้ ตัวเลขในธนาคารเป๊ะตามนี้เลย เขาใช้ให้มึงได้มั้ย แก้ปัญหาเรื่องหนี้สินได้มั้ย แก้ได้ ไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แก้ชะตา มึงไม่ได้แก้หนี้ได้ มึงกำลังเป็นหนี้เพิ่ม

บางคนรำนะให้มีเงินทอง เปิดดวง ตั้งโต๊ะหมู่บูชา มองยังไง?
อ.เบียร์ : อีกหน่อยก็รับยาช่อง 2 อยู่รพ.ศรีธัญญา คนเราพอเริ่มอินกับเรื่องนี้มากๆ อีกหน่อยก็เริ่มปัญญาอ่อน พอปัญญาอ่อนก็เข้าสู่กระแสของความบ้า ทุกวันนี้เราก็มีความทุกข์ในชีวิตมากพออยู่แล้ว แต่แทนที่จะแก้ความทุกข์ไปสร้างเหตุปัจจัยที่ถูกต้อง เป็นหนี้ก็ต้องไปทำงานหาเงินใช้หนี้ ไม่ใช่เป็นหนี้แล้วไปซื้อหุ่นพยนต์มาแก้หนี้ เป็นหนี้อยู่แล้วจะขนเงินไปสร้างเหตุปัจจัยให้ตัวเองเป็นหนี้ไปอีก ซ้ำเติมตัวเองไปอีก มันเลยกลายเป็นว่าเราก็ซ้ำเติมตัวเอง หมอดูก็ยิ่งซ้ำเติมเราเพราะอยากได้เงินจากเรา กลายเป็นยิ่งแย่กว่าเดิม แต่มานั่งมโน โอ้ย ทำแล้วสบายใจ ทำไปเถอะไม่เป็นอะไรหรอก ทำไปแล้วจะไปยุ่งอะไร มันเงินเขา ไม่ใช่เงินมึง กระโถนตีปากเข้าให้ เงินมึงก็จริง ไม่ใช่เงินกูก็จริง แต่ปัญหาคือมึงไม่ฉลาดซะที ทำไมต้องเอากระโถนตีปาก เพราะกูกำลังสอนให้มึงฉลาด แต่มึงไม่ฟังกูเลย

นาฟฟังแล้วเป็นไง?
นาฟ : ฟังแล้วเพลิน หนูดูไลฟ์สดอาจารย์ หนูว่าคนไทยเครียด ไม่รู้จะระบายกับใคร ก็เลยหาที่พึ่งทางจิตใจ เพราะจิตแพทย์แพงกว่าหมอดูไง ต้องเข้าใจตรงนี้ ก็เลยเลือกดูหมอดูเปิดไพ่ดีกว่า

อ.เบียร์ : อาจารย์ว่าตอนนี้หมอดูน่าจะแพงกว่าจิตแพทย์นะ (หัวเราะ)

นาฟ : ไปแรกๆ อาจจะถูก หลังๆ อาจจะแพง (หัวเราะ)

อ.เบียร์ : เวลาหมอดูดังก็ค่าตัวแพงๆ เพื่อเรียกกระแส บางทีไม่ได้แม่นอะไรเยอะหรอก แต่เรียกค่าดูแพงๆ เพื่อสร้างกระแสว่ามันเก่งจริง สุดท้ายก็ตายรัง มาจบที่โต๊ะนี้อยู่ดี

วันนี้ไม่ได้จะโจมตีหมอดูคนใดหมอดูไม่ได้เลวร้ายทุกคน หมอดูดีๆ ก็มี หมอดูใช้โอกาสเล่ห์เหลี่ยมก็เยอะ เทรนด์หมอดูเริ่มจากวงการบันเทิง มีคนพูดเยอะมาก จะพูดยังไงดี กรณีหมอดูบางคนที่บอกว่าแม่นมาก สามารถรู้ได้ว่าคนนี้จะถามอะไรเขา แล้วบางทีเอ่ยชื่อได้เลยว่ายายชื่อนี้ ตาชื่อนี้ มันมีจริงๆ เหรอ?
อ.เบียร์ : สมัยก่อนที่อาจารย์เป็น ก็จะเป็นลักษณะเสียง มีเสียงกระซิบ มีอะไรบางอย่างมากระซิบเรา เราได้ยินจริงๆ ถ้าความเชื่อก็คือเทพเทวาที่อยู่กับเรา หรือปู่ที่เรานับถือมากระซิบบอก ว่าคนนี้ลักษณะเป็นยังไง ที่บ้านเป็นยังไง ครอบครัวเป็นยังไง มีชื่ออะไรบ้าง ต้องแก้ยังไง จะเป็นอาการกระซิบแบบนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการปรุงแต่งของตัวเราเอง อีกส่วนนึงมันได้ยินเสียงจริงๆ พระพุทธเจ้าบอกว่าพวกนี้คืออมนุษย์ คืออยู่ในกลุ่มของพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ อย่างพวกเทวดาที่ต้องการให้เห็นผิด ดึงคนออกจากความเห็นที่ถูกต้อง พวกนี้มีจริง แต่คำถามพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตเราเลย มันมีเหตุมีปัจจัย เหมือนมีคนมานั่งคุยกับเราข้างๆ เขาไปเห็นมา กระซิบบอกเราให้เราบอกคนนี้ เป็นกลุ่มก้อนแก๊งเดียวกัน คือคนนี้ไปอยู่กับแก๊งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็ช่วยกันทำงานให้พวกนี้มีความเห็นผิด พระพุทธเจ้าบอกว่าพวกนี้คือมารผู้มีบาป มีหลายกรณี หนึ่งความคิดตัวเองก็เรียกว่ามาร สองความตาย สาม พวกเทวดา มิจฉาทิฐิที่จะมาหลอกลวงเรา ให้เราหลงผิด ฉะนั้นคนในประเทศเราจะหลงผิดจากเดรัจฉานวิชาเยอะมาก คนเห็นถูกต้องมีน้อยมาก พระพุทธเจ้าบอกว่าคนเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ มีเท่าแค่เศษดินปลายเล็บ แต่คนหลงใหลได้ปลื้มกับศาสตร์เหล่านี้ มีมากเท่ากับผืนแผ่นมหาปฐพี หมายความว่า คนรู้เห็นถูกต้อง เข้าใจถูกต้องว่าทุกอย่างเกิดจากการกระทำทางกาย วาจา ใจ น้อย โดยมากไม่เข้าใจเรื่องนี้ จะไปเชื่อเรื่องพวกเทพเทวาบันดาล สิ่งศักดิ์สิทธิ์อวยพร หมอดู ช่วยแก้กรรมสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ส่วนใหญ่ไปเวย์นี้หมด

นาฟ : ถ้าพระทำ ได้มั้ย

อ.เบียร์ : ไม่ได้ ยิ่งผิดใหญ่เลยถ้าพระทำ

นาฟ : สมมติวัดโพสต์รับจุดเทียนสะเดาะเคราะห์

อ.เบียร์ : ยิ่งหนักเลย พระพุทธเจ้าให้พระภิกษุสงฆ์ ละเว้นจากการหาเลี้ยงชีวิตผิด พระที่ทำเดรัจฉานวิชาจะนำไปสู่นรกกำเนิด หนักกว่าฆราวาสทำอีก เพราะเป็นบัญญัติโดยตรง ต่อให้ใครทำก็ตามไม่มีผลทั้งนั้น สิ่งที่อาจารย์พูด ไม่ได้ต้องการลบล้างความเชื่อใคร ไม่ได้ลบล้างหมอดู ร่างทรง ฮวงจุ้ยอะไรก็แล้วแต่ แต่อาจารย์ต้องการให้เหตุผลตามหลักความจริงว่าเฮ้ย ทุกอย่างในชีวิตเรา มึงเป็นคนทำเอง ชีวิตมึงทุกข์ก็เพราะมึงทำ มึงทุกข์ตรงไหนก็กลับไปแก้ตรงนั้นสิ เหมือนแก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน ไม่ใช่ไปนั่งเอาหุ่นพยนต์มา ไม่ใช่ดูดวงให้หมอดูแก้ ไม่ใช่ให้หมอดูทำนายทายทักว่าอดีตเราตรงหรือไม่ตรง แม่นหรือไม่แม่น เราต้องกลับไปที่ต้นเหตุคือไปใช้หนี้ ใช้หนี้ยังไง ไปทำงาน หาเงิน แล้วจะใช้หนี้หมดเร็วยังไง อย่าไปเป็นหนี้เพิ่ม แค่นี้เลย แต่คิดได้มั้ย ไม่ได้ พอเป็นหนี้ต้องไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จุดธูปบูชา เอาธูปจี้หน้าจะได้มีสติขึ้นมาบ้าง จุดธูป 108 ดอก สะเดาะเคราะห์แล้วจะดี เรียกโชคลาภ มันได้มั้ยล่ะ สุดท้ายก็กลับไปเป็นหนี้เหมือนเดิม

ไม่ได้ปั่น มีคนบอกว่าไหนอาจารย์บอกว่าจะบรรลุธรรม แล้วอาจารย์จัดฟันทำไม?
อ.เบียร์ : จัดฟันอยู่แล้ว จัดฟันก่อนปฏิบัติธรรมอีก

อยากบอกอะไรเขามั้ย?
อ.เบียร์ : สาระแน สอนอยู่ว่าอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน ก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านเก่งกันจริง กระโถนตีปากเข้าให้ ชอบสาระแนเรื่องชาวบ้าน ไม่สาระแนเรื่องตัวเอง วุ่นวาย

เป็นธรรมะคนรุ่นใหม่?
นาฟ : ใช่ คนรุ่นใหม่ชอบ ไม่อ้อมไม่ค้อม ชัดเจนดี ชอบ

ถ้ามีคนบอกว่าอาจารย์พูดแบบนี้ เหมือนเบลมเหยื่อ ซ้ำเติมเขาหรือเปล่า เราละได้มั้ย มองยังไง?
อ.เบียร์ : ต้องเข้าใจก่อน อาจารย์พูดที่ต้นเหตุ ถามว่าถ้ามีหมอดู แต่เราไม่ไปดูดวง เราจะโดนเรื่องนี้ได้มั้ย ไม่ได้ นั่นแหละคือต้นเหตุ ก่อนโทษคนอื่นต้องโทษเราก่อน เราเป็นต้นเหตุในการสร้างปัจจัย ในการเดินไปหาเขา เพราะเรามีความทุกข์ ความทุกข์วางไว้เรื่องนึงแต่การที่เราไปเสียเงินเสียทองให้เขาโดยเราไม่มีสติสัมปชัญญะ เรื่องนี้สำคัญกว่า เพราะทำให้เราเสียเงิน คำถามคือทำไมเราถึงยับยั้งชั่งใจไม่ได้ ไม่พิจารณาตามความเป็นจริง ว่าอะไรเป็นเหตุเป็นผล ฉะนั้นสิ่งที่อาจารย์พูดไม่ได้เข้าข้างหมอดู หรือด่าคนเป็นเหยื่อว่าโง่ ไม่เกี่ยวกัน มึงจะเป็นเหยื่อก็เป็นไป แต่จะมาบอกว่าอาจารย์พูดด่าแต่คนไปดูดวงว่าโง่ ไม่ฉลาด ไม่มีสติสัมปชัญญะ ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริงว่าเป็นแบบนั้น ส่วนหมอดูโกงก็ไปจัดการหมอดูตามเหตุปัจจัย คำถามคือเขาจะโกงเราได้ ต้องมีหลักฐานข้อมูล ถ้าหมอดูไปใส่เลยหมอดูโกงจริง มันมีมั้ย มี ก็ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่จู่ๆ จะให้อาจารย์มาด่าว่าหมอดูโกง มันโกงหรือยัง หรือถ้าเขาโดนจริง ก็ต้องไปดำเนินคดีตามเหตุตามปัจจัย ฉะนั้นอาจารย์พูดเป็นกลาง ว่าหมอดูหลอกลวง มีจริง สองคนที่โง่ มีจริง คำถามคือถ้าเราแก้ไขที่ตัวเอง ดูตามเหตุตามปัจจัย ใช้สติในการดู แต่ไม่ใช่หลงใหลได้ปลื้ม ยอมจ่ายเงิน ยอมเปย์ ยอมให้ทุกอย่าง อันนี้มันขาดสติไปนิดนึง

ถ้าคนบอกว่าเรื่องเกิดแล้ว พูดแบบนี้เหมือนไปซ้ำเติมเขา?
อ.เบียร์ : ปัญหาของคนเราคือไม่ยอมรับตามความเป็นจริง ที่เราออกมาที่โต๊ะนี้เพราะอะไร เพราะต้องการมาชี้แจงให้คนเห็นใช่มั้ย เป็นการเตือนภัย ถ้าเป็นการเตือนภัยก็ถูกต้องแล้ว อาจารย์กำลังเตือนภัยว่าอย่าไปลงงมงายกับสิ่งเหล่านี้ เราอย่าไปโง่ ทุกวันนี้เราเตือนมิจฉาชีพได้มั้ย เตือนไม่ได้ แต่เราสามารถเตือนพวกเรากันเองได้ ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ สุดท้ายภัยต่างๆ เราต้องเป็นคนระวังภัยสิ สิ่งที่อาจารย์พูดคืออะไร อย่าไปโง่ อย่าไปไร้สาระหลงงมงายกับเรื่องพวกนี้ เพราะสุดท้ายเรื่องพวกนี้ นำมาสู่การหลอกลวงได้ทั้งหมด แม้หมอดูดีแค่ไหน แต่เราเต็มใจเอาเงินไปให้เขา ฟ้องร้องได้เหรอ ก็เราเต็มใจเอาเงินให้เขาเอง การซื้อขายเป็นข้อตกลง แพงแค่ไหนก็เป็นข้อตกลง สุดท้ายใครซื้อ เราเป็นคนซื้อเอง ง่ายที่สุดคือการจัดการที่ตัวเอง ไม่ใช่ไปจัดการที่คนอื่น

นาฟ : หนูเข้าใจพี่หนุ่มนะ เหรียญมีสองด้านอยู่แล้ว ถ้าพี่ปอยยอมมาออก ก็ต้องยอมคนด่าว่างมงายบ้าง ก็ต้องยอมรับตรงนี้

อ.เบียร์ : พระพุทธเจ้าเรียกว่าผลของการกระทำ แต่เป็นเรื่องดี เราควรยินดีกับเขา ที่เขาออกมาเปิดเผยเพื่อเตือนประชาชน ดังนั้นควรเอาบทเรียนเหล่านี้ อาจารย์พูดเสมอว่ารายการโหนกระแสพูดเรื่องหมอดูไม่ใช่ครั้งแรก เรื่องความเชื่อ ร่างทรง ฮวงจุ้ย โดนมาไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แล้วก็ดังทั่วประเทศทุกครั้ง สุดท้ายก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ถ้าบอกว่าเอาเหยื่อมายำ ไม่ได้เรื่องนี้ มันไม่ชอบโดยธรรม เพราะสุดท้ายมันคือการเตือน แต่เตือนแล้วทำไมไม่เห็นมีใครฟัง สุดท้ายก็โดนหลอกเหมือนเดิม แล้วจะให้โทษใคร เตือนคนชั่วคนเลวเตือนได้เหรอ มันเป็นคนสันดานแบบนั้น จะเตือนยังไง วิธีที่ดีที่สุดคือเตือนกันเอง ง่ายที่สุด ฉะนั้นวิธีการเดียวคือกลับมาแก้ที่ตัวเอง

นาฟ : ศรัทธากับงมงายเส้นบางๆ เราต้องเชื่อด้วยความที่อยู่ในศีลในธรรมด้วย

อ.เบียร์ : ใช่ กลับมาศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าจะง่าย อย่างทุกวันนี้ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช้ชีวิตง่ายมาก เพราะไม่ต้องไปสนใจเรื่องหมอดู ไม่ต้องดูดวง ไม่ต้องจ่ายเงินให้ใคร แก้ไขที่ตัวเอง ทุกอย่างจบ

นาฟ : อยู่กับความเป็นจริง

นาฟอยู่ในวงการ คนพูดถึงเยอะมั้ย เรื่องการนำเสนอเรื่องหมอดู?
นาฟ : หนูว่าเป็นเรื่องปกติมากกว่า ถ้าเราเป็นผู้มีอิทธิพล เวลาเรารีวิวอะไรไป ผู้บริโภคหรือประชาชนจะตามเราอยู่แล้ว แต่ใดๆ เราต้องมีสติในการดำเนินชีวิต ต้องอยู่กับความเป็นจริง เราอยากรวยได้ แต่ต้องทำงาน เราอยากดังได้ แต่ต้องทำหน้าที่ของเรา โดยไม่ต้องพึ่งอะไรที่เป็นสายดำหรืออมนุษย์ อย่างไหว้พระ กินมังฯ หนูปฏิบัติอยู่แล้ว แต่ถ้ามาแนะนำหนูนอกเหนือจากนี้ ให้ไหว้ผีโน่นนี่นั่น หนูจะไม่ทำ

คุณเหมียว อินเตอร์ บอกว่าอาจารย์ปากจัดจัง มีสติหน่อย?
อ.เบียร์ : เอากระโถนตีปากมึงก่อนอันดับแรก กูมีสติสัมปชัญญะในการด่ามึงชัดเจน ถ้ากูไม่มีสติสัมปชัญญะคงไม่ด่าคล่องปากขนาดนี้หรอก เดี๋ยวเอากระโถนเขวี้ยงกบาล วุ่นวายกับชาวบ้าน บอกให้ดูที่ตัวเอง สาระแน

มีคนถามว่าข้าวสารเสก ไล่ผีได้จริงมั้ย?
อ.เบียร์ : ไล่ความปัญญาอ่อนออกจากสมองมึงก่อน ข้าวสารเสกไม่ได้ช่วยอะไรได้ ชีวิตเราอันดับแรก ไล่ความโง่ในตัวเองก่อน ถ้าไล่ความโง่ตัวเองได้ จะใช้ชีวิตง่าย ไม่มีคำว่าผีสางนางไม้ โชคชะตาสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ไม่มี อันดับแรก เอาข้าวสารไปไล่ความโง่ ไม่ใช่เอาไปไล่ผี

นาฟบ้าคลั่งดูดวงมากเลยเหรอ?
นาฟ : ใครบอกที่ไหนแม่นก็ดู แต่ตอนเด็กๆ ไม่ได้คิดอะไรเยอะ หลายปีแล้วที่ไปดูกับอาจารย์

ดูมากี่คนแล้ว?
นาฟ : เกือบทุกราย แต่สุดท้ายไม่ได้ดูคนนึงดูมากเกิน 1 ครั้ง เพราะหนูก็ไม่ได้ว่าง สุดท้ายเราต้องทำงานอยู่ดี

การดูดวง ถ้าเป็นตัวแทนคนชอบดูดวงมากๆ ดูเพื่ออะไร พี่เป็นคนไม่ชอบดูดวง?
นาฟ : ตอนนั้นมีปัญหาด้านจิตใจ ถึงบอกว่าคนไปดูดวงส่วนใหญ่มีปัญหา ไม่ว่าเรื่องเงิน ครอบครัว หรือเรื่องความรัก และไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จิตแพทย์กลัวไปรพ.แล้วจะแพง ไปหาหมอดูดีกว่า ถามว่าดีมั้ยถ้าเป็นหมอดูที่ดีก็ดี เพราะหมอดูที่ดีก็มี หมอดูไม่ดีก็มี สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราเลยว่าถ้าเขาดูแม่นมาก เขาแนะนำเรายังไง ดูแม่นมาก ให้เราไปแก้กับพระ เอาน้ำมนต์มาอาบนะ อย่างนี้หนูเชื่อ แต่ถ้าดูแล้วดวงตกมาก ต้องทำพิธีหลักแสน แบบนี้หนูจะไม่เชื่อ เพราะหนูรู้สึกว่าดวงเราจะดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่ตัวเราทำ

วันนี้เราไม่เอาแล้ว เราตื่นรู้แล้วเหมือนกัน?
นาฟ : นาฟตื่นแล้ว แต่ถามว่ามีดูมั้ย มีบ้าง แต่ดูฤกษ์ ขึ้นออฟฟิศ บริษัท เพราะมันเป็นตำราที่มีมาอยู่แล้ว

อ.เบียร์ : ไม่มี ไม่รู้จะไปดูทำไม ไม่จำเป็นต้องไปดู สมมติจะไปออกรถ ต้องดูฤกษ์ดูยามมั้ย ดูเงินในกระเป๋ามึงก่อนจ้ะอันดับแรก ไม่ต้องไปดูฤกษ์ มีเงินก็ซื้อไปเลย จะไปดูทำไม รถเราจะดีไม่ดี ใครขับ ก็เราขับ ถ้าขับมีสติสัมปชัญญะ จะเกิดเหตุเภทภัยกับเราได้มั้ย ก็ไม่ได้ คำถามคือรถที่ไปเจิม ดูฤกษ์มาอย่างดี ชนมั้ย ก็ชนอยู่ดี ไม่งั้นจะมีประกันรถไว้ทำไม ถ้าไปดูฤกษ์ ก็ไม่ต้องมีประกันรถ ประกันรับจบหมด ทำไมไม่ให้ฤกษ์รับจบให้ล่ะ ไหนว่าวันเดือนปีดูมาอย่างดี แต่ทำไมปัจจุบัน เรายังมีชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ดีบ้างไม่ดีบ้าง บ้านก็ผุพังเหมือนเดิม ส่งบ้านเหมือนเดิม ชีวิตมีหนี้สินเหมือนเดิม แล้วคำถามคือจะดูฤกษ์ทำไม ฉะนั้นพระพุทธเจ้าบอกว่าฤกษ์ดียามดีมงคลดีสะดวกดี แก่บุคคลนั้นจะเกิดขึ้นได้ด้วยอะไร กาย วาจา ใจสุจริต ใครมีกายวาจาใจสุจริต เวลาใดก็ตาม ขณะนั้นขึ้นชื่อว่าฤกษ์ดี ยามดี มงคลดี สะดวกดี เกิดขึ้นแก่บุคคลนั้นแล้ว ไม่เสียเงินสักบาท จบเลย ง่ายนิดเดียว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตด้วย เพราะสุดท้ายมันกลับไปที่อะไร กาย การกระทำ วาจา ใจ ง่ายๆ

มีคนส่งเข้ามาบอกว่าตอนนี้กลัวเกิดเป็นงูมาก เพราะไปตีงูตาย ทำยังไงดี?
อ.เบียร์ : เพ้อเจ้อ ปัญญาอ่อน ไม่มีหรอก การตีงูคือการฆ่าสัตว์ ไม่ต้องไปปรุงแต่ง มโนเพ้อพก ฆ่าแล้วก็ฆ่าไป แค่สำรวมระวังอย่ากลับไปทำอีก คนเรามันปัญญาอ่อนกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ถ้ากลัวบาปจะไปตีทำไม ถ้างูจะกัดแล้วตีมันตาย ปัญหาคือรักชีวิตตัวเองมากกว่ารักชีวิตคนอื่น มึงรู้ว่าจะบาป ก็วิ่งหนีสิ จะไปตีมันทำไม

นาฟ : ถ้ามันวิ่งตามล่ะ

อ.เบียร์ : งูที่ไหนวิ่งตาม เกิดมาไม่เคยเจอ ไปเอามาจากไหนงูวิ่งตาม มึงกับงูใครฉลาดกว่ากัน มึงฉลาดกว่าแล้วหนีไม่เป็น ก็ให้งูรัดตาย ฉกตาย สมควรแล้ว สมควรแก่การตายนั้น

มีคนส่งมาถามว่าพุทธคุณของพระเครื่องมีจริงหรือไม่?
อ.เบียร์ : ไม่มี พุทธคุณแปลว่าคุณของพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือ พระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระวิสุทธิคุณ เป็นคุณตามหลักความเป็นธรรม ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ตามหลักคำสอน แล้วนำมาบอกสอนแก่เราทุกคน ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ฉะนั้นวิธีการ พุทธคุณในพระเครื่องไม่ได้มีจริงเลย ถ้าถามว่าพระเครื่องมีจริง คนในโลกต้องไม่มีการเสื่อมจากอะไรได้เลย เพราะเรามีพระเครื่องเพื่อป้องกันความจน แต่จนมั้ย ก็จน ป้องกันหนี้สิน ป้องกันได้มั้ย ก็เป็นหนี้สินอยู่ดี ป้องกันให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่ก็ป่วยอยู่ดี ถ้าพระเครื่องกันทุกอย่างได้ ทำไมในโลกยังมีรพ. ทำไมมีอู่ซ่อมรถ ทำไมมีธนาคารปล่อยเงินกู้ ทำไมต้องมีคนมีหนี้มีสิน ใช้บัตรเครดิต เพราะอะไร เพราะไม่มีพุทธคุณตรงนี้

คุณปิ่นรกา ถามว่าอาจารย์ตัดผมร้านไหน อาจารย์จะตอบยังไง?
อ.เบียร์ : หัวก็หัวกู กบาลก็กบาลกู ผมก็ผมกู มึงก็สาระแนกับกูจริงๆ วุ่นวายไปหมด กูไม่ได้ไปตัดผมบนหัวมึง คำถามนี้เจอทุกวัน คำถามปัญญาอ่อน ก็มาปั่นมาป่วน อาจารย์ก็ตอบนะ ไม่ใช่ไม่ตอบ ก็ด่ากลับ โดนด่าแล้วสนุกใช่มั้ย ซาดิสต์ ต้องเอากระโถนเขวี้ยง ป่วนเก่ง

ทำไมต้องเอากระโถน?
อ.เบียร์ : ก็ไม่รู้ มันหาอะไรไม่เจอ ก็เอากระโถนก่อน

คุณห..ใหญ่ บอกว่าไข่ยานต้องทำยังไง?
อ.เบียร์ : ติดต่อรพ.ยันฮี แต่มึงเป็นผู้ชายไปรพ.ยันฮีไม่ได้ ต้องไปรพ.ยันฮัม ไปดึงหรรมที่รพ.ยันฮัม กูแนะนำนะ อาจารย์ชอบ มันดูโง่ดี ทำให้คนขำ อาจารย์ชอบ

มีคนถามว่าวิญญาณตายายในศาลพระภูมิ เขาเป็นผัวเมียกันหรือเปล่า หรือมาเจอกันโดยบังเอิญ คำถามนี้ดี ไม่เคยคิดเลย คนนี้ให้เสื้อหมูเด้ง อันนี้เป็นการละเมิดหรือเปล่า เพราะศาลตายายต้องเอาตุ๊กตามาตั้ง แล้วบอกเป็นตายาย เป็นการคลุมถุงชนเกินไปมั้ย?
อ.เบียร์ : มันไม่มีอะไร มันจะเป็นผัวเมียกันมั้ย มันเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของมึง มึงอยากรู้ก็เดินไปถามเขาสิ มาถามกูแล้วจะตอบยังไง ศาลบ้านมึงหรือเปล่า ไม่ใช่ศาลบ้านกู คำถามคือให้ถามพราหมณ์ ถ้าตอบได้ก็แสดงว่าจริง

ไม่กลัวคนด่าอาจารย์ลบหลู่ความเชื่อเขาเหรอ?
อ.เบียร์ : ไม่กลัว อาจารย์พูดให้เหตุผลตามหลักความเป็นจริง มีคนถามว่ากุมารทองมีจริงมั้ย ถ้ากุมารทองมีจริง ลองให้เดินไปซื้อน้ำแดงเอง ถ้าเดินไปซื้อน้ำแดงเองได้ ก็จะเชื่อว่ามีจริง มันยังซื้อน้ำแดงเองไม่ได้ แต่มึงไปขอเงินจากมัน เขาก็จะคิดตาม เออว่ะ ก็จะพูดไปตามความเป็นจริง ใครรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไสหัวออกไป

บางคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี แล้วด่าเขาไปทั่ว อ้างตัวเองอายุเยอะ ไม่ได้เห็นอกเห็นใจคนอื่นใช้คำพูดหยาบคาย มองยังไง?
อ.เบียร์ : สันดานป้าข้างบ้าน ยุ่งเรื่องชาวบ้านไปหมด แต่ไม่เคยเห็นสันดานตัวเอง อย่างนี้ต้องโดนกระโถน มีแบบนี้ในทุกสังคม พอมันเห็นเรื่องไม่ดีของคนอื่นมันก็ด่า คำถามคือมึงดีหรือยัง มึงก็ยังไม่ดี มึงด่าชาวบ้านทำไม ก่อนเราด่าใคร กลับมาดูตัวเองก่อนว่าดีหรือยัง

เขาบอกเขาดีแล้ว?
อ.เบียร์ : มั่นใจเหรอว่ามึงดี เดี๋ยวกูซักไซ้ไม่ดีจริง กระโถนตีปากนะ ดีจริงเปล่า

บางคนด่าอาจารย์ได้นะ?
อ.เบียร์ : ก็มาสิครับ มาเลย กระโถนมีกันได้ทุกอย่างนะ ใครอยากเสกของใส่กู มึงลองดู กูเขวี้ยงก่อน มึงเสกไม่ทันกูหรอก กูไวกว่า กูอย่างเร็วนะ สมองกูก็เร็วด้วยนะ อีกอย่างคนประเภทนี้มีอยู่ในสังคม อย่างในโหนกระแสคนด่าอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ เราไม่สามารถห้ามปากใครได้ ฉะนั้นเราด่าเพื่อสอนเขา ให้เขารู้ตัวเองว่าอย่าทำสันดานแบบนี้นะ มึงดีจริงหรือเปล่า คนในโลกชอบมั่นใจว่าตัวเองดี แล้วด่าคนอื่นว่าเลว

คุณสรียาพรรณถามว่า แป้งชนิดไหนขูดต้นไทรแล้วเลขขึ้น?
อ.เบียร์ : ไม่ต้องไปหาซื้อแป้ง หาซื้อสมองดีกว่า ถ้าหาแป้งทำให้ถูกหวยรวยเบอร์ได้ สลากกินแบ่งรัฐบาลเจ๊ง หรือไปขอหวยอาจารย์ ถ้าได้จริง ป่านนี้ถ้ากูบอกเลขมึงได้ หรือหมอดูบอกเลขมึงได้ กูถามจริง หมอดูพวกนั้นเคยถูกรางวัลที่ 1 สักครั้งมั้ย ไม่เคยถูก แล้วมึงไปขอจากมันจะรู้วิธีมั้ยว่าจะถูกยังไง ในเมื่อมันก็ไม่รู้ มึงก็ไม่รู้ ต่างคนต่างไม่รู้ เรื่องการขออยู่ที่โภคทรัพย์ วาสนาที่ทำมา ถ้าวันนึงจะถูกมันก็ถูกของมันเอง ไม่ถูกคือไม่ถูก นั่งหาสมองก่อนอันดับแรก

ทำไมคนตายต้องสวดศพ ทำไมไม่เผาไปเลย คนตายฟังสวดแล้วได้อะไร?
อ.เบียร์ : ก็ไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว อีกอย่างการสวดศพในปัจจุบันไม่ได้สวดเป็นภาษาไทย ฟังไม่รู้เรื่องหรอก สวดเป็นพิธีกรรมแค่นั้นเอง สุดท้ายแล้วไม่เกิดประโยชน์ เราไปงานศพ แทนที่จะได้ยินการสวดศพ ก็ฟังไม่รู้เรื่อง เสียประโยชน์ในการฟังธรรม ทุกวันนี้การสวดอภิธรรม 7 บท สวดเป็นภาษาบาลีแล้วแปลด้วยจะดีมาก จะเกิดประโยชน์กับคนที่ไปฟังสวดศพ เขาจะนำบทธรรมนั้นไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ การสวดศพ ไม่จำเป็นต้องสวด เอาพระไปเทศน์เลยก็ได้ อันนั้นเป็นเรื่องรูปแบบประเพณี

นาฟ : อาจารย์ดูมาหมดทุกศาสตร์ ตอนนี้มีเสียงกระซิบอยู่มั้ย

อ.เบียร์ : ไม่มีแล้ว ช่วงแรกมันมาเอง เริ่มจากการมีเซ้นส์ก่อน ได้ยิน ได้ฟังอะไรก็ขนลุกขนพอง ตั้งแต่ม.ปลาย ที่เริ่มมีเซ้นส์ ตอนนี้อายุ 38

มีคนถามว่าไปอาบอบนวดบ่อย ถือว่าสร้างกรรมมั้ย?
อ.เบียร์ : จริงๆ ถามว่าผิดมั้ย เราต้องไม่มีภรรยา อันดับแรก ถ้ามีภรรยาไปก็ผิด เพราะพระพฤตินอกใจ สองต้องถามด้วยนะ คนที่เราไปลงอ่าง มีแฟนหรือยัง พ่อแม่อนุญาตให้ทำอาชีพนี้มั้ย มีใครบังคับให้ทำอาชีพนี้หรือเปล่า ถ้าถามแล้วเขาบอกมีคนบังคับเขา เขาไม่เต็มใจทำ อันนี้ผิด แต่ถ้าเขาเต็มใจก็ไม่ผิดอะไร แต่จะกล้าถามมั้ย ไปแล้วคงมุดอย่างเดียว คงไม่ได้คุยกันหรอก

คนถามผัดกระเพราใส่น้ำตาลหรือเปล่า?
อ.เบียร์ : เนี่ยแหละ ถามทุกวัน บางทีก็ข้ามไป ไม่ตอบ มันกวนมา เราก็กวนกลับ คำถามสาระเราก็ตอบต่อไป ชีวิตอย่าไปจริงจังอะไรมาก เราจริงจังหลักการในชีวิตทำให้มันถูกต้อง ที่เหลือก็ใช้ชีวิตตามเหตุตามปัจจัย

อาจารย์จะบวชมั้ย?
อ.เบียร์ : บวช ปีหน้า หลังออกพรรษา บวชยาว วัดป่านาคำน้อย จ.อุดรธานี เคยไปอยู่กับหลวงพ่ออินทร์ถวายมาแล้ว ช่วงนี้ก็เตรียมตัว เป็นช่วงเคลียร์ชีวิตให้จบ

ถ้าบวชยังไลฟ์ต่อมั้ย?
อ.เบียร์ : คงต้องยุติบทบาทตรงนี้ลง เพราะเป็นวัดป่า อยู่ที่ดุลยพินิจของครูบาอาจารย์

เดือนไหน?
อ.เบียร์ : ต.ค. - พ.ย. ปีหน้า

นาฟ : หนูไปนั่งแทนมั้ย นาฟตื่นแล้ว ใครด่าเขวี้ยงกระโถน (หัวเราะ)

จะไม่คิดถึงแฟนคลับเหรอ?
อ.เบียร์ : ไม่ เราทำตามเหตุตามปัจจัย หน้าที่ในฐานะฆราวาสก็ประมาณนี้ อาจารย์ทำมา 2 ปี ทำเต็มหมดประมาณ 3 ปี ที่จะวางมือ เพราะเราเคลียร์ความเห็นผิดในฐานะฆราวาสได้ประมาณนี้ จากนั้นเราจะไปปฏิบัติธรรมของเราตามเหตุตามปัจจัย ถ้ามีเหตุมีปัจจัยก็จะออกมาเคลียร์ความเห็นผิดของคนในฐานะของพระ แต่จะไม่ใช่สไตล์นี้แล้ว คงพูดความจริงต่อไป แต่จะไม่รุนแรงแบบนี้ ถ้าไลฟ์ก็แล้วแต่ครูบาอาจารย์ ถ้าอนุญาตก็ทำได้ ถ้าไม่อนุญาตก็ทำไม่ได้ แต่มันไม่ได้ วัดที่อยู่ไม่มีไฟฟ้า

บวชไม่สึกเลยมั้ย?
อ.เบียร์ : บวชยาว ตอบไม่ได้ว่าไม่สึก เพราะตามเหตุตามปัจจัย อนาคตไม่แน่นอน อนิจจังไม่เที่ยง ตามเหตุตามปัจจัย

อะไรทำให้รู้สึกว่าจากหมอดูคนนึงมาเปลี่ยนตัวเองเป็นคนสอนธรรม ตื่นธรรม วันนี้จะไปบวชแล้ว ไม่มีกำหนดสึก อะไรทำให้เปลี่ยนได้ขนาดนั้น?
อ.เบียร์ : ฉลาด (หัวเราะ) เมื่อก่อนโง่ โง่แล้วก้าวเข้าสู่ความเห็นที่ถูกต้องก็ฉลาดขึ้น

นาฟ : ชีวิตเราดีได้ ถ้าทำงานดูแลพ่อแม่ ดูแลย่า ดูแลพระในบ้าน



















กำลังโหลดความคิดเห็น